คุยเคยเล่น Internet Meme ไหม?
ภาพเด็กร้องไห้จากการถูกสัมภาษณ์ที่กลายเป็นไวรัล ภาพแมวทำหน้าตลก ภาพผมของโดนัลด์ ทรัมป์ปลิวสลวย ที่ถูกผลิตซ้ำในโลกออนไลน์และส่งต่อด้วยไอเดียและอารมณ์ขัน (sense of humor) นั้นเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในยุคอินเทอร์เน็ต
แต่ในวันนี้มันถูกทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่
เมื่อนายราเมศ รัตนเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า จะเดินทางไปกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่ตัดต่อภาพนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา จนได้รับความเสียหาย น่าสนใจปฏิกิริยาของมือกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาจะฟ้องคนที่ตัดต่อภาพคุณชวน หลีกภัยชงกาแฟ สะท้อนความไม่เท่าทันวัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก
สำนักเทรนด์ Marketing โลกหลายแห่ง ยกว่า Internet meme เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมร่วมสมัยที่ทรงอิทธิพล ซึ่งมันจะถูกกระจายออกไปอย่างรวดเร็วมาก ทำให้กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างและผลิตซ้ำ บางคนกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน บ้างก็สร้างรายได้มหาศาลจากมัน
เคยอ่านบทความใน Marketing oops เขาพูดถึงงาน Advertising week New York 2018 พูดถึง Reddit พื้นที่ออนไลน์ชือดังถ้าเทียบกับไทยคงประมาณ Pantip.com ที่สร้างรายได้จากการที่คนร่วมมาทำ meme ในแพลตฟอร์มของเขา หัวใจสำคัญของมันก็คือ Creative Concept ที่ใครจะทำต่อก็ไก้
ทีนี้ความเป็น Meme นี่ก็ถกเถียงได้อีกยาวว่าขอบเขตแบบไหนเข้าข่าย Cyber Bullying หรือนำไปสู่ความเข้าใจผิดในเชิงกฎหมาย อย่างกรณีภาพที่เป็นปัญหาคือภาพที่เป็นภาพตัดต่อคุณชวนชี้นิ้ว และมีผู้หญิงหันปืนเข้าหาคุณชวน
ถ้ามองตามความเป็นจริงภาพแบบนี้เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะเป็นภาพจริง เหมือนเราดูโฆษณาอะไรที่มันเว่อร์ๆ ปรเะเภทยาสีฟันที่ใช้แล้วฟันขาวจ้ากว่าแสงอาทิตย์ หรือซอสพริกที่อร่อยจนคนกินขวดลงไปด้วย ประเภทนี้ไปเลยก็จะไม่เข้าข่ายโฆษณาเกินจริง ซึ่งก็น่าสนใจว่าประชาธิปัตย์มองว่ามันเป็นปัญหา
หลังจากนั้นภาพตัดต่อมีมคุณชวนไฟไหม้ฟางมาก กลายเป็นโจ๊กของวันนี้ไปเลย ตั้งแต่คุณชวนเต้นเพลง Gee ของวงเกิร์ลเจอเนอเรชั่น การตัดต่อคุณชวนในซีนขอแต่งงานสุดซึ้งของทับทิม มัลลิกาและปลื้ม หลีกภัย หรือแม้กระทั่งคุณชวนปล่อยใยแบบสไปเดอร์แมนเป็นต้น
ผิดจากความตั้งใจเดิมทีมงานถ่ายมากะจะประจบว่าคุณชวนสมถะไม่ถือตัว และคิดว่าจะมีแต่คนอวยแบบโลกยุค 1.0 แต่พอเจอมีมเข้าไปเลยทำตัวไม่ถูก ว่าเรื่องไหนซีเรียสอันไหนปล่อยผ่านได้ไม่ต้องไปยุ่งเดี๋ยวก็หายไปเองตามประสา ‘สุนัขฉี่รดภูเขาทอง’ คนดังส่วนมากจึงเลือกที่จะปล่อยผ่านในกรณีประเภทนี้ นอกเสียจากว่าทำให้เสื่อมชื่อเสียงร้ายแรง หรืออาจเกิดความเข้าใจผิดได้
เทียบกับนักการเมืองคนแรกๆ ที่กลายเป็นมีมอย่าง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กรณีถุงแกงซึ่งเจ้าตัวก็เข้าใจวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ และเล่นกับกระแส ‘รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี’ เราน่าจะเห็นภาพมีมชัชชาติถุงแกงเกิน 100รูป ตั้งแต่ชัชชาติชกกับบากิที่ว่าแข็งแรง ชัชชาติเอาชนะทานอสได้ ถุงแกงชัชชาติช่วยเซฟโลกจากอุกกาบาต มีจนกระทั่งเกมมือถือชัชชาติที่ออกมาในช่วงนั้นเลยทีเดียว
สุดท้ายก็ต้องดูว่าทางพรรคประชาธิปัตย์จะเอาไงต่อไป แต่สำหรับคนรุ่นใหม่ส่วนนึงก็คงมองว่าเขาไม่เข้าใจวัฒนธรรมร่วมสมัยและคุณชวนและทีมงานก็กลายเป็น ‘ตัวตลก’ในโลกจริง แทนที่จะเป็นแค่มีมในโลกออนไลน์เท่านั้น
เสียดายการที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามจะรีแบรนดิ้งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ตั้งนาน