“ใช้ชีวิตเหมือนถูกล่ามโซ่ ฟังแต่คำสอนคำอ้างโง่ ผู้ใหญ่พูดต้องห้ามโต้ แล้วต้องหัดเชื่อฟังอย่าทำกร้านโลก”
ท่อนเพลง ‘เด็กเอ๋ยเด็กดี’ จาก BOMB AT TRACK และ MILLI ท่อนนี้ คงจะโดนใจใครหลายคนอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ใช่แค่ท่อนนี้หรอก เพราะทั้งเพลงเหมือนเอาความอัดอั้นจากประสบการณ์การเติบโตในวัยเด็กมาเขียนเป็นเนื้อเพลงอย่างตรงไปตรง ส่วนเอ็มวีก็ให้ภาพความรู้สึกของวัยเด็กที่เรามักถูกคาดหวังให้เป็น ‘เด็กดี’ อยู่เสมอ
ทุกคนต้องเคยผ่านการเป็นเด็ก และเด็กๆ หลายคนก็อยากให้ผู้ใหญ่หันมาฟังบ้าง The MATTER จึงไปนั่งคุยกับวงแร็ปร็อค BOMB AT TRACK เจ้าของเพลงเด็กเอ๋ยเด็กดี ถึงเรื่องวัยเด็ก เด็กดีต้องเป็นแบบไหน ระยะห่างระหว่างวัยล่ะต้องกังวลไหม แล้วอะไรคือจุดที่ผู้ใหญ่และเด็กต้องเชื่อมเข้าหากันให้ได้
ฟังเพลงเด็กเอ๋ยเด็กดีและดูเอ็มวีได้ที่ www.youtube.com
BOMB AT TRACK มีสมาชิกทั้งหมด 5 คน (เรียงจากซ้ายไปขวาตามรูปด้านบน) คือ
ข้น–ศาสตร์ พรมุณีสุนทร (เบส)
ปุ้ย–ปราชญานนท์ ยุงกลาง (กีตาร์)
เต้–วงศกร เตมายัง (ร้องนำ)
นิล–สิรภพ เลิศชวลิต (กลอง)
เมษ–ภควรรษ ประเสริฐศักดิ์ (กีตาร์)
แนะนำตัวกันครบแล้ว ไปฟังคำตอบจากพวกเขากันเลย
The MATTER: เล่าไอเดียของการทำเพลง ‘เด็กเอ๋ยเด็กดี’ ให้ฟังหน่อย?
เต้: ผมจะเขียนเรื่องสะท้อนสังคมซะส่วนใหญ่ เหมือนเราก็ผ่านเรื่องนั้นมาประมาณหนึ่ง ทำเป็นอัลบั้มแล้วด้วย จนมาอัลบั้มนี้เราอยากให้เรื่องราวมันใกล้ชิดกับคนฟัง ใกล้ชิดกับแฟนเพลงของเรามากขึ้น ก็เลยเอาเรื่องที่ยังไงทุกคนก็ต้องผ่านมาอย่างการมีชีวิตในวัยเด็ก เลยเสนอเรื่องการสื่อสารระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กว่า ปัญหาทุกอย่างมันอาจจะแก้ได้ด้วยการคุยหรือว่าการรับฟังกันก็ได้ ไม่จําเป็นต้องหาวิธีอื่น ไม่จําเป็นต้องพูดทําร้ายจิตใจ หรือไม่จําเป็นต้องทําร้ายร่างกายกัน จริงๆ แล้วการคุยกันมันสามารถแก้ปัญหาได้ดีด้วยซ้ำ
เราลองเสนอมาเพื่อที่จะอยากให้หลายๆ คนลองฟังเพลงนี้แล้วเอาไปคิดต่อในมุมของตัวเองว่าสุดท้ายแล้ว จริงๆ แล้วเราแค่คุยกันก็ได้รึเปล่า ไม่จําเป็นต้องทําอะไรไปมากกว่านี้
The MATTER: การไม่รับฟังหรือไม่เข้าใจกันมันเป็นปัญหาใหญ่ไหม?
เต้: มันเป็นปัญหาใหญ่ในภาพกว้างด้วยซ้ำ เพราะว่าแต่ละอย่างที่เด็กคนหนึ่งเจอในวัยเด็ก มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดูเล็กน้อยสําหรับผู้ใหญ่ แต่ว่าสุดท้ายแล้วเขาโตมากับความทรงจํานั้น โตมากับความรู้สึกแบบนั้น แล้วถ้ามีผลกับกระทบกับความรู้สึก มันจะกลายเป็นปมสำหรับเขาในตอนโต
The MATTER: เด็กดีในความหมายของ BOMB AT TRACK เป็นยังไง?
ข้น: เด็กดีในความหมายของผมอาจจะเป็นแค่การที่เราให้เกียรติเพื่อนร่วมโลก แล้วก็ทำในสิ่งที่ชอบ รับผิดชอบตัวเอง ไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่ไปทําร้ายใคร
นิล: เด็กดีสําหรับผมคือการที่เป็นตัวของตัวเองแล้วก็ไม่ทําให้ใครเดือดร้อน ซึ่งการเป็นตัวเองของผมหมายความว่า เวลาเราจะเชื่อในอะไร หรือเรารู้สึกกับสิ่งไหน ให้คิดว่าตัวเองรู้สึกกับมันจริงๆ ไม่ใช่แค่ทําตามทั้งที่เรายังไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร เราต้องรู้จริงก่อนถึงจะเชื่อหรือรู้สึกกับมัน
เมษ: จริงๆ เด็กดีสําหรับผม คือ ต้องมีความสุขในสิ่งที่ตัวเองรัก แล้วก็เคารพตัวเอง
เต้: ผมรู้สึกว่าคําว่า เด็กดี คล้ายกับคําว่า คนดี มันอยู่ที่มุมมองของแต่ละคนด้วย มันนิยามไม่ได้ว่าแบบนี้คือเด็กดีรึเปล่า อยู่ที่ว่าใครเป็นคนมองเด็กคนนั้นแล้วมันดีสําหรับคนที่มองหรือเปล่ามากกว่า
The MATTER: คิดยังไงกับประโยคที่ว่า เป็นเด็กต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่?
ปุ้ย: ผมรู้สึกว่าจริงๆ เราก็ต้องฟัง ไม่ใช่ว่าเราไม่ฟัง เราก็ต้องฟังเขาด้วยเพราะว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ แต่เรื่องที่ว่าเมกเซนส์หรือไม่เมกเซนส์ ผมว่าเรามาหาตรงกลางกันได้ เพราะว่าเด็กก็จะมีความคิดในแบบของเด็ก ผู้ใหญ่ก็มีความคิดในแบบผู้ใหญ่ การฟังก็เป็นสิ่งที่สําคัญ
เต้: เสริมปุ้ยนิดเดียว ผมว่าไม่ใช่แค่เด็กด้วยซ้ำที่ต้องฟัง ผู้ใหญ่ก็ต้องฟังเหมือนกัน ที่มันมีระยะห่างระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ก็เป็นเพราะว่าการไม่ฟังกันด้วย คือเป็นเด็กต้องเชื่อฟัง เป็นผู้ใหญ่ก็ต้องรับฟังเหมือนกัน ต้องมีบาลานซ์ให้กัน ไม่ใช่ว่าไปทางฝั่งใดฝั่งหนึ่ง อ่ะข้นต่อ
ข้น: คิดเหมือนกันว่า บางทีเราอาจจะต้องการคนที่แนะนําเราเพราะว่าเราเป็นเด็ก แต่ว่าอยากให้ผู้ใหญ่แนะนําเราด้วยเหตุผล เป็นการช่วยมากกว่าที่จะพูดในสิ่งที่บางทีไม่เมกเซนส์ ผมก็จะเคารพในคนที่สอนผมว่าอะไรเป็นยังไง หรือว่าต้องทําอะไรยังไง ผมก็จะเลือกฟังในสิ่งที่ผมคิดว่า เออ มันดีจริงๆ บางอย่างผมก็เลือกที่จะเชื่อมากกว่า เราก็ต้องการคําแนะนําบ้าง เพราะสิ่งที่เขาแนะนํามาบางทีก็เพื่อปกป้องตัวเราในอนาคต
และผู้ใหญ่ก็ควรจะรับฟังเด็กบ้าง เพราะเด็กก็มีสิ่งที่อยากจะบอกอยู่ ถ้าเกิดไม่รับฟังกันมันก็จะเกิดปัญหาไปเรื่อยๆ ไม่ได้ช่วยให้อะไรเดินไปข้างหน้าเลย กลายเป็นการต่อต้านกันไปเรื่อยๆ ซึ่งควรจะรับฟังกันทั้งสองฝ่ายด้วยเหตุผล
The MATTER: คิดว่าสิ่งที่เด็กอยากได้รับจากผู้ใหญ่คืออะไร?
เต้: ผมอยากได้ความเข้าใจ ความพยายามที่จะเข้าใจ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่เขารู้สึกว่า อะไรเนี่ย แต่ว่าอย่างน้อยพยายามที่จะเข้าใจโดยการมาคุยกันนี่แหละครับ
เมษ: บางคนไม่คุย ไม่อะไรเลย
เต้: ใช่ บางคนไม่คุย แล้วก็ไม่ฟัง ไม่เปิดใจ อยากให้ลองพยายามเปิดใจเข้าหากัน
ปุ้ย: ถ้าในชีวิตวัยเด็ก ผมอาจจะต้องการแค่คําพูดที่ให้กําลังใจ แค่นี้ก็พอแล้ว ที่ต้องการก็คือคําพูดที่ให้กําลังใจกันมากกว่าการมาแดกดันกัน ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ เออ ฟังแล้วมีกําลังใจ
ข้น: อยากให้ผู้ใหญ่หรือคนที่กำลังมีลูก อยากให้เปิดโอกาสให้เด็กมีทางเลือก มันจะทําให้เขาโตมาแล้วมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองได้เลือกครับ เพราะผมก็ได้รับแบบนั้นมาเหมือนกัน ซึ่งผมรู้สึกว่า ผมไม่ได้ขาดอะไร คิดว่าถ้าเด็กได้ทําตามสิ่งที่ตัวเองคิด เช่น บางคนไม่ได้อยากเป็นตํารวจพยาบาล หมอ เขามีเพียงความชอบเล็กๆ น้อยๆ แค่วาดรูปหรือทําอะไรสักอย่างที่เขาชอบ ถ้าเปิดโอกาสให้เขาได้เลือกทางนั้นแบบจริงจัง ลองลุยไปกับมัน มันจะเป็นโอกาสอย่างดีเลยครับเพราะอาชีพในอนาคตมีหลากหลายมาก อย่างเช่น เล่นเกม เราก็สามารถจริงจังกับมันได้
The MATTER: ย้อนกลับไปตอนเด็ก มีคำพูดไหนของผู้ใหญ่ไหมที่เราฟังแล้วไม่ชอบ?
นิล: ของผมอาจจะไม่ใช่ที่บ้านครับ แต่ว่าจะเป็นความเห็นจากข้างนอก เวลาผมมีความคิดหรือไอเดียที่ไม่เหมือนคนอื่น หรือว่าเราทําอะไรที่มันแปลกประหลาดก็จะโดนเสมอว่า ให้เงียบ หรือให้หยุดความคิดนั้นไว้ ทั้งๆ ที่เขายังไม่คิดเลยครับว่า ไอ้ความคิดนั้นมันดีหรือไปต่อได้ไหม เพราะผมจําได้ว่าอยู่ในที่ที่หนึ่งก็จะโดนสั่งตลอดเลยว่าให้เงียบ มันไม่ได้ทําให้ผมมีคุณค่าขึ้นมาเลย
ปุ้ย: คำพูดที่เราไม่ชอบก็จะเป็นการดูถูก อย่างตอนนั้นเรามีความฝันของเรา เราเชื่อในสิ่งที่เราจะทํา แต่ว่าเราก็จะโดนคําดูถูก โหย ทําไม่ได้หรอก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นประมาณนี้
เต้: ผมต่อแล้วกัน ตอนนั้นวิชาภาษาอังกฤษ ครูให้ทํางาน ในคาบเรียน จําได้ว่าผมเข้าใจเนื้อหา แล้วทำเสร็จคนแรก ผมก็ดีใจ ‘เสร็จแล้วครับ’ ตะโกนบอกครู ครูบอกว่า ‘เสร็จแล้วก็นั่งอยู่เฉยๆ ลุกขึ้นมาอวดเก่งทําไม’ ผมก็อะไรว้า หลังจากนั้นก็ไม่ชอบครูคนนั้น เวลาที่เขามาสอนผมจะไม่ค่อยอยากตั้งใจเรียนสักเท่าไหร่ กลายเป็นไม่สนใจไปเลย
The MATTER: ผลตอบรับจากเพลงเด็กเอ๋ยเด็กดีเป็นยังไง?
เมษ: ผมไปอ่านคอมเมนต์ของเพลงนี้ในยูทูบจะมีค่อนข้างหลายแต่มุมมาก เจอตั้งแต่เด็กที่โดนทุกอย่างมาที่พอมาฟังเพลงนี้ก็ได้ย้อนกลับไปคิด ซึ่งตัวเขาเองก็ผ่านมาได้แล้ว กับบางคนที่ยังไม่กล้าเปิดใจคุยหรือไม่กล้าพูดกับคนในครอบครัว เขาก็พยายามเปิดเพลงนี้ให้แม่ได้ยิน มีอีกคอมเมนต์ที่ผมชอบมาก เป็นแม่คนหนึ่งที่มาบอกว่า ขอบคุณที่ทำเพลงนี้มา เพราะทําให้เขาเข้าใจลูกมากขึ้น และอยากให้ทุกคนที่เป็นพ่อแม่ได้ฟัง คนที่มาคอมเมนต์มีทุกมุมเลยครับ
The MATTER: สุดท้ายเราก็ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ แล้ว BOMB AT TRACK อยากโตไปเป็นผู้ใหญ่แบบไหน?
ปุ้ย: อยากโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจเด็ก เป็นผู้ใหญ่ที่ตัวเองไม่เกลียด …
เมษ: เหมือนสมมติเจอผู้ใหญ่ที่ชอบก็อยากเป็นแบบเขาใช่ไหม
ปุ้ย: ใช่ๆ อยากเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจเด็ก อยากพูดอยากคุยด้วย เรารู้สึกว่าเด็กสมัยนี้บางทีเขาก็สอน เราโดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้น เราเลยคิดว่าถ้าเราเป็นน้ำที่ไม่ได้เต็มแก้วตลอดเวลา มันคุยกันได้หมดเลย การเป็นผู้ใหญ่ที่รับฟัง เราอยากเป็นแบบนั้น
เมษ: ที่ผมรู้สึกอยากเป็นมาตลอดก็คือ อยากเป็นผู้ใหญ่ที่เท่ เป็นคนแก่เท่ๆ เวลาผมเจอเช่นนักแสดงหรือนักดนตรี เขายิ่งแก่ยิ่งเท่ มันไม่ได้เท่แค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่มันเท่จากข้างในด้วย แต่ว่าผมก็ต้องเป็นตัวเองด้วย ไม่ใช่สร้างภาพขึ้นมา เวลาเจอนักแสดงหรือนักดนตรีเมืองนอกหรือคนไทย เขาดูแลตัวเองหรือว่า …
เต้: ดูจากแฟชั่น
เมษ: ใช่ ดูจากการแต่งตัว เผลอๆ บางคนตอนแก่เท่กว่าตอนเด็กอีก ถ้าภายในผมว่าเห็นได้เยอะ ผู้ใหญ่ในทัศนคติของผมเห็นปุ๊บมันจะรู้เลยว่าคนนี้เฉียบอ่ะ บางทีไม่ต้องพูดอะไรเยอะ พูดไม่กี่คำ คําพูดของเขาอยู่กับผมไปตลอดชีวิตเลยยังได้เลย
ข้น: อยากโตเป็นผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสคนเป็น แล้วก็เป็นมิตร ในมุมผมมองครับก็เหมือนปุ้ยที่ไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ชอบ ผมก็เลยอยากเป็นผู้ใหญ่ที่ผมชอบ (หัวเราะ) อาจจะไม่ต้องประสบความสําเร็จอะไรมากมาย แค่ทําสิ่งที่ตัวเองชอบและเรียนรู้ที่จะให้โอกาสคนอื่น เหมือนกับสอนเด็กให้เป็น ไม่ได้สอนเด็กให้เกลียด แต่สอนให้เด็กเข้าใจ หรือว่าให้เด็กเป็นเพื่อนกับเราได้ ก็อยากเป็นผู้ใหญ่ประมาณนั้นครับ
เต้: อยากเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถรับฟังได้ทุกคน ทุกวัย เป็นผู้ใหญ่ที่พยายามทําดีกับเด็กและคนรอบข้าง ไม่เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลกใบนี้ จะพยายามไม่เป็นคนที่ตัวเองเกลียด ไม่รู้ว่าการเติบโตของเรามันจะพาเราไปเจออะไร พาเราเปลี่ยนไปมากแค่ไหน แต่อย่างน้อยผมต้องให้เกียรติทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศไหน วัยไหน แล้วก็ไม่เห็นแก่ตัว
นิล: ผมอยากเป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับอะไรที่เคยผ่านมา ไม่ยึดติดกับอดีต เป็นผู้ใหญ่ที่แนะนําได้ แต่ก็จะไม่บังคับว่าสิ่งที่เด็กเขาทําอยู่ผิดหรือถูก ให้เขาไปเจอด้วยตัวของเขาเอง
The MATTER: ถ้าสมมติสามารถเปลี่ยนความคิดของผู้ใหญ่ได้ตอนนี้เลย อยากเปลี่ยนอะไรเป็นเรื่องแรก?
เต้: ความเชื่อครับ อยากให้มองดูอีกที ไม่ได้อยากให้เปลี่ยนปุบปับ อยากให้มองดูอีกทีว่าแต่ละอย่างสมเหตุสมผลจริงรึเปล่า สิ่งที่ทํามาตลอดลองมองย้อนกลับไปจริงๆ แล้วสาเหตุคืออะไรแล้วมันได้ผลจริงรึเปล่า ในหลายๆ อย่าง หลายๆ คําสอนที่ผมรู้สึกว่ามันงงๆ เพราะตามยุคสมัยที่มันแบบเปลี่ยนไป ตามความคิดของเด็กรุ่นใหม่ เด็กเขาค่อยๆ เปลี่ยนโลกไปเรื่อยๆ
นิล: ถ้าเปลี่ยนความคิดผู้ใหญ่ได้ของผมจะเป็นเรื่องความเป็นมนุษย์ บางทีเราไม่ต้องทําตามคําสอน เราแค่รู้สึกว่าสิ่งไหนที่มองแล้วเราก็รู้ว่ามันแฟร์ไม่แฟร์ มันไม่ได้ยากเลยแค่มองแล้วรู้ว่ามันดีหรือไม่ดี
ข้น: อยากให้ผู้ใหญ่ที่มีอํานาจเปลี่ยนแปลงความเชื่อของตัวเอง เพราะบางคนก็เอาอํานาจนี้ไปใช้บ่อยๆ หรือใช้กับคนที่ด้อยกว่า ผมอยากให้เปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้ อยากให้คนที่มีอํานาจ มีฐานะ หรือมีกําลังในการทําอะไรบางอย่าง อยากให้เลิกเชื่อว่าควรจะใช้อํานาจในการแก้ปัญหา