แชตหนักขวามาก รอเธอตอบข้อความมาสองวันแล้ว ชวนออกไปไหนก็ไม่ไป แต่เห็นเธอลงสตอรี่ว่าอยู่กับเพื่อน เธอจะโผล่มาคุยด้วยก็ต่อเมื่อเธอเหงาเท่านั้นแหละ ความสัมพันธ์แบบนี้หมายความว่ายังไง แล้วเมื่อไหร่ที่เราจะได้เป็นตัวจริงของเธอ?
ถ้าคุณกำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่ต้องพยายามอยู่ฝ่ายเดียว แต่พยายามยังไงก็ไม่เป็นผล อดทนกับการไม่ได้เป็นคนที่สำคัญที่สุดของเขา ตั้งคำถามกับคุณค่าของตัวเองอยู่หลายครั้ง คุณอาจจะกำลังอยู่ในความสัมพันธ์แบบ Backburner หรือความสัมพันธ์ที่เก็บเอาไว้เป็นตัวสำรองอยู่ก็ได้นะ และวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับความสัมพันธ์รูปแบบนี้ ที่ไม่ว่าใครก็น่าจะต้องเคยเจอสักครั้ง
เก็บเธอเอาไว้คลายเหงา
Backburner Relationship เป็นความสัมพันธ์ที่ฝ่ายหนึ่งมองหาใครสักคนที่พอจะดูสานสัมพันธ์ไว้เป็นตัวเลือกหรือตัวสำรองได้ แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญขนาดนั้น พวกเขาเพียงเก็บเอาไว้เผื่อว่าสักวันในอนาคตอันไกลจะได้เลือกมาเป็นตัวจริง ส่วนอีกฝ่ายตัวสำรองก็ได้แต่รอ พยายามอดทนกับการ ‘ไม่ได้เป็นที่หนึ่ง’ แต่ก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์นี้เอาไว้ เผื่อว่าสักวันจะมีสิทธิ์ได้เป็นตัวจริงของเขา หรือถ้าให้อธิบายแบบง่าย ก็คือสิ่งที่หลายคนเรียกกันว่า ‘คุยเผื่อเลือก’ นั่นแหละ
ฟังดูแล้วเป็นพิษยังไงก็ไม่รู้ แต่กลับมีคนที่ตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้มากมาย มีงานวิจัยในปี 2018 พบว่าจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง กว่า 70% ล้วนตอบว่าพวกเขามีตัวสำรองอย่างน้อยหนึ่งคน
นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2018 แต่เมื่อมาถึงปี 2022 ที่สถานการณ์โลกทำให้ใครหลายคนรู้สึกแย่ เศร้า และเหงา การมีคนที่สามารถหยอดกัน คุยกันได้ในยามที่ต้องการใครสักคน ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้ แต่ก็ด้วยสถานการณ์โลกที่ย่ำแย่เหล่านี้อีกนั่นแหละ ที่ทำให้ผู้คนไม่อยากผูกมัดกับใครเลย
ผู้คนเลยแสวงหาใครคนมาเป็นตัวสำรอง เริ่มให้โอกาสคนที่ตัวเองไม่เคยให้โอกาส เริ่มหยอดคนที่รู้สึกว่าพอจะหยอดได้ ยิ่งอยู่ในยุคที่การส่งข้อความหากันเป็นเรื่องง่าย ยิ่งทำให้ผู้คนมีแนวโน้มที่จะมีตัวสำรองเก็บเอาไว้ในใจ โดยมีบทความที่ได้ตีพิมพ์ในวารสารได้ยืนยันว่าอินเทอร์เน็ตทำให้การสื่อสารกับเหล่าตัวสำรองง่ายขึ้นจริง
ไม่ว่าจะเป็นคนคุยสมัยเรียนที่คุณยังคงส่องสตอรี่ของเขาไม่หยุด แฟนเก่าที่ปัจจุบันก็พอจะทักไปคุยกันได้อยู่บ้าง หรือคนน่ารักคนนั้นที่คุณบังเอิญได้เจอแล้วคุยกันถูกคอ ล้วนเป็นใครสักคนที่พอจะดูสานสัมพันธ์เก็บเอาไว้คุยเล่นยามเหงาได้
บางครั้งที่คุณรู้สึกเหงา คุณอาจจะมีความคิด ‘จะเป็นยังไงนะ ถ้าเราลองหยอดเขาดู’ หรือ ‘จะเป็นยังไงนะ ถ้าเราได้คบกัน’ ถ้าความคิดเหล่านั้นยังคงเป็นแค่ความคิด คุณยังไม่ได้ลงมือทำให้ความคิดเหล่านั้นมันเกิดขึ้น ก็ยังไม่นับว่าเป็น Backburner Relationship เพราะความเหงาและความคิดแบบ ‘What if?’ เป็นเรื่องธรรมดาของคนทุกคน
ถ้ามีตัวจริงแล้ว ยังมีจะมีตัวสำรองไว้อีกเหรอ
การคุยกับใครสักคนไว้เผื่อเลือกในอนาคตอันไกล (ที่ไม่รู้จะมาถึงหรือเปล่า) ในขณะที่เป็นโสดอาจจะถือว่ายังเป็นเรื่องที่รับได้ แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่มีคู่เดทอยู่แล้ว หรือแต่งงานแล้วล่ะ นั่นหมายความว่าคุณกำลังนอกใจอยู่หรือเปล่านะ
ยิ่งเป็นในยุคที่การสื่อสารทำได้ง่ายผ่านอินเทอร์เน็ต การซ่อนใครสักคนไว้ในลิสต์คนที่ติดตามคงไม่ใช่เรื่องยากนัก และการลบบทสนทนาที่เคยคุยกันไว้ก็สามารถทำได้อย่างแนบเนียนมีบทความที่ได้ตีพิมพ์ในวารสารด้านสังคมศาสตร์ได้รายงานไว้ว่า การที่ผู้คนมีสถานะแต่งงานแล้วไม่ได้ช่วยให้พวกเขาหยุดตามหาตัวสำรองมาพักพิงอิงใจยามเหงาเลย คนที่แต่งงานแล้วนั้นมีตัวสำรองเก็บไว้มากกว่าคนที่มีคู่เดทเสียอีก แต่พวกเขาแทบไม่ค่อยติดต่อหรือใช้เวลากับตัวสำรองของพวกเขามากนัก
เราเป็นตัวสำรองของใครอยู่หรือเปล่านะ?
ถ้าลองสำรวจตัวเองแล้วพบว่า เรากำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่ต้องพยายามอยู่คนเดียว อีกฝ่ายมีอำนาจในการต่อรองมากกว่า หรือต้องพยายามอดทนกับการที่เขาไม่อยากใช้เวลาร่วมกัน ไม่ค่อยตอบข้อความ ปล่อยให้แชตหนักขวาอยู่แบบนั้น และไม่ว่าพยายามแค่ไหนก็ไม่ได้สถานะที่อยากจะได้เสียที บางทีเราอาจจะกำลังเป็นตัวสำรองของใครบางคนอยู่ก็ได้
ในทางกลับกัน ถ้าดูในรายชื่อคนที่กำลังคุยอยู่ แล้วพบว่ากำลังคุยกับพวกเขาอยู่เพียงเพราะว่าเหงา เขามีค่าเฉพาะช่วงเวลาที่อยากคุยกับใครสักคน หรือเกิดคำถามว่า ‘เราชอบเขาจริงหรือเปล่านะ’ ขึ้นมาในใจอยู่บ่อยครั้ง นั่นก็อาจแปลว่าเรากำลังเก็บเขาไว้เป็นตัวสำรองเช่นกัน
เมื่อมีคนอยู่คนเดียวที่ได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์แบบนี้ ส่วนอีกคนต้องทนแบกรับความรู้สึกที่ว่าตัวเอง ‘ไม่ใช่ที่หนี่ง’ ความสัมพันธ์แบบนี้จะเวิร์กจริงหรือ?
หลายคนที่ติดอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้ ทั้งที่รู้ว่าบั่นทอนจิตใจเหลือเกิน อยากจะปล่อยมือแล้ว แต่มันการเดินออกมามันยากเหลือเกิน ไม่เป็นไรนะ การเดินออกจากความสัมพันธ์นั้นต้องใช้เวลา และสักวันเราจะต้องทำได้อย่างแน่นอน
ไม่แน่บางทีอาจเพราะความพยายามของเราหรือเปล่า ที่ทำให้เขาดูแสนจะพิเศษ ดังนั้นถ้าเราไม่ได้พยายามที่จะรักเขาขนาดนั้น เขาอาจจะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยในสักวันก็ได้
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.psychologytoday.com