เมื่อสองวันก่อน (21 มิถุนายน) สหรัฐอนุมัติให้มีการทดลองพัฒนาเทคโนโลยีทางพันธุกรรมในมนุษย์ แน่นอนว่าเทคโนโลยีทางพันธุกรรมเป็นนวัตกรรมที่อนุญาตให้มนุษย์เข้าไปจัดการสิ่งมีชีวิตใดๆ ในระดับ ‘จุดกำเนิด’ ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้ ด้วยพลังของวิทยาศาสตร์นี้เองทำให้บทบาทของมนุษย์สามารถก้าวไปสู่พื้นที่ที่ลึกลับเกินกว่าที่มนุษยชาติเคยใฝ่ฝันถึง
เป็นการก้าวไปสู่ดินแดนเคยมีเพียงธรรมชาติเท่านั้นจะเป็นผู้คัดสรรจัดการ
การก้าวไปนี้อาจจะเป็นทั้ง ‘ความก้าวหน้า (progress)’ และ ‘การก้าวล่วง (transgress)’ ก็เป็นได้
ด้วยวาระอันเป็นจังหวะที่ประจวบเหมาะ วันถัดมา (22 มิถุนายน) เป็นวันเดียวกับวันที่กาลิเลโอถูกตัดสินโดยศาสนจักรในข้อหามีพฤติการณ์และความเชื่อที่ ‘นอกรีต (heresy)’ โดยในวันที่ 22 ในปี 1633 นี้เอง เป็นวันที่ศาสนจักรประกาศคำพิพากษาและมีการลงโทษกาลิเลโออย่างเป็นทางการจากข้อกล่าวหาอันร้ายแรงดังกล่าว
ความผิดของการก้าวล่วง (transgress)
ในวิชาวิทยาศาสตร์ เรารู้จักกาลิเลโอกันดีเนอะ พี่แกเป็นคนบอกเรื่องที่มนุษย์สมัยใหม่อย่างเรารู้ๆ กันอยู่ว่าโลกเราเป็นส่วนหนึ่งของระบบสุริยะจักรวาล เป็นดาวดวงหนึ่งที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งในสมัยนั้นความรู้เรื่องนี้เป็นความรู้ที่โคตรใหม่ ยังไม่พอ ยังไปขัดแย้งกับความเชื่อหลักในคริสต์ศาสนา อันเป็นอำนาจใหญ่หลวงที่ครอบงำโลกตะวันตกอยู่ในยุคนั้นด้วย
เนื้อความสำคัญในคำพิพากษาและการประนามของศาสานจักร ประกอบไปด้วยสามส่วนคือ ประณามความเชื่อที่กาลิเลโอเสนอโดยขัดกับความเชื่อในพระคัมภีร์ว่าดวงอาทิตย์แท้จริงแล้วอยู่กับที่และเป็นศูนย์กลางของจักรวาล โลกต่างหากที่เคลื่อนที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ โดยกาลิเลโอต้องละเลิกและประณามความคิดที่ขัดต่อพระคัมภีร์นี้เสีย ซึ่งแค่การบอกว่าจะไม่เชื่อแบบนี้อีกแล้วน้า ก็ยังไม่พอ ศาสนจักรยังตัดสินว่ากาลิเลโอต้องถูกคุมขังตามบัญชา…ซึ่งก็คือกาลิเลโอต้องถูกควบคุมตัวอยู่ในบ้านที่ฟลอเรนซ์ไปจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต
หลังจากคำพิพากษาและการควบคุมตัว งานเขียนทั้งหมดและบทบาทการเผยแพร่ความคิดของกาลิเลโอก็จบลง แต่การถูกคุมขังของกาลิเลโอก็ทำให้ต่อมาสานุศิษย์ของเขาร่วมกันก่อตั้งสถาบันแห่งวิทยาศาสตร์เชิงทดลอง (Accademia del Cimento) อันเป็นสมาคมทางวิทยาศาสตร์กลุ่มแรกๆ ของโลกที่ทำการทดลองจนเกิดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และนำไปสู่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และยุคแห่งแสงสว่าง (Age of Enlightenment) ในที่สุด
ความรู้ที่กาลิเลโอพูดถึงจึงเป็นความรู้ที่ล่วงละเมิดต่อจักรวาลของความรู้เดิม ในมุมมองของศาสนจักรคือการละเมิดต่อพระวัจนะอันศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ และต้องใช้เวลากว่า 300 ปีให้หลัง กว่าที่ศาสนจักรจะยอมรับความรู้ของกาลิเลโอ และปลดออกจากการเป็นพวกนอกรีต
สุดท้ายนั้น องค์ความรู้หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ย่อมนำมาซึ่งการสั่นคลอนชุดความเชื่อที่มีอยู่เดิม ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในทางจักรวาลวิทยาที่ล้มล้างความเชื่อดั้งเดิมทางศาสนา หรือนวัตกรรมทางพันธุวิศวกรรมที่สั่นคลอนเส้นแบ่งของมนุษย์ไปสู่ตำแหน่งของผู้สร้าง นวัตกรรมที่ทำให้มนุษย์สามารถสร้างและออกแบบสิ่งมีชีวิตรวมถึงมนุษย์ด้วยกันเองตามความต้องการได้