‘บ้านรก อยากเคลียร์บ้าน ไม่รู้จะเริ่มยังไง กี่วันกว่าจะทำเสร็จ’
หลายคนอาจจะเคยประสบพบเจอกับความรู้สึกเหล่านี้ สภาพแวดล้อมที่เอาไว้ใช้พักผ่อนแต่กลับไม่เอื้ออำนวยต่อการทำสิ่งต่างๆ อยากจะเริ่มจัดบ้าน แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
วันนี้ The MATTER เลยขอชวนไปพูดคุยกับนักจัดระเบียบบ้านมืออาชีพ อย่าง ‘แมวบิน นักจัดระเบียบบ้าน’ ที่มีหัวเรือคนสำคัญ ‘อิม–อิมยาดา เรือนภู่’ มาพร้อมกับอาวุธคู่ใจคือถุงดำและหัวใจที่แข็งแกร่ง พร้อมช่วยคุณจัดการของในบ้านว่าอะไรที่ควรเก็บไว้ อะไรที่ควรทิ้งไป
‘แมวบิน นักจัดระเบียบบ้าน’ คือใคร
อิม–อิมยาดา เรือนภู่ เป็นนักจัดระเบียบบ้านมืออาชีพ ผู้ก่อตั้งเพจ ‘แมวบิน นักจัดระเบียบบ้าน’
แมวบิน เราทํางานเพื่อแก้ไขปัญหาสําหรับคนที่มีปัญหาบ้านรก เข้ามาแก้ไขบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ที่ป่วยเป็นจิตเวช เช่น ซึมเศร้า สะสมของ หรือเจ็บป่วยทางกาย อย่างเช่น ผ่าตัดมา ยกแขนไม่ได้ ก้าวขาไม่ได้ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องบ้านรกให้กับลูกค้า
จุดเริ่มต้นของการมาทําแมวบิน
ก่อนออกจากบ้าน เราจะต้องเหลียวหันหลังไปดูบ้านว่า ทุกอย่างมันเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง สมมติว่ารีโมตทีวี อยู่ที่โซฟา ที่จริงมันก็อยู่ได้ แต่สำหรับเรา คือมันไม่ได้ มันต้องอยู่ตรงทีวี ไปเรียงไว้ตรงหน้าทีวีเท่านั้น เราชอบให้ของในบ้านมันเรียบร้อย สะอาดอยู่ตลอดเวลา เราเลยคิดว่า ถ้าเกิดเราทําบริการทางด้านนี้ มันน่าจะมีคนชอบ แล้วอาชีพนักจัดแบบบ้านในเมืองไทย มันก็ยังมีไม่ค่อยเยอะ
ด้วยความที่ตัวเองชอบ และโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ ได้คลุกคลีกับงานที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย คอนโด อพาร์ตเมนต์ โรงแรม มันก็ทําให้เรายิ่งชอบการจัดบ้านเข้าไปใหญ่ วันหนึ่งก็คิดว่าจะมาเป็น ‘นักจัดระเบียบบ้าน’ ก็ได้ลาออกจากงานประจํา หลังจากที่มีลูกค้าจริงๆ อย่างที่เราคิด จึงมาเป็น ‘แมวบิน’ ในวันนี้
ทําไมถึงใช้ชื่อว่า ‘แมวบิน’
คือเราเป็น ‘ทาสแมว’ แล้วแมวเขาเป็นสัตว์ที่สะอาด เวลาเขาถ่ายเขาก็จะกลบ เขาจะทําความสะอาดขนของเขาตลอดเวลา แล้วก็เป็นสัตว์นําโชค
ส่วนคําว่า ‘บิน’ เนี่ย เราอยากให้ลูกค้ารู้สึกเบา ติดปีกได้ บินได้ ก็คือการปล่อยวาง การช่วยทําบ้านให้มันโล่ง และทําให้คุณเบาสบาย
เป้าหมายของการเข้ามาทําแมวบินคืออะไร
แรกๆ เราก็ทําธุรกิจเพื่อดูแลตัวเอง ดูแลคนในครอบครัว แต่หลังจากที่เราเข้ามาทําจริงจัง เราได้คุยกับลูกค้า ได้เห็นคนที่ติดตามพูดคุยกันเรื่องบ้านรก เราก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะ มันมีคนที่ประสบปัญหาบ้านรกเยอะ และเหตุผลของการที่ทําให้บ้านรกของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป
เราก็เลยอยากจะเป็นบริษัทหนึ่งที่มาช่วยเยียวยาจิตใจของผู้คน แล้วช่วยเขาแก้ไขปัญหา อยากให้เขารู้ว่า จริงๆ แล้วการทําให้บ้านหายรกมันมีวิธีนะ มันอาจจะเป็นวิธีที่ยากสําหรับบางคน เราก็อยากเอาประสบการณ์ที่เรารู้มามาถ่ายทอดให้ฟัง
เมื่อแมวบินให้ความสำคัญกับการจัดระเบียบบ้าน ดังนั้น ‘บ้าน’ สำหรับแมวบินคืออะไร
‘บ้าน’ สําหรับเรา มันไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัยหรือที่ซุกหัวนอน แต่มันคือ ‘ชีวิต’ คือหนึ่งในปัจจัยสี่ของมนุษย์ เพราะฉะนั้นเราจะให้ความสําคัญเรื่องที่อยู่อาศัยเป็นอันดับหนึ่ง บ้านมันไม่ใช่แค่โครงสร้างหรือที่หลบแดดหลบฝน บ้านมันบอกถึงเจ้าของ บอกรสนิยม บอกนิสัยใจคอ บอกแม้กระทั่งว่าเขามีความคิดอะไรอยู่ หรือว่าเขาน่าจะมีปัญหาทางด้านใดอยู่
เพราะฉะนั้นบ้าน ไม่ได้เป็นแค่ตัวเรา ถ้ามีครอบครัวใหญ่มันอาจจะหมายถึงคุณพ่อ คุณแม่ สามี ภรรยา ลูก มันน่าจะเป็นสิ่งที่หล่อหลอมคนให้เติบโต
เพราะฉะนั้นบ้านมันก็เลยเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสําคัญนิดหนึ่ง
บ้านแบบไหนที่แมวบินอยากจัดระเบียบบ้านให้
แมวบินสามารถจัดบ้านให้คนทั่วไปเลย จัดบ้านให้คนได้ทุกประเภท บุคคลทั่วไป นักศึกษา บ้านคุณหมอ บ้านพยาบาล โรงงานขนาดเล็ก ร้านอาหาร คลังสินค้า สำนักงาน ก็รับจัดให้ รับรื้อรับขนรับย้ายด้วยเหมือนกัน
แต่ถ้าเลือกได้เราอยากจัดให้บ้านที่มีคนเป็นซึมเศร้านะ อยากจะจัดให้เฉพาะบุคคลที่เป็นโรคจิตเวชไปเลย เพราะว่าเขามีบางอย่างที่ไม่สามารถที่จะทําเองได้ อย่างเช่นสารเคมีที่มันหลั่งในสมอง โรคที่มันเกิดกับตัวเขา บางทีมันทําให้สภาวะร่างกายไม่อยากจะหยิบจับอะไรเลย เพราะฉะนั้นการช่วยเหลือคนคนหนึ่ง หรือว่าการช่วยเหลือคนในครอบครัวเขาให้มีจิตใจที่ดีขึ้น ก็เป็นงานที่น่าจะช่วยเหลือคนได้
ตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสอง เราเคยไปพบจิตแพทย์ แล้วจิตแพทย์ก็บอกว่าคุณน่าจะเข้าข่ายเป็นซึมเศร้านะ ก็ส่งตัวเราไปรักษาต่อ แต่ด้วยความที่ตัวเองไม่อยากยอมรับ เราเลยไม่รับประทานยา แต่เราก็รู้ตัวมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่า การจัดบ้านหรือการทําให้บ้านสะอาด มันช่วยบรรเทาจิตใจทุกครั้งที่เวลาเราเครียด มันวุ่นวายจังเลย ถ้าเรามีสภาวะเช่นนั้น เราก็จะทําความสะอาดบ้าน ล้างจานก็ได้ ถูบ้านก็ได้ แล้วก็ไปอาบน้ําให้มันเฟรช เราเลยคิดว่ามันช่วยได้
บ้านแบบไหนเป็นโจทย์ยากที่สุดสำหรับแมวบิน
บ้านที่เป็นกลุ่มผู้ป่วยโรคสะสมของ วัย 20-30-40 ไม่ค่อยน่ากังวล แต่ถ้าวัยคุณพ่อคุณแม่ คุณตาคุณยายเนี่ย จะค่อนข้างน่ากังวลนิดหนึ่ง ด้วยวัยของเขา ประสบการณ์ชีวิตที่เขาสะสมมา การจะพยายามให้เขาเข้าใจวิถีหรือบริบทของคนรุ่นใหม่ว่า เขามินิมอลกันแล้วนะยาย มันก็เป็นเรื่องที่ยาก เพราะฉะนั้นกลุ่มนี้จะต้องใช้การสื่อสารและจิตวิทยาสูง ต้องใช้เวลา ต้องมีเทคนิคซิกแซ็กเพื่อให้เขาสามารถยอมทิ้งได้
ผู้ป่วยโรคสะสมของ บางทีเขาจําไม่ได้นะว่ามันมีอะไรบ้าง แต่ความยากมันไม่ได้ให้เขาตัดใจหรอก ความยากคือเขาไม่สามารถแยกได้ว่าอันนี้คือขยะ อันนี้คือของมีมูลค่า อันนี้คือความทรงจํา มันคือพันธมิตรของเขาหมดเลย
เพราะฉะนั้นในเคสตรงนี้จะไม่ได้ประสบความสําเร็จ 100% ส่วนมากจะได้แค่ลดลง ค่อยๆ ลด เพราะมันใช้เวลา ถ้าคุณบอกว่า โห เก่งมากเลย แมวบินวันเดียวเกลี้ยง ไม่มีทาง เพราะแมวบินก็จะพูดเองว่า คุณทําแบบนั้นไม่ได้ ลูกค้าจะเครียดทันที
บ้านที่เป็นระเบียบเรียบร้อยช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้นอย่างไรบ้าง
เอาจากประสบการณ์ตัวเองเลยนะ รู้สึกสบายใจ มีความสุข รู้สึกโล่ง รู้สึกไม่มีงานค้าง แต่จริงๆ มันก็มีงานที่ให้ต้องทํานะ เหมือนกับทุกอย่างมันเรียบร้อยดี เราก็จะเริ่มวางแผนละ ควรทําอะไรต่อ มันก็จะมีระบบความคิดเข้ามา หนึ่ง สอง สาม สี่
แต่ที่ได้แน่ๆ เลย เขาเรียกว่า บรรเทาทุกข์แบบฉับพลัน มีความสุขแบบฉับพลัน เป็นความสุขสั้นๆ หรือว่าความสุขเล็กๆ น้อยๆ ก็ดี ใน 24 ชั่วโมง ขอให้มันมีความสุขสัก 1 ชั่วโมงหรือ 10 นาทีก็คือมีค่ามากแล้ว
เราอยากให้เขารู้สึกมีความหวัง มีความสดชื่น เพราะว่าเวลาที่เราซึมเศร้า แล้วอยู่ในสภาพห้องที่มันรก จะเดินหรือทําอะไรก็ไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกที่แย่จริงๆ แย่ชนิดที่ว่าไม่มีใครเข้าใจได้ แต่สําหรับคนที่เป็นซึมเศร้า เขาจะรู้เลยว่า เฮ้ยสภาพแวดล้อมแบบนี้มันไม่ปกติ แล้วก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะทํานะ แต่ด้วยอาการ ฤทธิ์ยา หรือสารเคมีนั้นๆ มันทําให้เขาแทบจะไม่มีแรง ไม่มีใครชอบความสกปรก ไม่มีใครชอบความรก เพราะฉะนั้นไม่เบลมกัน แล้วก็ไม่บูลลี่กัน เราก็เลยอยากเข้าไปช่วย
การรู้เรื่องราวของเจ้าของบ้าน ช่วยให้จัดระเบียบบ้านง่ายขึ้นไหม
ถ้ารู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ส่วนมากลูกค้าจะไม่ได้อยู่ Spark Joy กับเรา ถ้าลูกค้าอยู่ Spark Joy กับเรา เราก็จะได้ระวังตัว จัดเก็บถูกที่ถูกตําแหน่ง ไม่เอาไปทิ้งหรือบริจาค ของชิ้นนี้คนนี้คนนั้นให้มา ตอนนี้เลิกกันไปแล้ว หรือตอนนี้เขาเสียชีวิตไปแล้วก็เก็บมา 10-20 ปี ถ้าเขาเล่าสตอรี่ให้ฟังเราก็จะรู้เรื่องราว เราก็จะอินกับเขาบ้าง
แต่ถ้าเขาไม่ได้เล่าก็ต้องยอมรับในความเป็นจริงว่า เราไม่ได้รู้สึกผูกพัน ไม่ได้มีผลกระทบกับจิตใจเรา เราถึงทิ้งได้ แล้วนี่มันก็คืองานอย่างหนึ่ง ทําไมลูกค้าถึงเลือกเรา
เพราะว่าเขาตัดใจไม่ได้ บางทีเขาก็ไม่อยากรู้อีกต่อไป
ก็ให้เราเข้าไปหยุดความทรงจําของเขา
พอเป็น ‘ของคนอื่น’ แมวบินตัดสินใจเลือกของอย่างไร
วิธีการตัดสินใจ เอา-ไม่เอา กับของของคนอื่น ของที่เราจะเก็บให้เนี่ย จะเป็นของมีมูลค่า เราจะใช้หลักการนี้ 1.มูลค่ามาอันดับหนึ่ง เช่น ของแบรนด์เนม 2.งานที่เป็นงาน antique งานที่มีประวัติศาสตร์ งานที่เป็นของสะสม อันนี้จะไม่ทิ้ง ของใหม่ของแพง ของสวย ของดี พวกนี้มันจะเข้ารอบอยู่แล้ว
ส่วนของที่เราจะทิ้งส่วนใหญ่เป็นขยะ บางทีเราเอาออกไป 2-3 ตัน คนเราจะเก็บขยะโดยที่ไม่รู้ว่ามันเป็นขยะ เก็บไว้ในบ้านมากกว่า 20% ส่วนของที่เราจะทิ้งและไม่ใช่ขยะ เราเรียกว่าของบริจาค อันนี้เราจะคอลเล็กชั่นด้วยกันว่า เสีย พัง เก่า หมดอายุ เสื่อม ลูกค้าไม่ชอบ ลูกค้าไม่เอา ใช้ไม่ได้ ไม่ชอบแล้ว อันนี้เราจะคัดให้
นอกจากทิ้งแล้วก็ต้องลดปริมาณลงด้วย ไม่ใช่ว่า มันดี 90% เราเก็บ 90% เลยได้ไหม ได้ แต่ว่าเพื่ออะไร ถ้าคุณไม่ได้ใช้จริงๆ เป้าหมายในการเก็บ มันก็ไม่มีอยู่แล้ว ไม่ซื้อชั้นมาเพิ่ม ไม่ซื้อตู้มาเพิ่ม
หลังจากคัดแล้ว เราก็จะมาคัดปริมาณอีก พื้นที่จัดเก็บมีเท่าไหร่ ลูกค้ามีพื้นที่จัดเก็บ 10 แต่ของมันมี 11 ดังนั้นอีก 1 ชิ้นก็จะต้องเอาออก อันนี้มันคือกฎ เพื่อให้งานมันบรรลุผล เพื่อให้ลูกค้าทราบด้วยว่า จริงๆ มันออกไปแค่ 1 เอง แล้วเราเก็บให้ 10 นี่คือเยอะแล้ว สังเกตว่าลูกค้าของที่เราจัดเสร็จแล้วเนี่ย มันพอดีเป๊ะเลย มันสวย ปริมาณมันพอดีเป๊ะเลย มันไม่มากไม่น้อยถ้าลูกค้าเชื่อเรา
ยกตัวอย่าง ‘สิ่งของ’ หายากที่แมวบินเคยเจอให้ฟังหน่อย
การ์ดคอนเสิร์ตของ ‘ไมเคิล แจ็คสัน’ ตอนที่มาเมืองไทยครั้งแรก, บรั่นดีที่เก็บเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเราเกิด มันเป็นมรดกของบรรพบุรุษเขาแล้วไม่เคยเปิดเลย อันนี้ถ้าเอาไปขายน่าจะได้หลักแสน แล้วก็งานศิลปะ ของพวกนี้สําคัญ คุณจะเอาใครไปจัดระเบียบบ้าน นักจัดระเบียบบ้านคนนั้นจะต้องมีศิลปะนิดหนึ่งนะ ต้องรู้ประวัติศาสตร์นิดหนึ่ง รู้จักงาน antique รู้จักงานไม้ ลูกค้าหลายคนนะชอบทิ้ง เราบอก อย่าทิ้ง นี่คืองานไม้สักเก่า นี่ไม้สักทอง นี่ไม้สักแผ่นเดียว ซึ่งยุคนี้มันหาไม้สักแผ่นเดียวที่ใหญ่ๆ หนาๆ ยาก นี่คือสิ่งที่เราเจอแทบทุกบ้าน
แล้วสิ่งของที่มี ‘คุณค่าทางใจ’ ล่ะ
มันมีของที่เป็นคุณค่าความทรงจําของทุกบ้าน อย่างเช่น ‘ผ้าเน่า’ นี่มันเป็นเรื่องที่เซนซิทีฟนะ เราก็เคยเป็นคนที่ติดผ้าเน่ามาก่อนตอนเด็กๆ แล้วเราก็เจอเกือบทุกบ้าน สิ่งที่ผิดพลาดคือเราเคยเอาผ้าเน่าไปบริจาคแล้ว เราก็ต้องเอากลับคืนมาเหมือนกัน ตั้งแต่นั้นมาเราก็เลยรู้ว่า อะไรที่ขาดๆ เหลืองๆ เน่าๆ เนี่ยเราจะตัดสินใจทีหลัง หรือถามลูกค้าก่อน
แล้วก็เคยเจอที่เขาเก็บ ‘ตุ๊กตา’ ตั้งแต่ลูกเขาเด็กๆ มันอยู่ในกล่องนั้นเพราะอะไร ทําไมถึงยังอยู่ อย่างตุ๊กตากล้วยหอม B1-B2 เราเกิดยุคนั้นพอดี เราเลยรู้ว่านี่เป็นของลูกของเขา มีความเดาใจได้ มีความเดาประวัติศาสตร์ของเขาได้ มีความเดาไทม์ไลน์ว่านี่คือของสะสม เราก็จะไม่ทิ้ง
เคยทิ้งของไปแล้ว แต่ลูกค้าอยากเอากลับมาไหม
เราเชื่อว่ามีนะ แต่ลูกค้าอาจจะไม่ได้มาบอกเราทุกคน เพราะว่าเขาก็พยายามเหมือนกันนะ ความเสียดายมันก็มี เราอยากจะบอกกับทุกคนแบบนี้ว่า ภาวะการตัดสินใจแบบฉับพลัน มันมีข้อดีของมัน คุณยังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจในการปล่อยวางเลย แต่คุณต้องปล่อยมันแล้ว ก็คือปรัชญาชีวิตอย่างหนึ่งที่คุณจะต้องเจอในชีวิต อย่างเช่น การสูญเสียบุคคลในครอบครัวแบบฉับพลัน โดยที่คุณไม่คาดคิด มันเกิดขึ้นใกล้เคียงกับการที่คุณทิ้งของแบบฉับพลันแบบนั้นแหละ พอเขาไม่ได้อยู่กับเราแล้ว ชีวิตเราก็ยังดําเนินได้ มันเป็นเพียงการเสียดาย มันก็ไม่ได้ผิดปกติถ้าเขาจะรู้สึกคิดถึงหรือเสียดายขึ้นมา
การทํางานของเรา มันทําทุกวัน เจอของเป็นล้านชิ้น แสนชิ้นต่อวัน บางครั้งมันก็มีเบลอมีหลุด แต่เป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อย ส่วนมากเราจะคืนทัน หมายความว่า เฮ้ย แป๊บหนึ่งอันนี้ไม่ได้นะ ถามก่อน กระบวนการมันยังไม่เสร็จสิ้น แล้วก็พลิกกลับขึ้นมาได้เปลี่ยนใจ ณ เวลานั้นยังทันก็มี
ได้ยินว่าแมวบินเคยจัดระเบียบบ้านให้ผู้ป่วยซึมเศร้าที่เสียชีวิตไปแล้วด้วย
เรารู้มาว่าเคสนี้ เขาเสียชีวิตไปแล้ว แล้วก็เสียชีวิตไปไม่นาน เราจะไปทําบ้านเขา อันดับแรกเราก็รู้สึกประหม่านิดหนึ่ง เพราะว่าเราก็มนุษย์ปุถุชนธรรมดาทั่วไป รู้สึกเสียใจ มันเป็นการบ้านให้เราต้องมานั่งทําในเคสใหม่ๆ ว่า เราทํายังไงให้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
คือมันก็สะเทือนใจของตัวเองด้วยนะว่า ถ้าตอนนั้นเราสามารถขยายทีมหรือมีทีมงานที่เพียงพอที่จะดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้หรือว่าเคสลักษณะแบบนี้ เหตุการณ์นี้มันก็อาจจะไม่เกิดขึ้น ก็ยังรู้สึกว่าเสียดาย ถ้าเขาเจอแมวบินหรือเราไปจัดบ้านให้เขาเรียบร้อยแล้ว เขาจะต้องมีความสุขแน่นอน เพราะตอนที่เราทําไปแล้วบ้านมันน่าอยู่มากเลย อยากจะชวนเขารีโนเวทบ้านเลยนะ ถ้าเขายังอยู่เราจะชวนเขาทาสี ชวนเขาเปลี่ยนผ้าม่าน เราอยากเป็นเพื่อนกับเขาไปเลย
สิ่งที่เรียนรู้ได้จากการทําแมวบิน
สิ่งที่ได้จากการทําอาชีพนี้ เราได้เรียนรู้รสนิยมของผู้คน เขาชอบคิตตี้ เขาชอบมินิมอล เขาชอบ antique เขาชอบความ ความเป็น 80s-90s หรือว่าโมเดิร์นนะ รสนิยมของแต่ละคนมันน่าตื่นตาตื่นใจ มันเหมือนการได้เราได้ไปท่องเที่ยว ได้ย้ายสถานที่ไปแต่ละที่ มันเป็นอะไรที่ท้าทายดี การได้ไปเห็นบ้านคนแปลกหน้า มันเป็นเรื่องที่สนุกนะ ไม่ใช่ทุกคนจะได้มีโอกาส มันเป็นสิ่งที่ทําให้ทีมงานรักในงานตรงนี้ด้วย
ได้ข่าวว่าแมวบินคิวยาวมาก
งานพวกนี้มันไม่ได้เหมือนการที่เราไปสอนคน แล้วกระจายงานออกไปหรือไปทําเป็นอาชีพได้ง่ายๆ มันเป็นเรื่องการจัดวาง เป็นเรื่องศิลปะ เป็นเรื่องจิตวิทยา เป็นเรื่องความละเอียดอ่อน
เพราะฉะนั้นถ้าเราขยายทีมด้วยความรวดเร็วเกินไป มันจะมาซึ่งหายนะ มันคือการที่เราควบคุมคุณภาพไม่ได้ ฉะนั้นตอนนี้ยังมี 1 ทีม ถ้า 2 ทีมยังพอคุมคุณภาพให้เป๊ะได้อยู่ แต่มันต้องค่อยๆ ไป คิวก็เลยยาวนิดหนึ่ง
หลายคนจัดบ้านตัวเองจะรู้สึกใช้เวลานานมาก ทำเท่าไหร่ก็ไม่เสร็จ อะไรคือเทคนิคสำหรับแมวบิน
เวลาเราจัดบ้าน เราต้องใช้สภาพจิตใจที่แข็งแรงเป็นอย่างสูง มันง่ายมากเลยที่คุณจะท้อ เมื่อคุณเห็นของที่มันกองอยู่ทั้งบ้าน ถ้าคุณเผลอไปรื้อมันออกมาพรึบทีเดียว นั่นคือหายนะ ไปซื้อถุงดํามาก่อน ถุงดําเป็นอาวุธของคุณ มันช่วยผ่อนแรงของคุณนะ แล้วค่อยๆ ไป ไม่ต้องไปเร่ง ไม่ต้องไปแข่งกับใครนะ คุณไม่ได้เป็นผู้ให้บริการ ไม่ได้ไปรับจ้างเขา ทําบ้านตัวเองค่อยๆ ไปทีละห้อง แล้วอย่าเอาของที่ไม่เกี่ยวข้องกับห้องนั้น ไปวางที่ห้องนั้น รับรองว่าจัดบ้านได้ดีแน่นอน