มนุษย์เราฝันถึงเรื่องแปลกๆ เป็นปกติ บ้างก็เป็นเรื่องเหนือจินตนาการ บ้างก็เป็นเรื่องที่หาที่มาที่ไปไม่ได้ บ้างก็มาในรูปแบบของ ‘ความน่าอับอาย’ ที่เมื่อตื่นเราขึ้นมาทีไรก็รู้สึกโล่งอก และอยากขอบคุณที่มันเป็นเพียงแค่ความฝัน เพราะถ้าเกิดขึ้นในชีวิตจริงล่ะก็ คงไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหนเลย ความฝันที่เต็มไปด้วยเรื่องน่าอาย จัดว่าอยู่ในหมวดหมู่ของ ‘ฝันร้าย’ ได้มั้ยนะ?
จริงๆ แล้วความฝันที่น่าอับอายไม่ใช่ลางร้ายอะไรหรอก แต่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงสภาพจิตใจของเราในขณะนั้นหากต่าง และบางครั้งก็มีประโยชน์ต่อเราในชีวิตจริงอีกด้วย บทความนี้จึงอยากชวนทุกคนไปสำรวจความฝันเหล่านั้นกับสภาพจิตใจของตนเองไปพร้อมๆ กัน
‘ความกังวล’ ภายใต้ความฝันอันน่าอาย
ฝันร้ายของคุณเป็นแบบไหน? ฝันเห็นผี ฝันเห็นสัตว์ประหลาด ฝันว่าตนเองได้รับอันตราย ฝันว่าสูญเสียคนรักคนสำคัญ หรือฝันใดๆ ก็ตามที่นำมาซึ่งความรู้สึกไม่สบายใจ ทุกข์ใจ หรือหวาดผวาหลังตื่นนอน ซึ่ง ‘ความฝันที่เกิดจากความกังวล’ ก็ส่งผลกระทบให้เกิดความรู้สึกเหล่านั้นเช่นกัน แต่แตกต่างจากฝันร้ายทั่วๆ ไปตรงที่ความฝันนั้นเชื่อมโยงกับสถานการณ์ ความคิด และความรู้สึกของเราในชีวิตจริงด้วย
ความฝันที่เกิดจากความกังวล หรือ anxiety dream เป็นความฝันที่เกิดขึ้นในช่วงที่ดวงตาของเรายังคงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วขณะหลับ หรือที่เรียกว่าช่วง rapid eye movement (REM) โดยมนุษย์จะเริ่มฝันถึงเรื่องต่างๆ ยังไม่หลับลึกหรือหลับสนิทดี ซึ่งความฝันที่เกิดจากความกังวลนั้นมีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต ส่วนใหญ่จะเป็นความฝันที่มีความ ‘ไม่สมจริง’ ไปบ้าง อาจมีสาเหตุมาจากความกังวลในชีวิตประจำวัน บาดแผลในวัยเด็ก หรือการต้องรับมือกับความขัดแย้ง
ยกตัวอย่าง เช่น ฝันว่ากำลังขายงานให้กับลูกค้าเจ้าใหญ่ แต่ขณะที่พูดอยู่นั้น ได้ก้มลงมามองท่อนล่างของตนเอง แล้วก็พบว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ลืมใส่กางเกงซะได้! ซึ่งการฝันว่าตนเองโป๊เปลือยในที่สาธารณะแบบไม่ได้ตั้งใจ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้คนมักจะฝันถึงบ่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าความฝันนั้นเกิดขึ้นมาได้ยังไง ไม่เคยนึกถึงเรื่องจำพวกนี้มาก่อน จะเล่าให้ใครฟังก็ไม่กล้า กลัวคนอื่นหาว่าทะลึ่ง ลามก หรือหมกมุ่นเกินไป เพราะอย่างฝันร้ายอื่นๆ ก็อาจมีสาเหตุจากการที่ดูหนังบ่อย หรือไปฟังใครพูดมา จนเก็บมาฝันเป็นเรื่องเป็นราว
แต่ถ้าหากใครเคยฝันในลักษณะดังกล่าว ต้องขอบอกเลยว่าคุณไม่ได้ผิดปกตินะ และมีคนที่ฝันแบบคุณไม่น้อยเลย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความลามกด้วย
อย่างที่ได้บอกไปว่าความฝันที่เกิดจากความกังวลมักจะมีความไม่สมจริงอยู่ ยิ่งการที่เราเปลือยท่อนล่างไปพรีเซนต์งาน ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย แต่ทำไมเราถึงฝันแบบนั้นขึ้นมาได้ล่ะ? งั้นมาดูกันว่าฝันอื่นๆ มีเรื่องอะไรบ้าง
ฝันว่าทำข้อสอบไม่เสร็จ ฝันว่าไม่ได้จัดกระเป๋าก่อนออกเดินทาง ฝันว่าไปธุระที่สำคัญสาย ฝันว่าล้มขณะที่โดนไล่ล่า ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถจับจุดได้ว่าเป็นความฝันที่เกี่ยวกับการทำอะไรไม่เสร็จ ไม่สำเร็จ หรือขาดตกบกพร่องอะไรไปสักอย่าง หากคุณเป็นคนที่ขี้กังวลอยู่แล้ว จะพบว่าไม่แปลกเลย หากร้อยพันสิ่งที่เรากังวลในชีวิตจริงจะนำมาซึ่งความฝันประหลาดๆ เหล่านี้ได้
“ความฝันที่เกิดจากความกังวลเป็นมากกว่าแค่ความกังวล แต่เป็นสิ่งที่ผลประมวลผลจากวัน สัปดาห์ เดือน และปีของชีวิตเราได้ ทั้งยังประมวลผลความคิดและความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจขณะนั้นด้วย” โจชัว คลาโปว (Joshua Klapow) นักจิตวิทยาคลินิกกล่าว และเขาก็เล่าว่า เหตุการณ์ในความฝันสามารถเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิต หรืออาจจะเป็นเพียงแค่สัญญะบางอย่างก็ได้ แต่ทั้งหมดทั้งมวล ความฝันนั้นกำลังเป็นตัวแทน ‘อารมณ์ที่แท้จริง’ ของเราอยู่
อย่างการที่ฝันว่าตนเองโป๊เปลือยในที่สาธารณะจนอับอายสายตาผู้คน ลึกๆ แล้วเราอาจจะมีความกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองมา ความมั่นใจในตนเอง หรือกลัวว่าจะทำอะไรเด๋อด๋าต่อหน้าคนสำคัญ หรือฝันว่าจู่ๆ ฟันก็ร่วงหมดปาก ซึ่งในปี ค.ศ.2018 ผลการสำรวจพบว่า เป็นหนึ่งในความฝันที่ผู้คนฝันถึงบ่อยๆ เช่นกัน โดยมีการสันนิษฐานว่าฟันเป็นตัวแทนทั้งหมดของใบหน้าเรา หากมันหลุดร่วงออกมา ก็อาจเกี่ยวกับการที่เรากำลังกังวลว่าคนอื่นมองเรายังไง หรือกำลังกลัวการถูกปฏิเสธจากสังคมอยู่
คอนนี ฮาบาช (Connie Habash) ผู้แต่งหนังสือเรื่อง Awakening From Anxiety เล่าว่า การที่เราฝันว่าฟันหลุดร่วง เป็นอีกอาการหนึ่งที่บ่งบอกถึงความกลัวหรือความกังวล ที่มักจะเกิดจากการ ‘สูญเสียการควบคุม’ เพราะเมื่อเราไม่มีฟัน เราจะรู้สึกว่าเราไม่สามารถกัดกินอะไรได้ แต่มั่นใจเถอะว่าฟันของเรายังอยู่ดี
หรืออย่างในช่วงโรคระบาด COVID-19 ก็จะพบว่า ผู้คนฝันร้ายหรือแปลกๆ มากขึ้น เช่น ฝันว่าตกจากที่สูง ฝันถึงแฟนเก่า ฝันถึงเรื่องราวในอดีต หรือฝันถึงใครสักคนที่ไม่คิดว่าจะฝันถึง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็อธิบายได้ว่า เกิดจากความเครียดและความกังวลที่มากขึ้น ในช่วงที่สถานการณ์เต็มไปด้วยเรื่องที่ต้องปรับตัวมากมาย และการขาดชีวิตประจำวันแบบเดิมๆ ขาดการเจอสังคมแบบเดิมๆ ทำให้ผู้คนอาจมีความฝันที่เกี่ยวกับอดีต เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตปัจจุบัน
การจำลองภัยคุกคามในความฝัน
แม้จะเป็นความฝันที่ชวนให้อึมครึม มึนงงหลังจากตื่นขึ้นมา จนรู้สึกว่าการนอนหลับทำไมเหนื่อยอย่างนี้นะ มันควรจะเป็นการพักผ่อนร่างกายและจิตใจสิ และเริ่มไม่อยากนอนแล้ว เพราะกลัวจะฝันอะไรไร้สาระแบบนี้อีก แต่ที่จริงแล้วก็มีทางออกสำหรับเรื่องนี้ และในระยะยาว เราสามารถเรียนรู้บางอย่างจากความฝันของเราได้
“โฟกัสไปที่อารมณ์ในความฝัน และถามตัวเองว่าอารมณ์นั้นสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราหรือเปล่า” โจชัวแนะนำ เพราะเมื่อความฝันเหล่านั้นอ้างอิงมาจากความกังวลในชีวิตจริง ก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่เราได้ลองสำรวจอารมณ์ความรู้สึกของเราในขณะนั้นไปด้วย นี่เรากำลังกังวลอะไรอยู่หรอ? กลัวอะไรอยู่นะ? หรือรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือเปล่า? เช่น การทำงาน การสอบ การเงิน หรือการเข้าสังคม เหมือนเป็นการขุดเอาจิตสำนึกที่ลึกที่สุดขึ้นมาพินิจพิจารณา หาสาเหตุ และหาหนทางแก้ไขปัญหานั้นที่สามารถเกิดขึ้นในชีวิต เพื่อที่จะได้กลับมานอนหลับพักผ่อนได้อย่างแท้จริง
อิซาเบลล์ อาร์นุลฟ์ (Isabelle Arnulf) นักประสาทวิทยาและประธานของสมาคมเพื่อการวิจัยและการรักษาการนอนหลับ แห่งประเทศฝรั่งเศส เรียกฝันอันแปลกประหลาดว่า ‘ทฤษฎีการจำลองภัยคุกคาม’ หรือ threat simulation theory ซึ่งมนุษย์จะได้ซ้อมรับมือกับสถานการณ์ที่น่ากลัวในความฝัน และสามารถเผชิญกับสถานการณ์เหล่านั้นในชีวิตจริงเมื่อตื่นขึ้นมา หรือมากกว่านั้นก็คือ ‘ทฤษฎีการจำลองภัยคุกคามทางสังคม’ ซึ่งเน้นแนวคิดที่ว่า ความฝันช่วยเตรียมเราให้พร้อมรับมือกับความเครียดจากสังคมได้ อย่างการฝันว่าฟันร่วงหรือการโป๊เปลือยในที่สาธารณะ
นอกจากนี้ ในปี ค.ศ.2014 อิซาเบลล์ได้ทำการศึกษากับนักเรียนที่กำลังเตรียมตัวสอบ เพื่อดูว่าพวกเขามีความฝันแบบไหนในคืนก่อนถึงวันสอบ แล้วก็พบว่า มีความฝันที่เกี่ยวกับการหาห้องสอบไม่เจอ มาสาย กาข้อสอบผิดช่องตั้งแต่ข้อแรก จึงทำให้ทุกข้อที่ตามมาผิดหมด ไปจนถึงไม่เข้าใจเลยว่าข้อสอบตรงหน้ากำลังถามอะไร
แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ เธอพบว่า นักเรียนที่มีความฝันจากความกังวลมากที่สุด กลับได้คะแนนสอบสูงสุดเมื่อเทียบกับนักเรียนคนอื่นๆ จึงทำให้ทฤษฎีการจำลองภัยคุกคามในความฝันของอิซาเบลล์ดูมีน้ำหนักมากขึ้น เพราะความฝันที่มาจากความกังวล มักจะเป็นความฝันที่เกี่ยวกับการเตรียมตัวไม่เสร็จ หรือทำอะไรบางอย่างไม่สำเร็จ เป็นเรื่องดีที่เราจะรู้ว่าลึกๆ เรากำลังกังวลต่อเรื่องนั้นอยู่ และเมื่อตื่นขึ้นมา ก็มานั่งคิดว่าเราจะทำยังไงได้บ้าง เพื่อ ‘ป้องกัน’ ไม่ให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นจริง
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าความฝันเชื่อมโยงกับสภาวะทางจิตใจของเรามากน้อยแค่ไหน อาจจะลองเริ่มจากการ ‘จดบันทึก’ ดูก็ได้ว่าเราฝันแปลกๆ หรือฝันเกี่ยวกับเรื่องน่าอายบ่อยแค่ไหน แล้วแต่ละครั้งที่ฝัน ชีวิตเราในช่วงนั้นกำลังเจอกับสถานการณ์อะไร? มีอารมณ์แบบไหน? มีความกังวลร่วมด้วยหรือเปล่า? เพื่อหาความเชื่อมโยงให้แน่ชัด จากนั้นค่อยมาหาทางรับมืออีกที อาจจะเป็นการซักซ้อมการพรีเซนต์งานให้ดีขึ้น ตรวจสอบกระเป๋าอีกครั้งก่อนถึงเวลาเดินทาง หรือเตรียมตัวสำหรับการสอบมากขึ้น แต่ที่สำคัญ อย่าลืมดูแลตนเองให้ผ่อนคลายก่อนเข้านอนด้วยนะ เช่น พยายามไม่เข้าโซเชียลมีเดีย หรือดูอะไรที่ทำให้เกิดความเครียด ความกังวล หรือปรับสภาพแวดล้อมการนอนให้พร้อมทั้งเรื่องของแสงและอุณหภูมิ ก็จะช่วยให้สามารถหลับสนิทและลดการฝันร้ายได้
ไม่ว่าจะเป็นฝันร้ายหรือฝันที่เกิดจากความกังวล ก็คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็อยากให้ลองสังเกตดูว่าความฝันนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร หรือเรากำลังรู้สึกอะไรภายใต้ความฝันนั้นอยู่ เพราะถ้าเราหาสาเหตุเจอ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้สามารถรับมือกับปัญหาในชีวิตจริงได้ดีขึ้น แต่ยังทำให้เราฝันถึงสิ่งนั้นน้อยลงในอนาคตด้วย
อ้างอิงข้อมูลจาก