วันศุกร์นี้ เตรียมเข้าวาร์ปสู่ดินแดนเถื่อน โลกแห่งการควบม้าและควันปืน ไปเป็นคาวบอยในเกม Red Dead Redemption
สำหรับโลกสมัยใหม่ ชายหนุ่มทั้งหลายนั่งทำงานในออฟฟิศ ใช้ชีวิตไปตามกฎระเบียบของสังคม ร่างกายมีก็ไม่ค่อยได้ใช้ ยุคคาวบอยถือเป็นยุคสมัยที่ ‘โรแมนติก’ สำหรับชายหนุ่มและหญิงสาวที่เราต่างยังคงรักอิสระ เรายังแอบฝันถึงโลกที่กฎหมายยังไม่ค่อยเข้มแข็งเท่าไหร่ แอบนึกถึงการใช้ชีวิตที่ต้องใช้ร่างกาย ใช้ฝีมือ การใช้ชีวิตที่ออกจะลำบาก เสี่ยงชีวิต การขี่ม้าไปตามแถบกันดาร การควงบ่วงบาศ เลี้ยงวัว ดวลปืน คาวบอยจึงเป็นสัญลักษณ์ของอิสรภาพและการพึ่งพาดูแลตัวเอง
วัฒนธรรมแบบคาวบอยเกิดจากการเป็นคาวบอยในฐานะอาชีพ ช่วงสมัยยุคบุกเบิกที่สเปนไปตั้งรกรากแถวๆ เม็กซิโก และเริ่มทำปศุสัตว์เลี้ยงวัวขึ้น คาวบอยจึงมีบทบาทสำคัญในการดูแลฝูงวัวขนาดใหญ่ ยิ่งช่วงกลางทศวรรษ 1850s สมัยที่อเมริกาตัดสินใจบุกเบิกพื้นที่รกร้างของทวีปด้วยการสร้างรางรถไฟ คาวบอยในฐานะชายหนุ่มผู้ดูแลฝูงวัวจึงมีบทบาทอย่างมากในการพาฝูงปศุสัตว์เดินทางไปขายยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วอเมริกา วัฒนธรรมแบบคาวบอยในฐานะคนเลี้ยงวัวเร่ร่อนค่อยๆ จบลงเมื่อเกิดการถือครองและการล้อมรั้วที่ดิน ภายหลังภาพของคาวบอยจึงค่อนข้างเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตในบ้านป่าแดนเถื่อนในช่วงการสำรวจขยายพื้นที่รัฐของอเมริกา
หนุ่มเลี้ยงวัว
จุดเริ่มต้นของคาวบอยเริ่มต้นในช่วงปี 1519 ที่สเปนเดินทางไปถึงเม็กซิโกและเริ่มลงหลักปักฐาน การลงหลักปักฐานในบ้านป่าแดนเถื่อนก็มักจะเป็นการสร้างฟาร์มและเริ่มเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหาร สมัยนั้นสเปนจึงเริ่มนำเอาวัวและม้าจากสเปนไปยังทวีปอเมริกา กิจกรรมการเลี้ยงวัวค่อยๆ ขยายตัวไปตามพื้นที่ใกล้เคียงในแถบ Southwest เช่น เท็กซัส แอริโซนา นิวเม็กซิโก เรื่อยไปจนถึงอาร์เจนตินา ดั้งเดิมคำว่าคาวบอยแปลมาจากภาษาสเปนคำว่า vaqueros หมายถึงหนุ่มเลี้ยงวัวที่ทำหน้าที่ดูแลฝูงวัวจากบนหลังม้ามักจะมีทักษะการใช้เชือกในการดูแลปศุสัตว์
คำว่า vaqueros เดิมไม่ได้มีนัยของอายุ แต่ด้วยในวัฒนธรรมของอเมริกัน การใช้คำว่า boy ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเข้าทำอาชีพเลี้ยงวัวมักจะเริ่มตั้งแต่สมัยวัยรุ่น เด็กหนุ่มมักจะเริ่มเป็นคาวบอยก็เมื่ออายุได้ราวๆ 12-13 ปี เริ่มต้นเรียนรู้ทักษะจำเป็นต่างๆ ก่อนจะเข้าเป็นคาวบอยเต็มตัวและรับค่าจ้างได้ ในสหรัฐฯ มีการใช้การเป็นคาวบอยเป็นส่วนหนึ่งในการนำคนพื้นเมืองเข้าสู่การเป็นพลเมือง ในโรงเรียนจึงมีการสอนวิชาเลี้ยงสัตว์และการใช้เชือก ปัจจุบันในแถบตะวันตกของอเมริกายังมีคาวบอยเชื้อสายอินเดียนแดงที่มีไร่และปศุสัตว์เล็กๆ ของตัวเอง
คาวบอยกับประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานในอเมริกา
ช่วงกลางทศวรรษ 1980s เป็นช่วงที่อเมริกาพยายามบุกเบิกและหักร้างถางพงไปยังพื้นที่ทั่วประเทศ พื้นที่ตะวันตกถือเป็นพื้นที่ที่แร้นแค้นและขยายเขตแดนได้อย่างยากลำบากทั้งด้วยภูมิทัศน์แบบทะเลทราย และการมีกลุ่มคนทั้งคนพื้นถิ่นและชนชาติอื่นๆ ยึดครองอยู่ ในช่วงนั้นคาวบอยถือเป็นกลุ่มคนที่มีบทบาทสำคัญในการขยายพื้นที่ของอเมริกา กลุ่มคาวบอยทำหน้าที่ในการพาฝูงวัวเคลื่อนย้ายไปตามถิ่นธุรกันดารต่างๆ เป็นการขยายการตั้งรกรากและขยายธุรกิจการค้าไปในตัว
การเลี้ยงวัวและต้อนวัวเป็นงานยากลำบาก ในฝูงวัวหนึ่งฝูงมีวัวได้มากถึง 3,000 ตัว ในการควบคุมต้องใช้คาวบอยราว 8-12 คนในการดูแล และแน่นอนว่าเส้นทางอันยาวไกลจากเมืองหนึ่งไปสู่อีกเมืองเต็มไปด้วยความแร้นแค้นและอันตราย ภาพจำที่เรามักเห็นว่าคาวบอยต้องเจอกับอินเดียนแดง ในความเป็นจริงสิ่งที่คาวบอยมักต้องเจอคือโจรที่จะมาปล้นวัวมากกว่า
อาชีพคาวบอยในฐานะคนเลี้ยงวัวค่อยๆ สิ้นสุดลง เมื่อสหรัฐฯ เริ่มขยายอาณาเขตได้สำเร็จ ในช่วงปลายทศวรรษ 1890s หลังจากที่สงครามกลางเมืองยุติและเริ่มมีการให้สิทธิครอบครองที่ดิน เจ้าของที่ดินเริ่มมีการล้อมรั้วด้วยลวดหนาม และการทำปศุสัตว์แบบเร่ร่อนค่อยๆ สูญหายลงไป ในช่วงปี 1886-1887 พื้นที่แถบตะวันตกของสหรัฐฯ เผชิญกับฤดูหนาวรุนแรง ฝูงวัวในพื้นที่เปิดโล่งหนาวตายเป็นจำนวนมาก นักวิชาการเชื่อว่าฤดูหนาวนั้นทำให้ยุคของคาวบอยสิ้นสุดลง
วัฒนธรรมคาวบอยในยุคหลัง รวมถึงในหนังหรือเกมค่อนข้างเป็นภาพจินตนาการที่เราหวนนึกถึงยุคสมัยบ้านป่าแดนเถื่อน ยุคสมัยที่กฎหมายและรัฐยังไม่ค่อยเข้มแข็ง ผู้คนยังมีการปกครองกันเอง บางครั้งคาวบอยมักย้อนกลับมาตั้งคำถามเรื่องอำนาจรัฐ เรื่องความถูกต้อง เช่น ตัวแทนของรัฐที่ฉ้อฉล กับการเป็นโจรที่มีคุณธรรม
ตัววัฒนธรรมแบบคาวบอยเกี่ยวข้องกับความฝันแบบอเมริกัน เป็นตัวแทนของความเป็นชายที่มีอิสระเสรี ภาพของคาวบอยที่เรานึกถึงมักปนเปกันจากภาพในหนังฮอลลีวูด ไปจนถึงภาพจากโฆษณาบุหรี่และกางเกงยีน
อ้างอิงข้อมูลจาก