ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความรัก แรงเสน่หาเข้าครอบงำคนทั้งสอง ริมฝีปากของพวกคุณเหมือนมีขั้วบวกและขั้วลบฉับพลัน ดึงดูดเข้าหากันจนประทับแนบสนิท จูบเพียงแผ่วเบาเป็นสัญญาณการเชื่อมโยงของมนุษย์เข้าด้วยกัน เราแลกเปลี่ยนกลิ่น รสชาติ ผิวสัมผัส ความลับและอารมณ์ ซึ่งล้วนใส่รหัสลึกลับซึ่งไม่มีเครื่องถอดรหัสใดๆโดยฝีมือมนุษย์ไขออก
‘พันธะทางริมฝีปาก’ วิทยาศาสตร์ค้นพบความซับซ้อนของการจูบเพียงธรรมดาๆ แต่ซ่อนความหมายอันทรงพลังไปสู่สมอง ร่างกาย และคู่รักของคุณ จูบที่มีความหมายสะท้อนถึงวิวัฒนาการอันยาวนานของพวกเรา คุณปราศจากจูบไม่ได้หรอก ชีวิตที่ปราศจากจูบล้วนไร้เสน่ห์สิ้นดี
คุณหนีการจูบไม่พ้น
แม้เราจะไม่ได้เชียร์ให้คุณ “จูบเลยๆๆๆ” ในวันวาเลนไทน์จนทำให้พ่อแม่คุณกังวลใจว่าชิงสุกก่อนห่าม หรือ The MATTER ชี้โพรงให้กระรอก (หรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่) เราเชื่อว่าคุณฉลาดพอที่จะจัดการตัวเองได้ดีในวันแห่งความรัก
แถมมันยังเป็นโอกาสดีที่เราจะมาทำความเข้าใจการจูบ (Kissing) ในมิติของการสื่อสารและกลไกทางร่างกายของคุณ เมื่ออยู่ภายใต้อิทธิพลมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ไว้ ดุจต้องมนต์สะกด ดุจมีเวทมนตร์ในริมฝีปากของเขาและเธอ ทำไมร่างกายคุณเหมือนดำดิ่งไปในก้นมหาสมุทร หรือลอยคว้างไปกลางจักรวาลอันอลหม่านปั่นป่วน
คุณนิยามจูบต่างจากคนอื่นแน่ๆ เรามีทัศนะคติการจูบที่แตกต่างกัน บางทีเราจูบอย่างแผ่วเบาเพื่อการลาจากพร้อมน้ำตา จูบอย่างดูดดื่มราวกับจะเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน จูบอย่างเขินอายและระแวดระวัง จูบมารยาทแห่งการเริ่มต้นของมิตรภาพ จูบเด็กทารกที่เพิ่งเกิดเพื่อเป็นการต้อนรับสู่โลกใหม่ จูบสัตว์เพื่อเลี้ยงสร้างความเชื่อใจให้กับพวกมัน โปรยจูบแบบทั่วถึงให้แฟนคลับของเหล่าเซเลบชื่อดัง แม้กระทั่งการจูบในเทพนิยายก็ปลุกสาวงามให้ฟื้นจากความตายได้ หรือเปลี่ยนกบให้เป็นเจ้าชายในบัดดล
เราปลดพันธนาการคำสาปและความชั่วร้ายด้วยการจูบ
หากเราย้อนเร็วๆ ไปตั้งแต่สิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกเริ่มมี ‘ปากและริมฝีปาก’ โดยวิวัฒนาการเพื่อการกินอาหารเป็นหลัก ต่อมาจึงเป็นการส่งเสียงและพัฒนาเป็นระบบภาษา การจูบสามารถเยียวยาความหิวโหยได้หลายนิยาม โดยการกระตุ้น ความรู้สึกกายสัมผัส (tactile sensation) เร่งเร้าความต้องการทางเพศ สร้างความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนม และพัฒนาแรงผลักดันอื่นๆ ให้คืบหน้า เพราะการสื่อสารที่แท้จริงเกิดจากกลไกภายในร่างกายโดยสัญญาณต่างๆ ซึ่งเป็นสากล ไม่จำเป็นต้องผ่านคำพูดหรือภาษาใดๆ คุณไม่จำเป็นต้องรู้ภาษาใดๆ ในโลกเลย แต่คุณยังสัมผัสความอบอุ่นได้ด้วยการจูบ
การจูบจึงเป็นการสื่อสารขั้นพื้นฐานมากที่สุดหนึ่งอย่างหนึ่งของสิ่งมีชีวิต มันสื่อสารข้อมูลจำเป็นเกี่ยวกับสถานะความสัมพันธ์ปัจจุบันของคุณ และอาจตัดสินความสัมพันธ์ในอนาคตร่วมด้วย วิทยาศาสตร์ยังให้ความสำคัญของ ‘จูบแรก’ ไม่น้อยไปกว่ากัน งานวิจัยหลายๆ ชิ้นยืนยันว่า หากจูบแรกไม่น่าอภิรมย์เลยสำหรับคุณและเขา สัญญาณที่ใส่รหัสผ่านการจูบสามารถบ่งบอกอนาคตความรักที่ไม่ได้ราบรื่นและออกนอกลู่นอกทาง รอดไม่รอด จูบบอกได้
นักจิตวิทยาด้านวิวัฒนาการ Gordon G. Gallup จากมหาวิทยาลัย University at Albany เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสารคดีชุดหนึ่งของ BBC ว่า การจูบเป็นการทดสอบความเข้ากันระดับชีวภาพของความรัก ผ่านกลไกทางเคมีและเจตจำนงที่มนุษย์มีต่อกัน เพียงจูบแรกอาจซ่อนนัยว่าคู่ของคุณมีความพร้อมที่จะสร้างสายใยแห่งครอบครัวหรือไม่ เชื่อมโยงไปยังศักยภาพการเลี้ยงดูทายาทในอนาคต
จูบที่ดีจะไม่ทำให้คุณโหยหิว
คุณเป็นสิ่งมีชีวิตที่จูบเป็นคนเดียวเสียที่ไหน! ยังมีอีกหลายชีวิตที่ให้ความสำคัญของการจูบได้ซับซ้อนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน และถือเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตเลยด้วยซ้ำ นักสัตววิทยาชั้นแนวหน้าชาวอังกฤษ Desmond Morris (ผู้พิสูจน์ว่าคุณเป็นคนรักสัตว์ได้พร้อมๆ กับเป็นคนโรแมนติก) เคยนำเสนอผลงานวิชาการในปี 1960 ว่าการจูบของมนุษย์ มีวิวัฒนาการร่วมมาจากแม่ลิงในกลุ่มไพรเมทที่เคี้ยวอาหารให้อ่อนนิ่มก่อนจะป้อนให้ลูกน้อยแบบปากต่อปาก (Mouth to mouth feeding)
ชิมแปนซี อุรังอุตังและโบโนโบในปัจจุบันก็ยังใช้กลยุทธ์นี้ในการเลี้ยงดูลูก แม่ลิงจูบปากลูกๆ เพื่อบรรเทาความหิวโหยและสร้างความผูกพันในฝูง ซึ่งในกรณีบรรพบุรุษมนุษย์นั้นก็คาดว่าน่าจะมีพฤติกรรมการป้อนอาหารปากต่อปากเช่นกัน เรียกว่า Proto-parental kisses แต่ปัจจุบันเราเหลือเพียงการแสดงออกทางความรักมากกว่า (แต่มีรายงานว่าชนเผ่าพื้นเมืองในแอฟริกายังมีพฤติกรรมการป้อนอาหารลูกด้วยปาก และประกบปากลูกเพื่อลดความหิวในช่วงขาดแคลนอาหาร)
มันเป็นเคมี!
ส่วนผสมทางเคมีซับซ้อนแต่ซ่อนเร้นที่เรียกว่า ‘ฟีโรโมน’ (Pheromones) เล่นกลกับผัสสะของคุณ สัตว์และพืชใช้ฟีโรโมนในการสื่อสารในกลุ่มสปีชีส์เดียวกัน โดยเฉพาะแมลงใช้ฟีโรโมนในหลากหลายภารกิจ มันใช้เป็นสัญญาณเตือนภัย ชี้พิกัดแหล่งอาหาร และดึงดูดเพศตรงข้ามยามต้องการผสมพันธุ์
วิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจกลไกของฟีโรโมนในมนุษย์มากนัก ไม่เหมือนกับหนู แมว สุนัขและหมูที่มีอวัยวะตอบรับฟีโรโมนโดยเฉพาะ อยู่ระหว่างปากและจมูกที่เรียกว่า Vomeronasal organ มีขนาดใหญ่สังเกตง่าย (มนุษย์ก็มี แต่กลไกยังเป็นปริศนา) เราสัมผัสได้ถึงฟีโรโมนผ่านจมูกเป็นหลัก ผู้ชายบางคนสามารถสัมผัสฟีโรโมนของผู้หญิงที่เปลี่ยนไปในช่วงมีรอบเดือน ผู้หญิงถูกปลุกเร้าด้วยกลิ่นเหงื่อจางๆ ที่หลงเหลือในเสื้อผู้ชาย ซึ่งกลิ่นที่ชื่นชอบมักมีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายที่ตรงกันกับผู้หญิง เรียกว่า Androstenol ผู้ชายก็ยังถูกปลุกเร้าจากกลิ่นฟีโรโมนในฮอร์โมนในอวัยวะเพศหญิงที่มีชื่อว่า Copulins ได้ด้วยเช่นกัน แม้คุณจะอยู่ท่ามกลางคนเป็นร้อย แต่อาจมีคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ รู้สึก ‘คลิก’ ด้วย
การจูบจึงเป็นการเคลื่อนระยะเข้าหากัน ลดความห่าง ผัสสะคุณจึงตรวจจับฟีโรโมนของอีกฝ่ายได้ดีขึ้น
จูบทำไมต้องปิดตา? หรือเค้าดูไม่ดีในระยะใกล้เหรอ?
ไม่ต้องให้ทายหรอกว่า อวัยวะส่วนไหนของคุณที่บอบบางมากที่สุด แหงล่ะ! ก็ริมฝีปากไง โครงสร้างทางกายภาพของริมฝีปากล้วนอ่อนไหวและเต็มไปด้วยปุ่มรับรับสัมผัสที่ส่งต่อไปยังนิวรอน (Neuron) สมองอย่างหนาแน่นที่สุดของร่างกาย
เรามีเส้นประสาทสมอง (Cranial nerve) 12 ถึง 13 คู่ แต่เมื่อคุณจูบกับคนรัก เส้นประสาทจะทำงานพร้อมกันถึง 5 คู่ เยอะอยู่นา! มันปิดกั้นผัสสะส่วนอื่นๆ ออกทั้งหมด และโฟกัสไปที่การจูบ ไม่แปลกที่การจูบแต่ละครั้งมันเหมือนโลกทั้งใบได้จากคุณไปแล้ว อยู่ภายใต้สภาวะไร้น้ำหนัก และคุณอาจสูญเสียการทรงตัวไปในทันใด
ข้อมูลที่สมองคุณโหยหาคือ การเคลื่อนไหว Movement อุณหภูมิ Temperature กลิ่น Smell รส Taste ถูกส่งไปราวจรวดนำวิถีสู่สมอง คอร์เทกซ์รับความรู้สึก (Somatosensory cortex) ซึ่งส่วนที่รับข้อมูลจากริมฝีปากมีพื้นที่ใหญ่ที่สุด การจูบจึงเป็นการก่อสงครามความรับรู้ที่ชุลมุนคึกคัก
อย่าแปลกใจที่คุณจะหลับตาขณะจูบใครสักคน และไม่ได้หมายความว่าคุณขี้เหร่ในระยะ Close up ซะหน่อย การจูบที่ดียังต้องมีสมาธิเลย
วาเลนไทน์นี้เอาไงดี?
เมื่อคุณรู้ว่าผัสสะของคุณนั้นช่างเฉพาะเจาะจง และใส่รหัสอย่างซับซ้อนจนแตกต่างจากคนอื่น ดังนั้นอย่าพยายามทำซ้ำ เลียนแบบ หรือ Copy & Paste จากประสบการณ์ของใคร วาเลนไทน์ไม่ได้เป็นเดดไลน์ความสัมพันธ์ของคุณกับเขาเสียหน่อย ให้โอกาสและพื้นที่เพื่อตัวคุณเอง เปิดรับสัญญาณต่างๆ ที่ร่างกายคุณเรียกร้อง จับสัญญาณความรู้สึกของกันและกันในทุกช่วงเวลาที่อยู่ใกล้
สัมผัสจูบจะบอกทุกอย่างเอง ขึ้นอยู่กับคุณจะฟังมันหรือเปล่า?
อ้างอิงข้อมูลจาก
Human pheromones and sexual attraction
Kissing laterality and handedness