ไม่มีงานไหนที่รวบรวมคนเหนือมนุษย์ได้เท่าโอลิมปิกอีกแล้ว
มหกรรมกีฬาระดับมวลมนุษยชาติที่คัดสรร ‘Super Human’ จากทั่วทุกมุมโลกเพื่อลงสนามและทำลายสถิติ ศักยภาพร่างกายที่รีดเค้นมาอย่างหนัก จนดูเหมือนกับว่าระหว่างนักกีฬาและคนธรรมดาอย่างพวกเรายืนอยู่คนละมิติ
โอลิมปิกแนะนำเราให้รู้จัก ‘ไมเคิล เฟลป์ส’ ปีศาจแห่งวารี 22 เหรียญ หรือชายที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก ฉายาเจ้าสายฟ้าฟาด ‘ยูเซน โบลต์’ และ ‘แก็บบี้ ดั๊กลาส’ นักยิมนาสติกสาวที่เชี่ยวชาญทุกอุปกรณ์
ทำไมสุดยอดนักกีฬาถึงทำลายสถิติได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะที่คนธรรมดาอย่างเราจินตนาการไม่ออก
หรือการมีพันธุกรรมดี มีแรงผลักดันทางอารมณ์ และการฝึกฝนระดับเฟิร์สคลาสทำให้คุณเป็นมนุษย์ที่พร้อมทำลายสถิติ
เกิดมาพร้อมยีนดี
“ผมทำให้คุณเร็วขึ้นกว่าเดิมได้ แต่คุณต้องเร็วเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว” Jerry Baltes โค้ชชั้นครูของกีฬาวิ่งประเภท Cross Country ที่ขึ้นชื่อในการหาดาวรุ่งรุ่นใหม่ๆ มาประดับวงการนักวิ่งอาชีพ เชื่อว่านักกีฬาระดับโปรฯมักเติบโตมาพร้อมกับต้นทุนทางร่างกายที่ดี
น่าอิจฉานะที่หลายคนเกิดมาพร้อมกับคุณสมบัติยอดมนุษย์ตั้งแต่เกิด ความแตกต่างทางพันธุกรรมทำให้คุณมีโอกาสเหนือกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะการมียีน (Gene) ที่มีฟีโนไทป์ชั้นดี แต่ผลของยีนอาจสังเกตไม่ได้ด้วยตาเปล่า เพราะบางยีนไม่ได้แค่เพิ่มกล้ามเนื้อ แต่สามารถเร่งกระบวนการเมแทบอลิซึมและความจุปอดที่เกินกว่าความสามารถของคนปกติ เมื่อประสบอุบัติเหตุนักกีฬายังฟื้นตัวเร็วกว่าด้วย หรือการกลายพันธุ์ของคุณทำให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดง การขนถ่ายออกซิเจนจึงเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและราบรื่นมากกว่าคนปกติ
ปัจจุบันวิทยาศาสตร์รู้ว่า มียีน 30 ชนิดที่ทำให้นักกีฬาเป็นต่อในการเอาชนะคู่แข่ง หรือที่รู้จักกันว่า ‘ยีนนักกีฬา’ อาทิ
- ยีน APOE ทำให้ปอดแข็งแรงและดูดซึมออกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในกีฬาวิ่งและปั่นจักรยาน
- ยีน AMPD1 ทำให้อัตราการเผาพลาญไขมันและกลูโคสสูงขึ้น เปลี่ยนเป็นพลังงานได้มากกว่าเดิม หากคุณต้องการความอึดและทน ยีนนี้คือสิ่งที่คุณต้องการ
- ยีน COL1A1 เส้นเอ็นคุณจะแกร่งและป้องกันการบาดเจ็บข้อต่อจากแรงกระแทก ส่วนใหญ่นักกีฬายิมนาสติกมักได้รับบาดเจ็บจากการฝึกซ้อม ยีนที่ดีนี้ทำให้คุณหายเร็วขึ้น
- ยีน ACTN3 ช่วยให้โปรตีนในกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น แต่ละมัดกล้ามจะสามารถส่งพลังมหาศาลเพื่อเป็นประโยชน์ในการเคลื่อนไหวที่ต้องระเบิดพลังเป็นช่วงสั้นๆ อย่างนักวิ่งระยะสั้น และนักทุ่มน้ำหนัก
ยีนเหล่านี้เป็นตัวอย่างเบาะๆ ที่มีอิทธิพลต่อร่างกาย ทำให้นักวิทยาศาสตร์พยายามหาวิธีกระตุ้นยีน (Gene doping) โดยการเพิ่มยีนสุขภาพดีเข้าไปแทนยีนที่ทำให้เกิดโรคหรือยีนธรรมดา เพิ่มศักยภาพร่างกายให้กับนักกีฬามากว่าเดิม ซึ่งมีการศึกษามานานกว่า 20 ปีแล้ว
แต่เท่าที่รู้ๆ กัน ยังไม่มีนักกีฬาคนไหนกระตุ้นยีนระหว่างการแข่งขัน แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่นวัตกรรมทางการแพทย์นี้จะทำให้การแข่งขันไม่ยุติธรรม หน่วยงานที่ป้องกันการใช้สารกระตุ้น World Anti-Doping Agency (WADA) ออกกฎห้ามการสังเคราะห์ยีนและตัดต่อเข้าไปในร่างกาย แต่อย่างไรก็ตาม การกระตุ้นยีนยังตรวจสอบยาก เพราะไม่มีการฉีดสารเคมีเข้าสู่ร่างกายโดยตรง แต่ต้องสังเกตพฤติกรรมยีนที่ทำงานในบางช่วงบางเวลาเท่านั้น
แต่จริงหรือที่ยีนอย่างเดียวจะทำให้คุณกลายเป็นนักกีฬาระดับแนวหน้า
ในเมื่อคุณอยู่บนเวทีที่เต็มไปด้วยนักกีฬาที่มียีนชั้นยอดอยู่เต็มไปหมด
ร่างกายคุณยังไม่พอ แต่จิตคุณต้องแกร่งและกระหายชัยชนะเหนือกว่าคนอื่นๆ
จิตใจที่กระหายชัยชนะ
การเป็นนักกีฬาระดับโลกสภาพจิตคุณต้องแข็งแกร่งประดุจโลหะที่ไม่สะทกสะท้านต่อความกดดันเป็นหัวใจสำคัญที่แยกมืออาชีพออกจากมือสมัครเล่น ประสบการณ์ระหว่างการแข่งขันจะหลอมให้คุณแน่วแน่ และรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ จะเอาแค่ชนะครั้งนี้หรือจะทำลายสถิติที่เคยมีกันไปเลย
ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า ‘MAKE IT HAPPEN’ หรือการทำให้มันเกิด! นักกีฬาจะสร้างสภาพจิตใจที่แกร่ง แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่กดดันบีบคั้นและเสียเปรียบอยู่ก็ตาม
นักวิจัยอย่าง Christian Swann จากมหาวิทยาลัย Wollongong ของออสเตรเลีย พบว่านักกีฬาที่ประสบความสำเร็จมีบุคลิกภาพใกล้เคียงกัน คือมีความมั่นใจตัวเองสูง ชื่นชอบการแข่งขัน รักความสมบูรณ์แบบ มองเห็นโอกาสพัฒนาตัวเอง และวิพากษ์วิจารณ์ศักยภาพตัวเองอยู่ตลอดเวลา
เมื่อพวกเขาลงสนามและโชว์ผลงานได้น่าประทับใจ นักกีฬาส่วนใหญ่จะจัดประสบการณ์นั้นเป็น Best Performance และพร้อมจะทำลายสถิติเดิมที่ตัวเองเคยทำไว้ทุกครั้งๆ ที่ลงสนาม
มีงานวิจัยชุดหนึ่งในปี 2013 โดยกลุ่มนักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัย Illinois ทำการทดลองกับนักกีฬาวอลเล่ย์บอลมืออาชีพ 87 ราย กับการทดสอบด้านการตระหนักรู้เพื่อเปรียบเทียบกับคนปกติ โดยทดสอบอัตราการตอบสนองกับภาพเคลื่อนไหวและการแยกแยะประสาทสัมผัสที่จะทวีความยากขึ้นเรื่อยๆ ที่ระดับหมูๆ จนไต่ทะยานไปสู่ระดับโหดหิน
กลายเป็นว่า นักกีฬาไม่รามือง่ายๆ และพร้อมจะทำคะแนนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ นักวิจัยพบว่ากลุ่มนักกีฬามีสมาธิจดจ่อกับจุดหมายได้ดีกว่าคนทั่วไป และมีการตอบสนองด้านความเร็วที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ หรือหมายความว่าการเทรนนิ่งด้วยความเข้มข้นตลอดเวลา ทำให้นักกีฬารับมือกับความกดดันได้ดี โดยไม่สูญเสียสมาธิและจิตวิญญาณแห่งการเอาชนะเลย
ประสบการณ์แย่ๆ จุดพลังนักสู้
อีกเรื่องที่น่าสนใจจนเห็นว่ามองข้ามไม่ได้ เมื่อประสบการณ์ที่เลวร้ายสามารถเป็นพลังในการพลักดันนักกีฬาสู่การเป็นซุปเปอร์สตาร์
ความคิดนี้นำเสนอโดยนักจิตวิทยาการกีฬา Tim Woodman จากมหาวิทยาลัย Bangor พบว่านักกีฬาชั้นยอดไม่ได้มีวัยเด็กที่ราบรื่นนัก โดย Tim และทีมวิจัยได้ทำรายงานเชิงลึกจากนักกีฬาระดับเหรียญทองกว่า 50 ชีวิตโดยการสำรวจมิติชีวิตของนักกีฬาแต่ละคนจากผู้ฝึกสอน พ่อแม่ และตัวนักกีฬาเอง จนได้รายงานที่มีความหนาเกือบ 8,400 หน้า!! (เขียนกี่วันเนี่ย)
พบความเชื่อมโยงว่า คนเหล่านี้ใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการสมานแผลใจจากเหตุการณ์สูญเสีย การหย่าร้างของครอบครัว เคยเผชิญหน้ากับความตาย และมีประสบการณ์วัยเด็กที่ไม่เหมือนคนอื่น
นักกีฬาส่วนหนึ่งค้นพบว่า กีฬาสามารถบรรเทาความเจ็บปวดจากความล้มเหลวของชีวิตและมุ่งมั่นพัฒนาทัศนคติในแง่บวกหลังจากการลองเล่นกีฬาไปแล้ว Tim Woodman เสนอว่านักกีฬากลุ่มนี้คือพวก ‘น่าจับตามอง’ พวกเขามีพลังที่คุกรุ่นพร้อมระเบิดออกมาเป็นศักยภาพทางกีฬา และนักกีฬาที่เคยผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายนั้นฝึกง่าย มีวินัยสูง เพราะพวกเขาเห็นผลลัพธ์ของความเจ็บช้ำจากการที่ไม่พัฒนาอะไรเลย
นักกีฬามือสมัครเล่นลงสนามเพื่อเอาชนะคู่แข่ง แต่นักกีฬามืออาชีพจะลงแข่งเพื่อเอาชนะตัวเอง
โอลิมปิกปีนี้มีใครเป็นนักกีฬาในดวงใจแล้วหรือยัง หรือซิกแพคล่ำๆ ต้องตาคุณบ้างหรือเปล่า?
ได้เวลาแห่งโอลิมปิกแล้ว นี่คือช่วงเวลาที่สถิติจะต้องถูกทำลาย !
อ้างอิงข้อมูลจาก
Perceptual – Cognitive Expertise in Elite : Heloisa Alves in Frontiers in Psychology Vol.4
The Win to Win. Steve J. Ayan . May 2005
Science Illustrated : August 2016