ใครเคยลงคะแนนให้ลุงมิ่งบ้าง?
ย้อนไปในการเลือกตั้งปี 2562 มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นคนที่เคยโกยคะแนนจาก first voters ได้เป็นกอบเป็นกำ ตามทิศทางสังกัดเดิมอย่างพรรคเศรษฐกิจใหม่ ด้วยการฉีกมาจับประเด็นเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งเป็นเรื่องทุกข์ใจในมุมคนรุ่นใหม่ อย่างนโยบายที่เรียกเสียงฮือฮา เช่น สงวนอาชีพค้าขายออนไลน์ให้เป็นของคนไทย รวมถึงนโยบายการดูแลผู้สูงอายุ และผู้มีรายได้น้อยก็เป็นที่สนใจเช่นกัน
ก่อนที่ #ลุงมิ่งโป๊ะแตก จะติดเทรนด์อยู่ช่วงหนึ่ง หลังมีรายงานข่าวที่อ้างถึงว่า มิ่งขวัญอาจจะนำทัพเศรษฐกิจใหม่ไปจับมือกับพลังประชารัฐ แต่หนนั้นเจ้าตัวออกมาปฏิเสธ
ในฐานะหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ มิ่งขวัญเคยออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2562 เรื่องจุดยืนทางการเมืองด้วยข้อความสำคัญตอนหนึ่งที่ว่า “ไม่สามารถร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกัน” และยืนยัน “จะทำงานร่วมกับฝั่งประชาธิปไตย และคำนึงถึงเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต และผลประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนชาวไทย”
และแล้วในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ครั้งประกาศลาออกจาก ส.ส.กลางสภาฯ เมื่อต้นปี ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจผิดพลาดของนายกฯ และในครั้งนั้นเขาทิ้งท้ายว่า “ผมจะไปเตรียมตัวกับการเลือกตั้งสมัยต่อไป เราได้เจอกันแน่นอน”
“2 ปีเศษผมไม่มีความสุขกับการทำงาน…ผมจะยังคงดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ผมจะใช้องค์ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ทำงานให้ประชาชน”
และดูเหมือนเขากำลังทำตามคำพูดในวันนั้นที่จะกลับมา The MATTER ชวนดูคำพูดของสมาชิกคนใหม่แกะกล่อง ที่เพิ่งตัดสินใจซบพลังประชารัฐ ทั้งที่เคยประกาศว่ามีอุดมการณ์ต่างกัน
1).
ในการแถลงเปิดตัวการเป็นสมาชิกใหม่ของมิ่งขวัญวันนี้ (6 ธันวาคม) ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นทั้งจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์
โดยเริ่มต้นอธิบายเหตุผลของการตัดสินใจครั้งนี้ ที่มุ่งเน้นไปที่ความตั้งใจแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนเป็นอย่างแรก
“ที่มาอยู่พรรคนี้ผมให้เครดิตกับ พล.อ.ประวิตร ที่ให้เกียรติเชิญผม บอกผมว่า วันนี้มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ […] ท่านก็บอกว่า มิ่งขวัญมาช่วยแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจหน่อย อันนี้คือเหตุผลประการสำคัญ
2).
มิ่งขวัญกล่าวว่า เขารู้ตัวดีว่าการตัดสินใจในนี้ จะนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ “ผมรู้ว่า ถ้าผมมาแถลงข่าวเปิดตัว แนวโน้มเทรนด์ทวิตเตอร์ก็ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งไม่ใช่หรือ”
“คำว่าตระบัดสัตย์ อยากพูดประเด็นนี้ให้ชัด […] ผมเคยเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ มติบอกว่าไม่ร่วมรัฐบาล ผมก็ตอบว่าไม่ร่วม แต่สื่อไม่ได้เอาท่อนท้ายของคำพูดไปใส่ คือ ผมฝากไปเรียน พล.อ.ประยุทธ์ด้วยนะ ผมไม่สามารถร่วมอุดมการณ์กับท่านได้ ผมเน้นไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”
เป็นคำชี้แจงของมิ่งขวัญที่ระบุว่า ที่ผ่านมาอภิปรายเพียง พล.อ.ประยุทธ์ คนเดียวโดดๆ เท่านั้น เพราะเขาอาสามาทำงาน แต่ทำไม่สำเร็จ ก็เลยต้องอภิปราย แต่ไม่ได้มีอะไรโกรธเคืองโดยตรง
ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลประการที่สองของการเข้าร่วมกับพลังประชารัฐ เพราะ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้อยู่พรรคนี้แล้ว และท่านไม่เคยอยู่ ท่านเป็นแค่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผมย้ำนะครับว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรง” มิ่งขวัญกล่าว
3).
“ขอยืนยันว่า การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ สวมเสื้อพลังประชารัฐ ไม่มีการเจรจาเรื่องเงินทองแม้แต่บาทเดียว”
สมาชิกพรรคพลังประชารัฐคนใหม่ ย้ำว่า นอกจากการได้เข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนแล้ว ก็ไม่มีผลประโยชน์เรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
4).
อีกเหตุผลที่น่าสนใจ คือ มิ่งขวัญอ้างว่า เขาอาจเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ เพราะต้องออกดีเบตในสนามการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา
“สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ผมจะต้องออกดีเบต การเลือกตั้งก่อนโน้น หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตเท่านั้นที่จะมีสิทธิ พล.อ.ประวิตร เลยบอกผมว่า จะเอาเข้าวาระในการที่ให้มิ่งขวัญเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพลังประชารัฐ ผมกราบขอบพระคุณท่านครับ”
5).
หลังความพยายามอธิบายที่มาของการตัดสินใจ ซึ่งถูกตั้งคำถามในวงกว้าง โดยส่วนหนึ่งก็เป็นผู้สนับสนุนดั้งเดิมของเขา
“ผมขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ลงให้ผม และขอขอบคุณในอนาคตที่เดี๋ยวเราคุยกันชัดเจน ถ้าท่านเข้าใจผมมากขึ้น ขอบคุณเสียงจะมาในอนาคต” มิ่งขวัญกล่าว