ตลอดความขัดแย้งของการเมืองไทยที่ยืดเยื้อมาเกินสิบปี น้อยครั้งที่เราจะเห็นคนจากวงการบันเทิงปรากฏตัวในที่สาธารณะพร้อมจุดยืนทางการเมืองของตัวเอง และน้อยยิ่งกว่ากับการแสดงออกเป็นกลุ่มก้อนแล้วพูดความคิดอย่างตรงไปตรงมา
จนกระทั่งเกิดกลุ่ม กปปส. ที่กลายเป็นภาพแปลกตา เพราะเหล่าผู้กำกับ นักแสดง พิธีกร ผู้จัดละคร และคนมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงจำนวนมาก ทั้งรุ่นอาวุโส รุ่นกลาง และรุ่นใหม่ พร้อมใจกันออกมาแสดงจุดยืนและเคลื่อนไหว จนกระทั่งเกิดการรัฐประหาร 2557
ด้วยคนจำนวนมากขนาดนั้น บางคนเลยเกิดคำถามว่า พวกเขาคือคนส่วนใหญ่ของวงการบันเทิงหรือเปล่า
‘เพชร-กรุณพล เทียนสุวรรณ’ เป็นนักแสดงมืออาชีพอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าเขาไม่ใช่พระเอก อีกทั้งชื่อเสียงก็ไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง แต่ตั้งแต่ละครเรื่องแรกคือ ‘ขอหยุดหัวใจไว้เพียงเธอ’ เมื่อปี 2544 จนถึงปัจจุบัน เขาคือนักแสดงชายที่มีผลงานละครมาแล้วหลายสิบเรื่อง ต่อให้บางคนไม่คุ้นชื่อมากนัก แต่หลายคนคงคุ้นหน้าพอสมควร
“คนที่ออกมาไม่ใช่คนส่วนใหญ่ แต่พวกเขาเป็นดาราดัง เห็นหน้าแล้วรู้จัก ดาราที่ไม่ได้ดังมาก แต่ไม่ขึ้นเวที ไม่ออกมา และไม่เห็นด้วย คนเหล่านี้เยอะนะ แต่พวกเขาเลือกที่จะอยู่นิ่งๆ ดีกว่า” เพชร-กรุณพล บอกแบบนั้น แม้เขาจะรู้จักกับหลายต่อหลายคนที่ออกมาในนาม กปปส. แต่เขาไม่เห็นด้วย และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งกับการเคลื่อนไหวนั้น
ลำพังแค่ไม่ออกไปเคลื่อนไหวด้วย เต็มที่เขาคงอยู่ในบทสนทนาลับหลัง แต่เรื่องเกิดลุกลามบานปลาย เมื่อดาราจำนวนมากโพสต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียชวนให้ประชาชนออกไปปิกนิกเพื่อขวางการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ภายใต้แนวคิด ‘ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง’ ซึ่งเขาไม่เห็นด้วย แล้วตัดสินใจโพสต์สวนกระแสชวนคนออกไปเลือกตั้งแทน
ราคาที่เขาต้องจ่ายให้กับการแสดงจุดยืนครั้งนั้น คือ ผู้จัดละครปลดออกจากละคร รุ่นพี่นักแสดงที่เป็นต้นแบบของชีวิตไม่รับไหว้ อีกทั้งถูกนำไปพูดถึงบนเวที กปปส. จนมีชาวเน็ตจำนวนมากมาแสดงความไม่เห็นด้วย วิพากษ์วิจารณ์ และด่าทอด้วยคำหยาบคาย ในฐานะปุถุชน เขาย่อมเสียใจเป็นธรรมดา แต่ในฐานะประชาชน เขายืนยันว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้น
เวลาผ่านไปหลายปี ประชาชนในประเทศไทยได้กลับมาใช้สิทธิ์ของตัวเองอีกครั้งเมื่อ 24 มีนาคม 2562 เป็นการเลือกตั้งที่เกิดพรรคการเมืองใหม่ๆ จำนวนไม่น้อย และนักแสดงชื่อว่า ‘เพชร-กรุณพล เทียนสุวรรณ’ แสดงออกตรงไปตรงมาว่า สนับสนุนแนวทางของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นอีกครั้งที่เขาเลือกแสดงจุดยืนของตัวเองอย่างเป็นสาธารณะ
ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองไทยที่ยังไม่มีวี่แววถึงตอนจบ เราชวนเขาทบทวนถึงชีวิตในวงการบันเทิง ความสนใจในเรื่องการเมืองของตัวเอง และระหว่างทางของความขัดแย้งที่เขาพบเจอตลอดหลายปีที่ผ่านมา
The MATTER: คุณเริ่มเข้ามาวงการบันเทิงได้ยังไง
ตอนนั้นผมไปเดินเล่นที่เกษรพลาซ่า แล้วบังเอิญเจอพี่ชาลี (ชุลิตา อารีย์พิพัฒน์กุล) บรรณาธิการของพลอยแกมเพชร เขารู้จักกับแม่ (ประภัสสร พานิชกุล) เพราะเป็นนางสาวไทย เลยขอสัมภาษณ์ไปลงนิตยสาร เป็นคอลัมน์สัมภาษณ์คนทั่วไป หลังจากนั้นพี่ไก่-วรายุฑ (วรายุฑ มิลินทจินดา) มาอ่านเจอ เลยเรียกเข้าไปคุย ถามว่าอยากเล่นละครไหม ตอนนั้นผมเพิ่งเรียนจบจากคณะเศรษศาสตร์ เกษตรศาสตร์ (ภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร) ยังไม่ได้เริ่มทำงานเลย ตั้งใจว่าเข้ามาเก็บเงินสักปีสองปีละกัน เพราะผมเอาเงินที่บ้านไปลงทุนแล้วเจ๊งไปเป็นล้าน เป็นความรับผิดชอบที่ต้องหาเงินมาคืน ปรากฏว่าอยู่มาเรื่อยๆ จนยี่สิบปีแล้ว
The MATTER: เล่นละครเรื่องแรกเป็นยังไงบ้าง
ผมเล่น ‘ขอหยุดหัวใจไว้เพียงเธอ’ ของพี่ไก่-วรายุฑ กับพี่แหม่ม-ธิติมา (ธิติมา สังขพิทักษ์) เรื่องนั้นพระเอกคือจอนนี่ แอนโฟเน่ นางเอกคือ จอย-รินลณี ศรีเพ็ญ ไม่ชอบเลย มาทำอะไรวะ เราไม่ได้สนใจการแสดง ไม่ได้อยากเข้าวงการบันเทิง การเป็นนักแสดงมันเหนื่อยนะ ตื่นเช้า นั่งรถตู้ไปต่างจังหวัด ทำงานไม่เป็นเวลา เพื่อนนัดกันก็ไปไม่ได้ ค่อยๆ หายไปจากกลุ่มเพื่อน ละครเรื่องนึงถ่าย 6-8 เดือน เรื่องนั้นได้เงินมาประมาณหกหมื่นบาท ค่าตัวเด็กใหม่ตอนละแปดพันบาท เท่ากับว่าได้เงินเดือนไม่ถึงหมื่นเลย
The MATTER: ในแง่การแสดงล่ะ คุณไม่สนุกกับมันเหรอ
ช่วงแรกผมไม่เข้าใจว่าคืออะไร พูดตามบทแล้ว ทำไมยังไม่ได้ โดนด่าตลอด เรื่องที่สองก็ยังโดนด่า เรื่องสามมาเล่นกับพี่นะ (ชนะ คราประยูร) เขาก็ด่าๆๆ สอนๆๆ พอเรื่องที่สี่เรื่องที่ห้าค่อยเริ่มสนุก ผมเล่นคู่กรรมทั้งสองภาค เราเชื่อว่าเป็นตัวละครนั้น ความรู้สึกมันเต็ม เล่นแล้วร้องไห้เหมือนญาติผู้ใหญ่เสียชีวิต คัทแล้วยังร้อง พออารมณ์เริ่มลงมาเป็นปกติ ผมเต็มอิ่มกับบทบาท เลยเริ่มสนุกกับอาชีพนี้ เราได้เป็นตำรวจ โจร ขอทาน กะเทย เป็นอะไรก็ได้เลย
The MATTER: ช่วงนั้นติดตามการเมืองบ้างไหม
ไม่นะ ตอนนั้นยังไม่มีโซเชียลมีเดีย โทรศัพท์ยังไม่มีกล้องถ่ายรูปเลย ตอนมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ตาม เรียนเรื่องเศรษฐกิจก็จริง รู้เรื่องวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่เฉยๆ ขนาดว่ารัฐประหาร รสช. เห็นรถถังวิ่งผ่านหน้าบ้าน เพราะบ้านอยู่ตรงสวนจิตรลดา ก็แค่ เออ ยิงกันแล้ว ไม่ได้สนใจใดๆ
The MATTER: เริ่มมองว่าการเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัวได้ยังไง
ช่วงคุณทักษิณ (ชินวัตร) ขึ้นมา แล้วเริ่มพีค จนเลือกตั้งครั้งที่สองก็ได้อีก ผมเริ่มสนใจ เกิดอะไรขึ้นวะ บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว พอศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า ทักษิณไม่ผิดคดีซุกหุ้น ทำให้เริ่มไม่ชอบทักษิณ ผมค่อนข้างติดนิสัยของพ่อมา เขาเป็นตำรวจ แล้วสอนว่า “เราต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก คนดีหรือคนเลว ถ้าทำผิดก็ต้องรับโทษ” ถามว่าเขาซุกหุ้นไหม เขาซุก แต่ตอนนั้นแทบทุกคนรัก ศาลยังบอกเลยว่า กระทำการโดยสุจริต
ตอนนั้นเพื่อนที่ไม่ได้เป็นดาราแสดงออกว่าไม่ชอบ บอกว่า คนนี้จะล้มเจ้า เขาจะตั้งสาธารณรัฐ ผมไม่ชอบทักษิณแล้ว ก็ติดตามข่าว ที่บ้านรับหนังสือพิมพ์เยอะ ไทยรัฐ มติชน ข่าวสด เดลินิวส์ ผู้จัดการ เลยได้อ่านทุกเล่ม ด้วยความที่เรามาจากสายวิทย์ เป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆ แล้วอยู่ในวงการบันเทิงด้วย เคยให้สัมภาษณ์ไปอย่าง นักข่าวเขียนอีกอย่าง เลยมองว่าข่าวเหล่านั้นไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกัน ความคิดว่า ทักษิณต้องล้มเจ้าแน่ๆ ต้องโกงแน่ๆ ผมคิดอยู่ในใจ ยังไม่มีคำตอบ เป็นแค่สมมุติฐาน
The MATTER: คนไม่ได้สนใจการเมืองขนาดนั้น อยู่ๆ มาสนใจการเมืองอย่างเข้มข้น คิดว่าเกิดขึ้นได้ยังไง
อาจเกี่ยวกับที่บ้านรับราชการด้วย การแต่งตั้งโยกย้ายต้องเป็นไปตามครรลองของผู้มีอำนาจ พ่อผมก็โดนการเมืองค่อนข้างเยอะ ถูกโยกย้ายทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด เขาเคยมาเล่าให้ฟังว่า มีคนมาถามว่า “อยากขึ้นไหม เอามาห้าล้าน” ช่วงนั้นผมทำรายการท่องเที่ยว ออกไปแจกทุนการศึกษา เลยได้เจอข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ค่อนข้างเยอะ หลังถ่ายรายการก็นั่งคุยกันในวงเหล้า เราเห็นภาพอีกมุมของการเมืองไทย ได้คุยกับนักแสดงบางคนที่ไปบ้านรัฐมนตรีมา เขาเห็นเลยว่าใช้ตู้เย็นเก็บเงิน แบงค์พันเป็นสิบๆ ตู้อยู่ในห้องใต้ดิน ได้คุยกับสื่อมวลชน เคยมีคนเล่าว่า ตอนไปนั่งเฝ้าหน้าห้องรัฐมนตรี ทุกวันต้องหิ้วกล่องเหล้าออกมา สุดท้ายเขาไปตีสนิทกับเลขาฯ เลยได้รู้ว่าในนั้นมีกล่องละล้าน คนเอาเหล้ามาให้เป็นของขวัญปีใหม่ แต่ข้างในเป็นเงิน พอได้รู้อะไรแบบนี้ เฮ้ย ใช่เหรอวะ เหมือนนิยายสอบสวนคดีฆาตกรรมเลย
เราไม่ได้เชื่อทั้งหมดหรอก แต่หลายอย่างมีมูล เราก็เชื่อบ้าง เลยเริ่มรู้สึกว่าการเมืองมันสกปรก
The MATTER: ถ้ามองว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรคือการปราบคนโกง พอเกิดการรัฐประหารปี 2549 ทักษิณออกไปแล้ว ตอนนั้นคุณดีใจไหม
ไม่ดีใจเลย การจะเข้าจะออกต้องตามครรลองกฎหมาย เราชัดเจนมาตลอดว่าไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร หรือแม้แต่คนเป็นรัฐบาลที่มาตามครรลองประชาธิปไตย ถ้าทำผิดกฎหมาย เราก็ไม่เห็นด้วย
The MATTER: 19 กันยายน 2549 พอรู้ว่าเกิดรัฐประหาร คุยกับคนในบ้านยังไง
เอาอีกแล้ว
The MATTER: ตอนนั้นคุยกับคนในวงการบันเทิงบ้างไหม
เท่าที่จำได้ ยังไม่มีโซเชียลมีเดีย เวลาไปกองละคร คนก็ด่าว่าทักษิณล้มเจ้า เราฟังนะ เพราะไม่ได้ชอบทักษิณ เขาเริ่มกร่าง เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าผมไม่รักสถาบัน หมาที่ไหนจะรักล่ะ” เฮ้ย ไม่ได้ดิ คนเป็นนายกใช้คำแบบนี้ไม่ได้ แต่ไม่ถึงขนาดเกลียดอะไร ตอนนั้นคงมีดาราส่วนหนึ่งเห็นด้วยที่เกิดการรัฐประหาร แต่ผมไม่ได้ทำงานกับเขา ส่วนคนที่ผมทำงานด้วย หลายคนไม่เห็นด้วยนะ
The MATTER: ตั้งแต่ปี 2549 จนกระทั่งรัฐประหาร 2557 สังคมไทยมีความขัดแย้งทางการเมืองมาตลอด ม็อบหลายสีผลัดกันเคลื่อนไหว อยากรู้ว่าเรื่องการเมืองส่งผลต่อชีวิตคุณขนาดไหน
แทบไม่มีผลเลย ผมใช้ชีวิตตามปกติ ตั้งแต่อภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) ขึ้นมาเป็นนายกฯ จนเลือกตั้งแล้วได้ยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) หรือตอนชุมนุมของ กปปส. ผมไม่ได้ออก เพราะไม่เห็นด้วยกับการออกมาบนถนน การชุมนุมไม่ใช่สิ่งที่ผิดนะ แต่การชุมนุมโดยยึดสถานที่ใดสถานที่หนึ่งเป็นที่ตั้ง นั่นคือสิ่งที่ผิด คุณอยากออกมาแสดงพลังบนถนน ก็ออกมาเดิน เสร็จแล้วแยกย้ายกลับบ้าน แล้วค่อยมารวมกันใหม่ นั่นคือสิทธิเสรีภาพของประชาชน
The MATTER: การชุมนุมต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
มันต้องมีคนเดือดร้อนอยู่แล้ว แต่ควรเดือดร้อนเพียงชั่วครั้งชั่วคราว เช่น ชุมนุมแล้วรถติด แต่ไม่ใช่การไปปิดสถานที่ ไม่ว่าม็อบไหน ผมไม่เคยเห็นด้วยเลย ถ้าไปชุมนุมที่สวนสาธารณะ อย่างม็อบพันธมิตรเคยชุมนุมที่สวนลุมพินี โอเค ไม่มีใครมีปัญหา มันดีด้วยซ้ำ คนจะได้ออกมาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน
The MATTER: ตลอดหลายปีนั้น คุณติดตามข่าวการเมืองแค่ไหน
อ่านข่าวทุกวัน แต่ไม่เครียด ไม่ได้อินมาก
The MATTER: อย่างตอนนิรโทษกรรมสุดซอย ติดตามข่าวแค่ไหน
โห อันนั้นเลวเลย ถามว่าการนิรโทษกรรมผิดไหม ผมว่าไม่ผิด แต่การทำเสร็จตอนตีสาม ตีสี่ ตีห้า มันไม่ใช่ ผมเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมนะ ประเทศชาติจะได้เดินหน้าซะที ทุกวันนี้กลายเป็นว่า ฝั่งเชียร์ทักษิณก็บอกว่า ทักษิณถูกกลั่นแกล้งในคดีที่ดินรัชดา ฝั่งเชียร์คุณสนธิ (ลิ้มทองกุล) ก็บอกว่าที่ต้องปิดสนามบิน ปิดทำเนียบ เพราะต้องการช่วยชาติ ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล ผมมองว่ามี 2 ทาง คือ นิรโทษกรรมหรือทั้งสองฝั่งต้องติดคุก ถ้าคุณจะนิรโทษกรรม แล้วทำตอนเช้าๆ ตามเวลาปกติ มีการถกเถียงด้วยเหตุผล หาข้อดีข้อเสีย หรือทำประชาพิจารณ์ไปเลย แต่ที่ทำครั้งนั้น มันชัดเจนว่าคุณต้องการเอานายใหญ่กลับบ้าน
The MATTER: ช่วงเวลานั้นดาราจำนวนมากออกมาเคลื่อนไหว รัฐบาลยิ่งลักษณ์เลยประกาศยุบสภา แต่การเคลื่อนไหวก็ยังไม่สิ้นสุด เลยเถิดไปถึงการบอกว่า ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง จนกระทั่งเกิดการรัฐประหาร ช่วงนั้นคุณออกมาเคลื่อนไหวบ้างไหม
ไม่ไป ผมไม่เคยแตะนกหวีดเลย และไม่เคยไปกับม็อบเสื้อแดงด้วย
The MATTER: เคยมีเพื่อนดาราชวนออกไปไหม
มีครับ ตอนออกไปเรื่องนิรโทษกรรมสุดซอย เกือบไปเหมือนกันนะ ผมเห็นด้วยว่าควรต้องยุบสภา ไม่ได้แล้ว มันเกินไปมากกับการใช้เสียงข้างมากลากไป แล้วไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ผมเห็นด้วยและสนับสนุนมากๆ กับการออกมาตอนนั้น ผมไม่ออกไปที่ท้องถนนเพราะกลัวร้อน (หัวเราะ) แต่ใครอยากให้ช่วยอะไรบอก ต้องการเงินสนับสนุน มา ต้องการอาหาร จัดให้ แต่พอยุบสภา ผมว่าจบแล้ว นี่คือขั้นตอนตามครรลองของประชาธิปไตย ก็ต้องเลือกตั้งใหม่ แต่กำนันไม่จบ ต้องให้ยิ่งลักษณ์ออกแล้วปลัดกระทรวงต่างๆ มารักษาการณ์ แบบนั้นคุณจะเอากฎหมายที่ไหนมารองรับ
เพื่อนดาราชวนไปขึ้นเวที ผมบอกไปว่า “เอาจริงๆ นะ ที่บอกว่าปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง กูมองไม่เห็นว่าจะปฏิรูปอะไร” / “ก็ปฏิรูปประเทศไง ปฏิรูปกฎหมาย ปฏิรูปทุกอย่าง” / “ใครปฏิรูปวะ” / “ก็ตัวแทนของประชาชนไง” / “หามาจากไหน ใครเลือก มีหรือยัง” / “ก็นี่ไง เขากำลังจัดกันอยู่” / “งั้นจัดเสร็จค่อยมาบอกกู มึงยังจัดอะไรไม่เสร็จเลย แต่มาบอกให้ทุบบ้านทิ้งเพื่อสร้างบ้านใหม่ แต่ระหว่างที่ทุบอยู่ ยังไม่มีแบบบ้านใหม่ ไม่มีผู้รับเหมา และไม่มีเงินทุนในการสร้างเลย ถ้าทุบบ้านเสร็จ ไม่มีบ้านอยู่ พายุมาทำยังไงวะ” / “มันมีวิธีการ มึงต้องเข้ามาถึงจะรู้”
The MATTER: เป็นอารมณ์ร่วมของเขาในตอนนั้น
ใช่ ผมเข้าใจนะทุกคนรักชาติ เห็นว่าพรรคของคุณยิ่งลักษณ์ทำสิ่งเลวร้าย ซึ่งส่วนหนึ่งผมก็เห็นด้วย แต่ผมเชื่อในระบบรัฐสภาผ่านการเลือกตั้ง เขายุบสภาแล้ว ถ้าคุณบอกว่าตัวเองเป็นมวลมหาประชาชน คนส่วนใหญ่ในประเทศเห็นด้วย ลงเลือกตั้งสิ แต่คุณรู้ไง ลงเลือกตั้งเมื่อไรก็แพ้ คุณไม่เคยชนะพรรคนี้ เพราะไม่มีนโยบาย ไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่มีการทำงานที่ชัดเจนให้สัมผัสได้
The MATTER: พอโต้เถียงแบบนั้นไป คำพูดของคุณได้แพร่กระจายไปในหมู่ดาราไหม
ไม่ ตอนนั้นใครมาก็ได้ ใครไม่มาก็ได้ มาเริ่มแพร่สะพัดตอนก่อนเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 กำนันประกาศว่า “เราไปปิกนิกกัน” พอเปิดโซเชียลมีเดีย สไลด์แล้วเจอแต่เพื่อนดารา กูจะไปปิกนิกๆๆ เฮ้ย ใช่เหรอวะ ดาราพูดแล้วเสียงดังกว่าคนทั่วไป โพสต์แบบนี้ไม่ถูกต้อง สิ่งที่ผมทำคือการโพสต์ว่า 2 กุมภาพันธ์ ไปเลือกตั้ง ใช้สิทธิใช้เสียงตามหน้าที่ของประชาชนไทย โพสต์ทั้งเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม เท่านั้นแหละ ภาพนี้ได้ไปขึ้นที่เวที กปปส. โดนคุณปู-จิตกร (บุษบา) เอาไปพูดบนเวที แล้วพูดในเพจของเขาว่า ความรู้ตื้นเขิน เสียดายที่เป็นนักแสดง นู่นนี่นั่น ทำให้เฟซบุ๊กของผมมีคนเข้ามาด่าเยอะมาก ตอนนั้นผมตอบกลับด้วยเหตุผลเกือบทุกคอมเมนต์
ช่วงนั้นมีการเกณฑ์ตำรวจมารักษาความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุมและดันม็อบ ไม่อยากมาก็ต้องมา แล้วตำรวจประจำอยู่หลายที่ แล้วพ่อผมเป็นตำรวจ เขาอยากไปเลี้ยงข้าวลูกน้อง เพราะที่บ้านเป็นร้านอาหารอยู่แล้ว เราเลยพากันไปที่กองบินตำรวจแถวรามอินทรา ตอนนั้นคนเสื้อแดงก็มาเชียร์ตำรวจ พอเห็นผมมา ก็มีคนมาขอถ่ายรูป แล้วเอาไปลงในเพจเสื้อแดง พอ กปปส. เห็นเข้า เลยเอาไปลงในเพจของตัวเอง แล้วบอกว่าผมเป็นเสื้อแดง เป็นภาพที่ไปชุมนุมที่โบนันซ่า เขาใหญ่ กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตให้คนมารุมด่า
ผมถามกลับคนที่มาด่าว่า “ทำไมถึงคิดว่าผมเป็นเสื้อแดงล่ะครับ” เขาบอกว่า “ก็คุณไปชุมนุมกับเสื้อแดงมาไง” พอเขาบอกว่ารูปไหน ผมเลยได้บอกไปว่า เป็นการไปเลี้ยงข้าวตำรวจที่กองบินตำรวจ เพราะพ่อผมเป็นตำรวจ ตอนนั้นผมโดนด่าจากคนเป็นแสนที่การชุมนุมของ กปปส. ไปแล้ว แต่ไม่เป็นไร ผมทำให้คนทั้งโลกเข้าใจไม่ได้ แค่คนที่ตั้งใจมาด่าได้เข้าใจก็พอแล้ว
The MATTER: เพื่อนดารามาด่าไหม
ไม่มีครับ พวกเขารู้ว่าผมปากจัด ด่ามาด่ากลับ ต่อหน้าไม่เจอใครด่าเลย แต่ลับหลังมีคนมาพูดให้ฟังเยอะ ผู้จัดละครล้วนๆ ซึ่งเป็นคนที่เราเคารพนับถือมาก ผู้จัดหลายคนโทรมาเลย คนนึงโทรมาถามว่า.”เพชรเป็นเสื้อแดงหรือเปล่า” / ผมไม่ได้เป็น / “พูดมาเถอะ พี่ก็เป็นเสื้อแดง แต่ไม่ได้ล้มเจ้า เลยมาร่วมกับ กปปส แต่เสื้อแดงล้มเจ้านะ เพชรรู้ใช่ไหม” / ผมรู้ว่าบางคนเป็นแบบนั้น แต่ไม่ใช่ทุกคน พี่จะเป็นเสื้อแดง หรือเป็น กปปส ก็ไม่ว่าอะไร แต่ผมไม่ได้เป็นเสื้อสีอะไร / “แล้วทำไมชวนไปไหนถึงไม่ไปล่ะ” / “ผมไม่เชื่อกำนันไง เขาเป็นนักการเมืองที่มาบอกว่า เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วจะทำลายระบอบทักษิณ ระบอบทักษิณคืออะไร นักการเมืองคนนี้รบยังไงก็ไม่ชนะทักษิณ เขาใช้แม่เป็นเครื่องมือหรือเปล่า” วันนั้นเขาเถียงๆๆ จนสุดท้ายผมบอกไปว่า “คุณแม่จะคิดอะไรก็คิดไป แต่ผมไม่ได้ล้มเจ้า ไม่ได้เป็นสีไหน ผมอยู่บนความถูกต้อง”
พอวางโทรศัพท์ไป เขาเอาผมไปด่าในกรุ๊ปไลน์กู้ชาติ มีดาราอยู่เป็นร้อยคน แล้วเพื่อนในกลุ่มมาเล่าให้ฟัง เพื่อนที่ว่าก็ไปร่วมกับ กปปส แต่เราไม่ได้เกลียดอะไรกัน เขารู้สึกว่าสิ่งที่ผู้จัดคนนั้นทำไม่ถูกต้อง คือมาด่าพ่อแม่ของเราว่า เสียดายนะ พ่อก็เป็นตำรวจ แม่เป็นนางงาม การศึกษาก็สูง กลับคิดได้แค่นี้
The MATTER: คิดว่าตอนนั้นดารานับร้อยในกลุ่มมองคนชื่อเพชรยังไง
หลายคนคงเกลียด ถ้าไม่เกลียดเขาคงรับไหว้ งานปาร์ตี้ประจำปีของช่อง 3 ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ดาราและผู้จัดทุกคนต้องไป นอกจากใครติดธุระจริงๆ เพราะนายจะขึ้นไปพูด เราเดินเข้างานไป รุ่นพี่นักแสดงยืนอยู่ เราก็เข้าไปหา ‘สวัสดีครับ’ ทักกันปกติเลย ระยะหนึ่งเมตร ยังไงก็ต้องเห็น แต่เขาหันหน้าไปคุยกับคนอื่น เอาน่ะ อาจเป็นจังหวะกำลังจะคุยกับคนอื่น เขาคงไม่เห็น ผมเดินเข้างานไป ไหว้คนนั้นคนนี้ สนุกสนาน ยืนคุยกับเพื่อนที่เป็น กปปส. มึงเป็นยังไงบ้างวะ นู่นนี่นั่น พี่คนนั้นเดินเข้ามาตบไหล่เพื่อน เราก็ ‘สวัสดีครับพี่’ แต่เขาไม่แม้แต่จะหันมามอง
โอเค มั่นใจแล้ว ผมเลยเดินไปหาเมียของเขา “ผมไหว้แล้วพี่เขาไม่รับไหว้ อยากรู้ว่าโกรธอะไรหรือเปล่าครับ” เมียตอบว่า “อ้าว ก็เธอเป็นเสื้อแดง” ชัดเลย “ทำไมพี่คิดแบบนั้นล่ะ ผมไม่ใช่” เขาอธิบายต่อว่า “ก็ภาพที่ออกมา สิ่งที่เธอทำ บอกอยู่แล้วว่าเธอเป็น” ผมไม่ได้อธิบายอะไรต่อ “โอเคครับพี่ ไม่เป็นไรครับ”
The MATTER: ตอนนั้นคุณรู้สึกยังไง
ผมเดินออกมาร้องไห้ น้ำตาไหล ดาราคนนี้คือไอดอลของผม เป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตในวงการบันเทิง ไปดูบทสัมภาษณ์ที่ผ่านมาเลย ใครคือไอดอลของผม ทำไมวะ ทำไมวะ ทำไมคนที่เราเทิดทูนรักบูชามาตัดสินเพราะเรื่องแบบนี้ ตอนนั้นผู้จัดอีกคนเข้ามาพูดว่า ‘ได้ข่าวโดนถอดจากละครเหรอ’ ตอนที่ผู้จัดคนนั้นโทรมาคุย แล้วเอาผมไปด่าในกลุ่มกู้ชาติ เขาพิมพ์ว่า “ดีใจมากที่ปลดมันออกจากละคร” ผมเลยรู้ตอนเพื่อนส่งมาบอก ผู้จัดที่เดินเข้ามาถามต่อว่า “คนนั้นไม่รับไหว้ใช่ไหม ไม่เป็นไร มาเล่นละครกับพี่ก็ได้” มันทำให้ผมเห็นว่า คนในวงการบันเทิงมีทั้งสองฝั่ง แต่วันนั้นตอบไปว่า “ไม่เป็นไรครับพี่ ขอบคุณครับ ผมอยู่ได้” ผมไม่ได้รวยล้นฟ้า แต่มีธุรกิจ พอจะเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องเล่นละครก็ได้ ตอนนั้นคิดว่า ใครไม่รักไม่เป็นไร แต่ผมจะให้เกียรติพวกเขา
The MATTER: แล้วเพื่อนดาราในวัยใกล้กันล่ะ พวกเขามองคนชื่อเพชรยังไงในช่วงนั้น
มึงมันดื้อ กระแสมาแบบนี้ไปขวางทำไม ออกไปเลือกตั้งแต่ไม่ต้องโพสต์ก็ได้ เฮ้ย พวกมึงยังโพสต์ว่าไปปิกนิกเลย ทำไมกูถึงโพสต์ไปเลือกตั้งไม่ได้ “ก็นี่ไง มึงโดนอะไร คนทั้งประเทศคิดแบบนี้” ผมตอบกลับว่า “ไม่ใช่คนทั้งประเทศ แต่คือคนในเมืองหลวง”
The MATTER: เท่าที่เล่ามา วงการบันเทิงมีความคิดทางการเมืองที่หลากหลาย แต่ช่วงนั้นมองเข้าไปในวงการบันเทิง คนออกมากับ กปปส. มากมายราวกับเป็นคนส่วนใหญ่ของวงการเลย
รู้ไหมว่าทำไมคนคิดว่าดาราต้องเป็น กปปส. เพราะตอนนั้นไม่มีใครที่มาขวาง กปปส. ไง
คนที่ออกมาไม่ใช่คนส่วนใหญ่ แต่พวกเขาเป็นดาราดัง เห็นหน้าแล้วรู้จัก ดาราดังคนอื่น หรือดาราที่ไม่ได้ดังมาก แต่ไม่ขึ้นเวที ไม่ออกมา และไม่เห็นด้วย คนเหล่านี้เยอะนะ แต่พวกเขาเลือกที่จะอยู่นิ่งๆ ดีกว่า มันเป็นสิทธิของเขาแหละ จะแกว่งปากหาตีนทำไม
The MATTER: แล้วตอนนั้นทำไมคุณถึงเลือกที่จะแกว่งปากหาตีน
ผมรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง การที่มีคนเสียงดังทำสิ่งที่ผิด แล้วตะโกนว่า มันถูกๆๆๆ เกิดการสะกดจิตหมู่ ทั้งที่โดยสามัญสำนัก ใครก็รู้ว่ามันผิด แล้วคนชอบบอกว่า ไม่ใช่เรื่องของเรา อย่าไปยุ่ง ใช่ ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว เราไม่ควรยุ่ง แต่สิ่งนี้เป็นเรื่องของส่วนรวม
The MATTER: ตอนนั้นคุณโพสต์ชวนคนไปเลือกตั้ง ทั้งที่เพื่อนดาราชวนไปปิกนิก คิดไว้ก่อนไหมว่าจะเจออะไรบ้าง
คิดอยู่นานเลย แต่ช่างมันเถอะ ผมเป็นพวกที่เจออะไรไม่ถูกต้องแล้วปล่อยผ่านไม่ได้ แล้วนี่เป็นเรื่องของประเทศชาติ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ถ้าคนมีปากมีเสียงลากไปในทางที่ไม่ใช่ เราต้องเห็นแย้ง แต่ต้องพร้อมรับฟัง ตอนนั้นเลยเปิดเฟซบุ๊กเป็นสาธารณะ ใครอยากด่า ด่ามา ผมพร้อมอธิบาย
The MATTER: ตอนอธิบายในคอมเมนท์ทีละคน คิดว่าคนเหล่านั้นจะเข้าใจเราจริงๆ เหรอ
ไม่รู้ อาจจะไม่เข้าใจก็ได้ ผมรู้แค่ว่า ถ้าคุณมีคำถาม ผมมีคำตอบ ลองถกเถียงกันด้วยเหตุผลไหม ถ้า กปปส. ในกรุงเทพฯ มีสักล้านคน คนด่ามาทั้งล้านคน แต่มีคนเปลี่ยนใจสักสิบคน คุ้มแล้ว คนเหล่านั้นอาจไปบอกต่อ อาจต้องใช้เวลาเป็นปีหรือหลายปี แต่การปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งจิตสำนึกไปในใจคนแล้ว ผมเชื่อว่าจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
The MATTER: คุณว่าดาราที่ออกมาเคลื่อนไหวกับ กปปส. ทุกคนเห็นด้วยกับแนวทางนั้นไหม มีใครต้องออกมาเพราะถูกขอร้องหรือบังคับหรือเปล่า
ผมเชื่อว่าทุกคนเห็นด้วย แต่ไม่ใช่เห็นด้วยทุกเรื่องของ กปปส. บางคนออกมาเพราะนิรโทษกรรมสุดซอย ไม่ชอบยิ่งลักษณ์ ไม่เอาตระกูลชินวัตร อยากให้ออกไป วิธีไหนก็ได้ หลายคนออกมาเพราะรักสถาบัน กลัวตระกูลนี้จะล้มสถาบัน ถ้านายกวันนั้นไม่ได้นามสกุลชินวัตร ผมว่าไม่มีม็อบแบบนี้หรอก
The MATTER: ทุกคนออกมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ใช่ ผมเชื่อแบบนั้น ถ้าพูดถึงเคสพี่เหมี่ยว (ปวันรัตน์ นาคสุริยะ) พี่ท็อป (ดารณีนุช โพธิปิติ) ทุกวันนี้พวกเขายังโดนด่าเรื่องมือปืนป๊อบคอร์น ขึ้นเวทีด่ายิงคนตาย แต่ผมอยากบอกว่า อย่าโกรธเกลียดพวกเขาเลย เพราะถ้าเราอยู่ในม็อบ แล้วมีข่าวว่า เสื้อแดงยิงกับเสื้อเหลือง แล้วเสื้อแดงตาย คำว่ายิงสู้ คือทั้งสองฝ่ายมีอาวุธ พอพวกตัวเองชนะ ก็เฮ ตอนนั้นข่าวบางสำนักยังรายงานว่า คนตายคือกลุ่มเสื้อแดง คนบนเวทีรับข่าวแบบนั้น ใส่อารมณ์เพิ่มเข้าไป เวลาต่อมาถึงรู้ว่าคนโดนยิงเป็นลุงที่มารับหลาน แต่คำพูดบนเวทีเรียกกลับมาไม่ได้แล้ว ผมไม่ได้เกลียดพวกเขา การรับข้อมูลข่าวสารไม่เหมือนกัน ความคิดย่อมแตกต่างกัน
The MATTER: ตอนรัฐประหาร 2557 คนจำนวนมากเชื่อว่าประยุทธ์จะเข้ามาแก้ปัญหา แต่ในปัจจุบัน คนจำนวนไม่น้อยตาสว่าง มองเห็นว่าวิธีการแบบนี้มีปัญหา คุณคิดว่าเหล่าดาราที่ออกมาเคลื่อนไหวในวันนั้น มองสิ่งที่ตัวเองทำยังไง
ผมตอบแทนคนเหล่านั้นไม่ได้ แต่เท่าที่ได้คุยมา เขาก็ยังเชื่อในลุงตู่ คนแวดล้อมอาจไม่ดี แต่ตัวลุงตู่ดี รักสถาบันมาก พร้อมที่จะตายเพื่อสถาบัน
The MATTER: พวกเขาเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจเลยเหรอว่า ‘เสื้อแดง’ หรือลากยาวมาถึง ‘เสื้อส้ม’ ในปัจจุบัน มีเจตนาจะล้มสถาบัน
เขาเชื่อชัดเจน
The MATTER: แน่นอนว่าคุณไม่ได้เชื่อแบบนั้น เคยมีโอกาสได้อธิบายไหม
พูด จริงๆ ไม่มีใครล้มสถาบันหรอก บางคนแค่ไม่ชอบ แต่กลายเป็นว่า ‘ไม่ชอบ’ เท่ากับ ‘ล้ม’ ถามว่าไม่ชอบแล้วผิดไหม ไม่ผิดหรอก พระพุทธเจ้ายังมีคนไม่ชอบเลย พระเยซูยังมีคนไม่ชอบเลย
The MATTER: ชอบไม่ชอบเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ต้องเคารพกฎหมาย
ใช่ ไม่ชอบเป็นสิทธิส่วนบุคคล การแสดงออกว่าไม่ชอบต้องอยู่ในขอบเขต อยู่กับภาพแล้วไม่ยิ้ม ชี้ป้าย ทำปากจู๋ ผมรับได้ แล้วกฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้ด้วย แต่เมื่อไรที่คุณฉีกรูป เอาเท้าเหยียบ จ้องอาฆาตอย่างเอาปืนไปต่อพระบรมฉายาลักษณ์ ผมรับไม่ได้ แล้วมันมีกฎหมายอยู่แล้ว ถ้ายังไม่ถึงขั้นนั้น มันเป็นเรื่องของเขา ถ้ามันอยู่ในเฟซบุ๊กตัวเอง คนที่ขุดขึ้นมาต้องการอะไร
The MATTER: คิดว่าคนที่เชื่อและชอบในลุงตู่ เป็นคนหน้ามืดตามัวไหม
มาก (ตอบเร็ว) มันเป็นสิทธิ์ของเขา แต่มันเป็นสิทธิ์ของผมที่คิดแบบนี้ เพราะไม่ได้ไปล้ำเส้น ไม่ได้ไปโพนทะนาว่า มึงมันหน้ามืดตามัว! มึงมันโง่! เราได้ยินบ่อยมากว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ (2560) ผ่านการประชามติแล้ว แต่มันคือประชามติที่ห้ามรณรงค์โหวตโน คนออกมาก็โดนจับ บอกข้อเสียก็โดนจับ นี่คือสิ่งถูกต้องเหรอ แล้วรัฐธรรมนูญเขียนให้ ส.ว. 250 คนมาเลือกนายกฯ แล้วคนมีส่วนร่วมในการตั้ง ส.ว. ก็เป็นแคนดิเดตนายก คุณเอาสามัญสำนึกตอบสิว่า ถูกหรือผิด โอเค งั้นถามต่อว่า ถ้าคนๆ นั้นชื่อทักษิณ ชินวัตร คุณจะรู้สึกยังไง แค่เปลี่ยนชื่อคน ทำไมคนนึงถูก อีกคนนึงผิด ไม่มีใครตอบได้ นี่ไง ผมถึงคิดว่าหน้ามืดตามัว ถ้าคุณโอเค ไม่เป็นไร แต่ผมไม่โอเค
The MATTER: คุณไม่เชื่อว่าลุงตู่เป็นคนดีเหรอ
ไม่เชื่อ เพราะตอนลุงตู่บอกว่าจะเข้ามาปราบโกง จะล้างทุจริตคอรัปชั่น สิ่งที่เราเห็นคืออะไร คนรอบตัวมีคดีความ มีข้อสงสัย ลุงตู่ไม่ทำอะไรเลย
The MATTER: แต่ ป.ป.ช. ตีตกมาหลายคดีแล้วนะ
ใช่ แล้วใครตั้ง ป.ป.ช. ขึ้นมา
The MATTER: คุณจะไม่เชื่ออะไรเลยเหรอ
ผมเชื่อระบบความยุติธรรมที่เท่าเทียมและเสมอกัน เอาง่ายๆ ว่า GT200 กี่ปีมาแล้ว ยังไม่มีใครผิด เรือเหาะใช้งานได้ไหม อุทยานราชภักดิ์ก็ตรวจสอบไม่ได้ หรือเรื่องนาฬิกายืมเพื่อน ผมเจอเพื่อน กปปส. บอกว่า “มันไม่ได้สร้างความเสียหายให้ประเทศ จำนำข้าวหลายแสนล้านทำไมไม่พูด” ผมบอกว่า “มันคนละเคส เรื่องนั้นศาลตัดสินไปแล้ว ผมไม่ได้บอกสักคำว่าเขาถูกต้อง มันเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว มันแตกต่างจากเรื่องนาฬิกาที่เข้าสู่ขั้นตอนตามกฎหมาย แล้วจบแบบงงๆ” นาฬิกา 25 เรือน ไปอ่านคำอธิบายของ ป.ป.ช. ก่อนจะมาเถียง มันบอกว่าตรวจสอบได้แค่ 23 เรือน พอตรวจสอบไม่ได้เลยยกประโยชน์ให้จำเลยเหรอ
ล่าสุดผมโพสต์ไปแล้วมีคนมาด่า เรื่องยืมของเพื่อนไม่ต้องแสดงทรัพย์สิน ก็มีคนมาบอกว่า ไม่รู้เหรอว่าของยืม จะอะไรอีก ใช่ ผมรู้ว่าของยืม งั้นสมมุติว่าวันนึงบริษัทก่อสร้างเอารถ Bentley ราคาสิบกว่าล้านมาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม บอกว่า “ผมให้ยืมใช้ครับท่าน” แล้วให้ยืมไปเรื่อยๆ คืนเมื่อไรก็ได้ อยู่ๆ บริษัทนี้ได้สัมปทาน คุณสงสัยไหม แล้วมันคือการติดสินบนหรือเปล่า แค่แจ้งว่ายืมเพื่อนมาก็รอดเหรอ มันตลกไหมล่ะ
หลายคนมองว่า เพชร-กรุณพล เป็นพวกเสื้อแดง-หางส้ม ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แค่ว่าใครทำผิดก็ต้องรับโทษ จะธนาธร อาจารย์ปิยบุตร คุณหญิงสุดารัตน์ ถ้าผิดก็ต้องรับโทษ ผมจะไม่เสียใจอะไรด้วย
The MATTER: เคยเสียเพื่อนจากเรื่องการเมืองบ้างไหม
เคยมีรุ่นพี่ที่ไม่ได้สนิทกันมาก บล็อกไปเลย แต่คนที่สนิทจริงๆ ไม่มีนะ
The MATTER: เอาจริงๆ ในหมู่ดาราก็มีความหลากหลาย อยู่ร่วมกันได้ตามปกติใช่ไหม
ใช่ ไม่ได้แตกแยก (เงียบคิด) มันเป็นมารยาท เป็นภาพลักษณ์ที่ดาราจะระมัดระวังในการด่ากันเอง เราเหมือนเป็นครอบครัวแหละ
The MATTER: ผู้จัดที่เคยปลดจากละคร รุ่นพี่นักแสดงดาราที่เคยไม่รับไหว้ ทุกวันนี้คุยกันหรือยัง
กอดกันแล้ว ผมทำตัวปกติ เจอทุกครั้งก็ไหว้ทุกครั้ง เขาก็ไม่รับไหว้ ผมถือว่าตัวเองอาวุโสน้อยกว่า แล้วเขาเป็นคนที่เรารักด้วย ถามสารทุกข์สุกดิบตลอดเวลา เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม
The MATTER: คิดว่าเพราะอะไรคนนั้นถึงเปลี่ยนมารับไหว้
เราไม่ได้แสดงความเกลียดชังไง ลองคิดว่าเราเกลียดใครสักคน แล้วคนๆ นั้นทำดีอยู่ตลอดเวลา วันนึงความรักมาดับความเกลียดนะ
The MATTER: ปัจจุบันคุณยังเล่นละครได้ตามปกติ
ใช่ ผมเล่นอยู่ 4 เรื่อง
The MATTER: โดยรวมแล้ว ความสัมพันธ์ของคุณกับคนในวงการบันเทิง ไม่ได้โกรธเคืองอะไรกัน
ผมไม่โกรธใคร แต่ไม่รู้ว่าใครโกรธผมหรือเปล่า บางคนอาจอยากด่า แต่เลือกใส่หน้ากากก็ได้
The MATTER: ถ้านักแสดงขายผลงานละคร พิธีกรขายการดำเนินรายการทีวี สิ่งเหล่านั้นคือ ‘โปรดักส์’ ที่ขายให้คนทั่วไป แต่ขณะเดียวกัน อาชีพนี้ยังมีความเป็นดาราที่ต้องรักษาฐานแฟนคลับด้วย คุณมองว่าดาราจำเป็นต้องรักษาฐานแฟนคลับแค่ไหน แสดงจุดยืนทางการเมืองได้ไหม
อยู่ที่เขาพร้อมรับผลกระทบได้แค่ไหน ผมมีธุรกิจ แล้วไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นดาราขนาดนั้น ผมเป็นนักแสดง เป็นอาชีพรับจ้างแสดง ผมไม่มีแฟนคลับ เอาง่ายๆ ผมไม่ได้ดัง เป็นตัวประกอบที่รับบทพ่อ อยากพูดอะไรก็พูด ใครชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ถ้าไม่มีใครจ้าง ผมก็ไปทำอาชีพอื่น
ถ้าคุณเป็นพระเอกที่เล่นหนัง คนเข้าไปดูพระเอก ไม่ชอบพระเอกก็ไม่ไปดูหนัง แต่ถ้าไปอยู่ในละครแล้วเป็นตัวรอง คนก็ดู เพราะคนดูพระเอกไง อยู่ที่ว่าคุณยืนอยู่จุดไหนมากกว่า ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว ถ้าคุณเป็นพระเอก ผู้จัดอยู่คนละข้าง เขาก็มีสิทธิ์ไม่เลือกคุณ หรือพรีเซนเตอร์ ถ้าคุณยุ่งการเมืองมากๆ บริษัทก็ไม่อยากเลือกข้างอยู่แล้ว หนักกว่าอีก
The MATTER: ถ้าคุณอยู่ในจุดที่เป็นพระเอก หรือเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า คิดว่าตัวเองจะส่งเสียงเรื่องการเมืองเบาลงไหม
เบาแน่นอน ไม่กล้าพูด ไม่กล้าคอมเมนท์ มันกระทบกับรายได้หลักไง ตอนนี้ผมโยนหินลงน้ำ กระเพื่อมนิดเดียว ผมเพิ่งโดนคนต่อว่าเรื่องการเมือง บางคนยังไม่รู้จักเลย เพชรคือใครวะ
The MATTER: ถ้าเป็นดาราดังคงไม่โพสต์
ใช่ ผมคงไม่โพสต์ แต่คุณบอกว่าคนที่ไม่โพสต์เห็นแก่เงินไม่ได้นะ มันคือหน้าที่และความรับผิดชอบ ทุกวันนี้พระเอกนางเอกมีสินค้าติดตัว บางสินค้ามีก่อนมีม็อบอีก ในสัญญาก็ระบุหน้าที่ ปฏิบัติตัวเป็นตัวอย่างที่ดี ไม่สร้างความเสื่อมเสียให้แก่แบรนด์สินค้า ไม่อย่างนั้นจะถูกปรับ
The MATTER: ความขัดแย้งทางการเมืองในบ้านอยู่มาสิบกว่าปี คู่ขัดแย้งมีหลายแบบ แดง-เหลือง เอาเผด็จการ-ไม่เอาเผด็จการ คุณคิดว่าเราจะอยู่กับความแตกต่างหลากหลายที่ยืดเยื้อกันยังไงดี
สิ่งเหล่านี้จะอยู่กับประเทศไทยเป็นอีกสิบปี เราต้องใช้สติ เหตุผล และเลิกใช้อารมณ์และถ้อยคำที่รุนแรง ไม่ชอบอะไร อย่าไปดู เดี๋ยวนี้ประหลาดนะ เราไม่ชอบ แต่เข้าไปดู แล้วด่าด้วยความสะใจ พอเขาด่ากลับ ก็โกรธ แล้วด่าคืน ด่ากันไปมา คุณควรใช้สติก่อนที่จะพูดและทำ
The MATTER: เวลาโดนด่า คุณโกรธไหม
ไม่โกรธเลย
The MATTER: ฟังดูเป็นคนละซึ่งความโกรธแล้ว
ไม่ได้ละ แต่เราเข้าใจว่า คนแต่ละคนไม่เหมือนกัน พื้นฐาน มุมมอง ความรู้ ข้อมูลที่ได้รับไม่เหมือนกัน ผมเชื่อคำของท่านพุทธทาส ถ้าคนด่า แล้วเราไม่ได้เป็นแบบนั้น จะโกรธทำไม ก็รู้ว่าไม่ได้เป็น ไม่ต้องไปโกรธ แต่ถ้าเขาด่าแล้วเราเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ไม่ต้องโกรธ แปลว่าเขามาสอนเรา จงแก้ไขแล้วปฏิบัติตัวใหม่