ช่วงนี้เรามีข่าวเรื่องการโกงเยอะ แถมเป็นการโกงที่มีจุดร่วมกันคือคนที่ทำการโกงเป็นคนที่มีการศึกษาสูง มีหน้าที่การงานดี แต่แล้วก็อ้าว คนฉลาดๆ ที่ดูมีอนาคตที่ดี สุดท้ายกลับทนต่อความยวนยั่วของเงินที่อยู่ตรงหน้าไม่ไหว สังคมเลยมีการตราว่า ‘การศึกษาไม่ช่วยอะไร’ แต่ถ้าลองทบทวนดูดีๆ คนที่จะโกงได้สำเร็จหรือไม่ หรือแค่จะสามารถคิดการโกงได้รึเปล่า ‘ความฉลาด’ หรือ ‘สติปัญญา’ ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้คนๆ นั้นโกงได้สำเร็จลุล่วงและลอยนวลต่อไปได้
‘ความเฉลียวฉลาด (intelligence)’ จึงมีความเกี่ยวข้องกับ ‘การโกง (corruption)’ มีงานศึกษาที่ไปสำรวจประเทศต่างๆ แล้วพบความสัมพันธ์ของค่า IQ ที่สัมพันธ์กับอัตราการทุจริตคอร์รัปชั่น คือพบว่าในประเทศที่มีค่าเฉลี่ยของ IQ ที่สูง (ซึ่งก็ถือว่าเป็นการวัดคร่าวๆ เนอะ) ก็จะมีอัตราการโกงที่ต่ำลง ถ้าพูดด้วยภาษาง่ายๆ คือ ถ้าเกิดว่าประเทศหรือชุมชนใดๆ มีสมาชิกที่ไม่ฉลาดเท่าไหร่จำนวนมากๆ ก็จะมีอัตราการโกงที่สำเร็จเยอะขึ้น ดังนั้นโดยนัยคือปัญหาการทุจริตสัมพันธ์กับการกระจายความรู้ให้กับประชาชนอย่างถ้วนหน้าด้วย
ถ้ามองตามความเป็นจริงความฉลาดก็มีเหตุปัจจัยอื่นๆ ที่สัมพันธ์กับรัฐด้วย เช่น การกระจายการศึกษา การเข้าถึงทรัพยากรทางความรู้ต่างๆ เช่น ห้องสมุด ราคาหนังสือหรือตำราเรียนที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้
Trickster กับการโกงที่ (อาจจะ) ชอบธรรม
‘การโกง’ อาจจะฟังดูไม่ดี แต่สมัยโบราณเรามักมีโลกที่ถูกปกครองด้วยทรราชย์ การโกงด้วยสติปัญญาจึงเป็นฟังก์ชั่นหนึ่งที่สร้างฮีโร่ขึ้นมาได้ ดังนั้นตัวละครฉลาดแกมโกงหรือ Trickster หลายครั้งจึงได้รับการเชิดชูให้เป็น ‘ฮีโร่’ ซึ่งฮีโร่ประเภทนี้มักต่อกรกับอำนาจหรือระบบที่กดขี่ไม่เป็นธรรม รูปแบบตัวละครนี้ปรากฏขึ้นในแทบทุกวัฒนธรรมทั่วโลก เช่น โรบินฮู้ด หรือบ้านเราก็มีศรีธนญชัย ที่เยอรมันก็มีทิลล์ ออยเลนชปีเกลที่เป็นทำนองเดียวกับศรีธนญชัย
ตัวละครเหล่านี้เป็นการต่อสู้กับอำนาจด้วยการโกง และกำลังบอกว่า นี่ไงคนที่มีอำนาจและระบบต่างๆ ไม่ได้ทรงพลังและสมบูรณ์อะไรขนาดนั้น ในชั้นหลังเราก็จะมีหนังที่พูดถึงนักต้มตุ๋นที่เอาเงินคนรวยมาสร้างความชอบธรรมให้กับสังคม ดังนั้นการโกงในด้านหนึ่งมันก็เป็นการบอกว่า โดยตัวระบบเองมันก็มีการโกงที่ ‘ถูกกฏหมาย’ แต่ไม่เป็นธรรม เช่นการกดขี่ขูดรีดคนจน ซึ่งการโกงแบบนี้เป็นการสร้างเหยื่อจำนวนมากๆ และนำไปสู่ความมั่งคั่งของคนส่วนน้อย
ในทางกลับกัน การโกงที่ถูกมองว่าเป็นฮีโร่ เป็นการโกงที่ชอบธรรม มักจะเป็นการโกงคนส่วนน้อยและเกลี่ยกระจายกลับไปสู่คนหมู่มากในสังคม
การโกงกับการกระจายทรัพยากรที่ไม่เป็นธรรม
อย่างที่รู้กัน การโกงที่เราเห็นๆ ช่วงนี้ ที่เป็นการโกงโดยคนฉลาดเป็นทางกลับกันจากการโกงแบบที่เชิดชูว่าเป็นวีรบุรุษ คือคราวนี้พี่แกเล่นโกงคนเล็กคนน้อย มีเหยื่อจำนวนมากและดูดเอาผลประโยชน์ทั้งหมดหนีหายไปคนเดียว
ในงานศึกษาปี 2011 ของ Niklas Potrafke จากเยอรมัน เธอทำการสำรวจแล้วบอกว่า ความเฉลียวฉลาดกับการทุจริตมันมีความเกี่ยวข้องกัน ในประเทศที่มีค่า IQ สูง ผู้คนก็ไม่ค่อยมีแนวโน้มที่จะทุจริตกันเท่าไหร่ ซึ่งในงานสำรวจก็ชี้ให้เห็นว่าไอ้ค่าสติปัญญามันไปได้สองทาง คือถ้ามันไม่ถูกฉ้อโกงไปซะก่อน มันก็จะนำไปสู่การพัฒนาและการเจริญเติบโตของประเทศ ถ้าไม่ ไอ้สติปัญญานั้นก็จะนำไปสู่การโกง หาผลประโยชน์เข้าสู่พวกพ้องเอง
ถ้าดูการประเมินความโปร่งใสและการคอรัปชั่นในโลกนี้เช่นจากองค์กร Transparency International ก็ค่อนข้างสอดคล้องกับข้อเสนอพอสมควร ประเทศที่มีอัตราคอร์รัปชั่นต่ำๆ ก็จะเป็นประเทศที่ค่อนข้างพัฒนาแล้ว เช่น เดนมาร์ก นิวซีแลนด์ ฟินแลนด์ สิงคโปร์ ส่วนประเทศที่มีอัตราการคอร์รัปชั่นเยอะขึ้นๆ เรื่อยก็สัมพันธ์กับอัตราการพัฒนาด้วย (แน่ล่ะ มันก็สัมพันธ์กับคุณภาพและความรู้ของประชากร)
ปัญหาตรงนี้จึงเป็นเหมือนงูกินหาง คือถ้าประเทศมีการกระจายความรู้และทรัพยากรอย่างไม่เป็นธรรม คนฉลาดที่รู้ว่าตัวเองฉลาดกว่าชาวบ้านก็มีแนวโน้มจะฉ้อโกงเอารัดเอาเปรียบเกิดขึ้น ผลคือสังคมนั้นก็ไม่มีการเจริญเติบโต ความเหลื่อมล้ำและปัญหาการทุจริตก็น่าจะคงดำเนินต่อไปและยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ
จากความเชื่อมโยงเรื่องการทุจริต การโกงอันเป็นเรื่องที่สังคมไทยค่อนข้างตื่นตัว ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าเราจะให้ความสำคัญกับคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ค่อนข้างจับต้องยากได้นิดหน่อย แต่ถ้ามองอีกมุม ในแง่ของการกระจายทรัพยากรและการให้การศึกษาอย่างเท่าเทียมถ้วนหน้าจนทำให้การทุจริตเกิดขึ้นได้ยาก
ก็ดูจะเป็นแนวที่เป็นรูปธรรมที่น่าคิดอีกทางหนึ่ง