หากออกไปยังอวกาศแล้วหันมองกลับมายังโลก สิ่งแรกๆ ที่เราจะมองเห็นได้ก็คือมหาสมุทรแปซิฟิก
ผืนน้ำกว้างใหญ่สีน้ำเงินที่ครอบคลุมกว่าหนึ่งในสามของพื้นที่ผิวโลก เทียบเท่ากับมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรอินเดียรวมกัน มหาสมุทรแปซิฟิกนั้นนับว่าเป็นที่สุดในแทบทุกๆ ด้านทั้งกว้างใหญ่ที่สุดและลึกที่สุด มีปริมาณน้ำราวครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ำทั้งหมดบนโลกใบนี้ มีเกาะและหมู่เกาะมากกว่า 25,000 เกาะกระจายอยู่เหนือน้้ำและจมอยู่ใต้นํ้า เป็นดินแดนเวิ้งว้างกว้างใหญ่ที่มนุษย์เราใช้เวลาศึกษามาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายร้อยปี
ศาสตร์ในการศึกษาเกี่ยวกับโลกใต้ทะเลเริ่มต้นเมื่อราว ค.ศ. 1450-1750 มนุษย์เราล่องเรือออกไปค้นหาดินแดนใหม่ Ferdinand Magellan นักสำรวจชาวโปรตุเกสเดินทางรอบโลกครั้งแรกเมื่อค.ศ. 1520 ทำให้มหาสมุทรแปซิฟิกเป็นที่รับรู้โดยทั่วกัน แต่แม้จะผ่านมาหลายชั่วอายุคนมนุษย์ก็ยังคงมีความรู้เกี่ยวกับโลกใต้น้ำเพียงน้อยนิด มีเรื่องมหัศจรรย์พันลึกเกิดขึ้นนับไม่ถ้วนที่อาจจะยังอธิบายไม่ได้ด้วยตรรกะของมนุษย์บนพื้นดิน
โลกอีกใบที่ยังไม่พบจุดสิ้นสุด
มหาสมุทรแปซิฟิกนั้นลึกล้ำเหลือกำหนดแค่ไหน วัดได้จากความลึกของ ร่องลึกมหาสมุทรมาเรียนา (Mariana Trench) ซึ่งเกิดจากการที่แผ่นเปลือกโลก 2 แผ่นมุดเข้าหากัน จนกลายเป็นรอยแยกใต้มหาสมุทรทอดตัวเป็นแนวยาวกว่า 2,500 กิโลเมตร กว้างถึง 69 กิโลเมตร จุดที่ลึกที่สุดเรียกว่า แชลเลนเจอร์ ดีป (Challenger Deep) ซึ่งมีความลึก 11 กิโลเมตร ลึกแค่ไหนลองนึกภาพว่าถ้านำยอดเขาเอเวอเรสต์หย่อนลงไป ส่วนปลายของยอดเขาก็จะโผล่พ้นออกมาจากรอยแยกประมาณ 1.6 กิโลเมตรเท่านั้น
ภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่สุดในโลกนี้ก็ตั้งอยู่ลึกลงไป 2 กิโลเมตรใต้มหาสมุทรแปซิฟิก ชื่อว่า ทามู แมสซีฟ (Tamu Massif) มีขนาด 310,000 ตารางกิโลเมตร เทียบเท่าภูเขาไฟโอลิมปัสมอนส์ (Olympus Mons) บนดาวอังคาร ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ และเชื่อกันว่ายังมีภูเขาไฟขนาดใหญ่ยักษ์อีกมากซ่อนตัวอยู่ใต้มหาสมุทร อย่าลืมว่านี่เป็นเพียง 5% ที่เราเข้าถึงจากพื้นที่ทั้งหมดของมหาสมุทรทั้งหมด
เสียงปริศนาใต้ห้วงลึก
The Bloop ถูกค้นพบในฤดูร้อนปี 1997 องค์กรสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาได้จับคลื่นเสียงความถี่ที่ต่ำมาก บริเวณเส้นศูนย์สูตรของโลก ในมหาสมุทรแปซิฟิก เสียงดังกล่าวดังอยู่นานราวหนึ่งนาที แต่มีรัศมีคลื่นสัญญาณกระจายวงกว้างเป็นระยะทางไกลกว่า 5,000 กิโลเมตร จนกลายเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักวิทยาศาสตร์ว่า ต้นกำเนิดเสียงที่ส่งไปได้ไกลขนาดนั้นจะต้องมีขนาดใหญ่กว่าปลาวาฬสีน้ำเงินที่หลายเท่าตัว ไม่ก็อาจเป็นเสียงที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของภูเขาน้ำแข็ง แต่หลายคนก็แย้งขึ้นว่าภูเขาน้ำแข็งไม่น่าเกิดขึ้นในฤดูร้อนได้ เถียงกันไปเถียงกันมาเป็นสิบปี พฤศจิกายน 2012 ปริศนาทุกอย่างก็กระจ่างว่าสุดท้ายแล้วก็เป็นเสียงของธารน้ำแข็งในแอนตาร์กติกานั่นแหละ เหตุที่หลายคนเชื่อ และ ‘อยากเชื่อ’ ว่ามันอาจจะมีสัตว์ประหลาดตัวยักษ์อย่างในตำนานก็เพราะมหาสมุทรเป็นเหมือนมิติลี้ลับที่เรายังไม่รู้จักดี จึงกลายเป็นพื้นที่สำหรับให้จินตนาการโลดแล่นได้อย่างไม่รู้จบ
งมแร่ในมหาสมุทร
ในช่วงเริ่มแรกที่โลกก่อร่างสร้างตัว แร่ธาตุในมหาสมุทรส่วนใหญ่เกิดจากหิน พื้นดินละลายแร่ธาตุไหลลงมารวมกัน ทำให้ทะเลเป็นแหล่งสารละลายที่เหมาะสมแก่การดำรงชีพของสิ่งมีชีวิตบางชนิดเท่านั้น เช่น สัตว์จำพวกมอลลัสก์ (Mollusk) เช่น หอยนางรม หอยตลับ หอยแมลงภู่ จะดึงเอาแคลเซียมจากน้ำทะเลมาสร้างเปลือกและโครงสร้างแข็งห่อหุ้มร่างกาย ส่วนสัตว์จำพวกปู กุ้ง กุ้งล็อบสเตอร์ เพรียงก็มีโครงสร้างที่มีส่วนประกอบของไบคาร์บอเนต ไดอะตอมก็ใช้ซิลิกาในการสร้างเปลือกหุ้มตัว แร่ธาตุในทะเลจึงเป็นตัวช่วยให้เกิดแหล่งอาหารที่สำคัญมากต่อโลกใบนี้
น้ำทะเลมีแร่ธาตุละลายปนอยู่ไม่ต่ำกว่า 77 ชนิด และแร่ธาตุบางอย่างก็รวมตัวกันตกเป็นตะกอนอยู่ก้นทะเล เช่น คลอรีน โซเดียม แมกนีเซียม ออกซิเจน กำมะถัน แคลเซียม โพแทสเซียม แร่ธาตุทั้งหลายที่หายากบนพื้นดิน จึงสามารถหาได้ทั่วไปในพื้นมหาสมุทร เช่น แมงกานีส นิกเกิล แพลตินัม และนีโอดีเมียม ซึ่งถูกฝังอยู่ใต้ก้นมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นแหล่งแร่ธาตุสำรองใต้ทะเลที่ประเทศแถบชายฝั่งอย่างจีน เกาหลีใต้และญี่ปุ่นพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเข้าถึง เพราะแร่ธาตุใต้ทะเลลึกเหล่านี้เป็นทรัพยากรสำคัญในการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูง และแน่นอนว่ายังมีแร่ธาตุอีกมหาศาลที่เรายังค้นไม่พบใต้ท้องทะเลแห่งนี้
มหาสมุทรเปรียบได้กับโลกอีกใบที่มนุษย์ยังรู้จักเพียงน้อยนิด แต่เพียงเท่านี้เราก็สามารถนำมาทำให้เกิดประโยชน์ได้มหาศาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ระดับที่เป็นแหล่งอาหารของโลก หรือเรื่องใกล้ตัวอย่างการช่วยคืนความสดชื่นหลังออกกำลังกาย ด้วย Sport Drink โดยการนำแร่ธาตุจากมหาสมุทรเกรดบริสุทธิ์สูงระดับการแพทย์ (USA Pharmaceutical Grade) มาบรรจุในขวด Tipco WAVE™ เครื่องดื่มผสมเกลือแร่ ที่มีน้ำตาลน้อย ไม่อัดก๊าซ ปราศจากวัตถุกันเสีย และแคลอรีต่ำ ช่วยชดเชยแร่ธาตุที่ร่างกายเสียไป ด้วย BluBio™ (บลูไบโอ) แร่ธาตุจากมหาสมุทรแปซิฟิก ลิขสิทธิ์เฉพาะทิปโก้เท่านั้น ผลิตจากเมืองในประเทศนิวซีแลนด์ที่มีภูมิประเทศเหมาะแก่การผลิตแร่ธาตุจากน้ำของมหาสมุทร เพราะมีแสงแดดจัดและลมแรง ประกอบกับปริมาณน้ำฝนน้อยจึงได้แร่ธาตุที่มีคุณภาพสูง เกรดบริสุทธิ์ เทียบเท่ากับคุณภาพที่ใช้ผลิตยาและเภสัชภัณฑ์
ให้คนรักสุขภาพได้สัมผัสความสดชื่น รับพลังจากมหาสมุทรได้ทุกวัน
อ้างอิง
https://borealinteractive.com/?p=9
https://apod.nasa.gov/apod/ap100427.html
http://pharmaceutical.dominionsalt.co.nz/en/pacific-ocean-raw-salt-source/
http://www.sarakadee.com/2014/08/04/challenger-deep/#sthash.DezZc4If.dpuf
http://www.eartheclipse.com/geography/various-interesting-facts-pacific-ocean.html