ในวันที่นายกฯ และทีมงานเดินทางมาที่ The MATTER ได้มีการแจกเอกสารประกาศความสำเร็จในการรับมือ COVID-19 ของไทย ซึ่งมีปัจจัย 7 ข้อ ไม่ว่าจะเป็น ภาวะความเป็นผู้นำที่เด็ดเดี่ยวของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เราเห็นภาพประเทศไทยต้องชนะอย่างเข้มแข็ง การสื่อสารแบบ Single Voice ที่ให้อำนาจการสื่อสารเพียงคนคนเดียว แต่อาจฝากโยนถามไปถึงคนนู้นคนนี้อีกที หรือการผนึกกำลังของทุกภาคส่วน ที่อาจรวมไปถึงการส่งจดหมายขอความช่วยเหลือจากมหาเศรษฐีของไทย และอื่นๆ อีกเยอะแยะ
.
เราชวนทุกคนมาให้ความเห็นกับการประกาศปัจจัยความสำเร็จของรัฐบาลนี้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือจ้อจี้กันแน่ค้าาา?
-
ภาวะความเป็นผู้นำที่เด็ดเดี่ยว
ในเอกสารกล่าวว่า “นายกรัฐมนตรีได้ตั้งทีมทำงานเฉพาะขึ้นทันทีเพื่อให้มีโครงสร้างที่เหมาะสมทางกฎหมายและเอื้อต่อการบริหารจัดการสถานการณ์ ทำให้หน่วยงานต่างๆ สามารถทำงานประสานกันได้อย่างบูรณาการ รวดเร็ว และไปทิศทางเดียวกัน กล้าที่จะเดินหน้าการตัดสินใจที่ยาก และเป็นการตัดสินใจที่ไม่น่าเป็นที่ชื่นชอบ เพราะมีผลต่อความสะดวกในการใช้ชีวิตของประชาชน โดยทำตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของวิกฤต”
คุณคิดว่าเรื่องนี้ ‘จริง’ หรือ ‘จ้อจี้’
ที่แม้ว่ากรณีของสนามมวยจะยังไม่ได้รับคำตอบก็ตาม แถมเด็ดเดี่ยวในการต่อพรก. ฉุกเฉินไปอีกเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมายด้วยแน่ะ
-
ให้อำนาจผู้เชี่ยวชาญทางด้านสาธารณสุข
เขาบอกมาในเอกสารว่า “ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสาธารณสุขได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้มีอำนาจหน้าที่นำการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด”
คุณคิดว่าเรื่องนี้ ‘จริง’ หรือ ‘จ้อจี้’
-
ระบบด้านสาธารณสุขที่แข็งแกร่ง
ในเอกสารกล่าวถึงความสำเร็จของรัฐบาลว่าเป็นเพราะ “ระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่งและมีความพร้อมของประเทศไทย ทำให้การตัดสินใจเป็นไปโดยยึดหลักวิทยาศาสตร์และยึดพื้นฐานความเป็นจริงควบคู่ และดำเนินการต่างๆ ไปในทุกระดับสังคมทั่วประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) มากกว่า 1 ล้านคนทั้งประเทศ คือปัจจัยสำคัญหนึ่งของความสำเร็จ”
คุณคิดว่าเรื่องนี้ ‘จริง’ หรือ ‘จ้อจี้’
-
การผนึกกำลังกันของทุกภาคส่วน อย่างเป็นหนึ่งเดียว
“รัฐบาลได้ผสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมทั้งภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ร่วมกันต่อสู้โควิด” (ที่รวมไปถึงการส่งจดหมายไปหาเศรษฐีให้มาช่วยเหลือด้วยรึเปล่านะ?)
คุณคิดว่าเรื่องนี้ ‘จริง’ หรือ ‘จ้อจี้’
-
การสื่อสารแบบ ‘SINGLE VOICE’
ในเอกสารบอกเราว่า “ท่ามกลางสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ประเทศไทยได้จัดการสื่อสารเกี่ยวกับสถานการ์ให้เป็นแบบ single voice โดยผู้มีอำนาจหน้าที่เพียงคนเดียว สื่อสารคำแนะนำที่เชื่อถือได้ไปสู่ประชาชน ผ่านโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ในแต่ละวันโดย โฆษก ศบค.”(แต่ไม่ว่าจะเหตุการณ์จากสนามมวย จนถึงทหารอียิปต์ ก็ยังไม่แน่ใจว่าใครพูดจริงไม่จริงเนอะ)
นอกจากนี้ยังบอกต่ออีกว่า “การสื่อสารลักษณะนี้ส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติตามบนพื้นฐานของความไว้วางใจในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนอย่างยิ่งและเต็มไปด้วยข่าวสารอันสับสนจากทั่วโลก นายกรัฐมนตรีประกาศอย่างเด็ดขาด ถึงผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะกักตุนสินค้าและเก็งกำไรสินค้าตลอดจนกระตุ้นข้าราชการให้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ” (แต่ก็ยังไม่รู้ว่าหน้ากากอนามัยชิ้นละ 2.5 บาทนั้นอยู่หนใด)
คุณคิดว่าเรื่องนี้ ‘จริง’ หรือ ‘จ้อจี้’
-
วัฒนธรรม
ปัจจัยต่อมาคือ “วัฒนธรรมและความเป็นคนไทย ที่สวมหน้ากากด้วยความคิดว่า ‘เพื่อป้องการการแพร่เชื้อโรคไปสู่ผู้อื่น’ แทนที่จะแค่ ‘ป้องกันตนเอง’” (อ่านอีกที)
“วัฒนธรรมที่เต็มใจจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้เหมาะกับสถานการณ์ใหม่ๆ เมื่อมีเหตุและผลที่ดี นำไปสู่การให้ความร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัย อาทิ การใส่หน้ากาก การใช้เจลทำความสะอาดมือ” “วัฒนธรรมที่เต็มใจจะช่วยเหลือผู้อื่น ทั้งประเทศตอบสนองอย่างดีต่อคำขอของนายกรัฐมนตรีที่ให้ทุกฝ่ายละความเห็นต่างทางการเมืองและหันหน้ามาทำงานร่วมกันด้วยความปรองดองเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสภาวะวิกฤต”
คุณคิดว่าเรื่องนี้ ‘จริง’ หรือ ‘จ้อจี้’
ปล. การ์ดอย่าตกนะประชาชนนนน แต่ เพราะเรามีวัฒนธรรมที่เต็มใจช่วยเหลือผู้อื่น เลยให้ทหารอียิปต์ หรือทหารสหรัฐฯ เข้าประเทศได้ด้วย
-
ทันต่อเวลาและเหตุการณ์
ปัจจัยข้อสุดท้าย เขาบอกเราว่า “ประเทศไทยทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การจับตาเฝ้าระวังผู้มาเยือนจากประเทศจีน เริ่มตั้งแต่ 3 ม.ค. และต้นเดือน ก.พ. บุคลากรจากโรงพยาบาลมากกว่า 100 แห่งทั่วประเทศได้รับการอบรมในกรุงเทพฯ ให้มีความรู้ในด้านการสอบสวนและควบคุมโรค พอปลายเดือน มี.ค. มีการจัดตั้งโครงสร้างการบัญชาการแบบรวมศูนย์สำหรับหน่วยงานภาครัฐ”
“ศบค. มีการประชุมร่วมกันทุกเช้า ทำให้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ สามารถทำได้ทันท่วงที ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้า ประเทศไทยเป็นปลายทางซึ่งได้รับความนิยมจากชาวอู่ฮั่นและหูเป่ย ถ้าหากการตอบสนองช้าย่อมจะนำไปสู่การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงเป็นวงกว้าง”
คุณคิดว่าเรื่องนี้ ‘จริง’ หรือ ‘จ้อจี้’
ปรบมือสามทีค่า