ฟ้า พรหมศร วีระธรรมจารี อยู่ในเรือนจำมาตั้งแต่ 17 มีนาคม 2564
ลีลาการปราศรัยที่ตลก น้ำเสียงฉะฉานฟังชัด คือคาแรคเตอร์ของ ฟ้า พรหมศร จากกลุ่มราษฎรมูเตลู ที่ในหลายๆ ครั้งปรากฎตัวอยู่บนเวทีปราศรัยในการชุมนุม แต่ตอนนี้ ฟ้าเป็นอีกหนึ่งคน ที่กลายเป็นผู้ต้องขังทางการเมืองจาก ม.112 และยังไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว แม้ว่าทนาย และครอบครัวจะยื่นประกันตัวมาหลายครั้ง
The MATTER พูดคุยกับ ฐิติสุดา แม่ของฟ้า พรหมศร ถึงชีวิตของฟ้า ความชอบ ความสนใจในพุทธศาสนา การงาน และกระบวนการเข้าเยี่ยมของครอบครัวต่างๆ ที่ผ่านมาว่า มีความลำบากอย่างไร รวมถึงความหวังของครอบครัวในการที่ฟ้าจะได้สิทธิประกันตัว
ฟ้า พรหมศร และความชอบในพระพุทธศาสนา
เราเริ่มคุยกับแม่ถึงชีวิตโดยทั่วไปของฟ้า ซึ่งแม่ก็ได้เล่าว่า ฟ้ามีความสนิทสนมกับครอบครัวมาก เพราะคุณพ่อ คุณแม่เป็นคนช่วยกันเลี้ยงมาตลอดเลย ซึ่งแต่เดิมฟ้ามีน้องชาย แต่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ครอบครัวยิ่งรู้สึกเป็นห่วงฟ้า เพราะเหลือลูกชายเพียงคนเดียว
“ตอนเด็กๆ ฟ้าก็เหมือนเด็กทั่วไป รักสนุก ใฝ่รู้เรื่องศาสนา จะอยู่กับครอบครัวตลอด ฟ้าชอบพูด ชอบแสดงออก เราก็เลยแนะนำให้ไปเรียนนิเทศนี่แหละ ซึ่งตอนมหาวิทยาลัยเขาก็เข้าเรียนคณะนิเทศ ที่รามคำแหง และตอนนี้ น้องฟ้าก็มาทำงานเกี่ยวกับธุรกิจน้ำปลา ส่งออกไปพม่า กำลังจะไปได้สวย เตรียมบินไปทำสัญญาเอาน้ำปลาไปลงที่ห้าง แต่ที่นู่นมีโควิด เลยไปไม่ได้ แล้วก็มาเจอโควิดในประเทศด้วย หลายอย่างเลยชะงักไป” ซึ่งนอกจากน้ำปลาแล้ว ฟ้ายังขายพระเครื่องทางออนไลน์ด้วย
คุณแม่เล่าอีกว่าความสนใจพิเศษของฟ้า ตั้งแต่ยังเด็กๆ คือเรื่องศาสนา โดยเฉพาะศาสนาพุทธ “ฟ้าสนใจศาสนา เขาจะคุยกับคุณพ่อตั้งแต่เล็กเลย เวลาคุณพ่อไปทำงานต่างจังหวัด ก็จะเอาฟ้าไปด้วย เขาก็จะชอบแวะดูวัด และจะถามพ่อว่า วัดนี้เป็นยังไง พระนี้ยังไง หรือแต่ละศาสนาเป็นยังไง คุณพ่อก็จะให้ความรู้เขาในหลายๆ ศาสนา แล้วตอนเขาเรียนอยู่ประถม เขาก็เคยสอบเกี่ยวกับศาสนาได้อันดับ 1 ของอำเภอลำลูกกาด้วย”
“ช่วงนี้ คุณพ่อทำโบสถ์ที่ชัยภูมิ ฟ้าก็จะขอกับคุณพ่อว่า ขอทำพระประธานได้ไหม เขาก็จะหาทุนของเขาเพื่อจะสร้างพระประธานที่จะมอบให้กับวัด ซึ่งก็เอาไปมอบมาแล้ว และก็มักจะขอให้คุณแม่ เย็บผ้าห่อองค์พระปฐมเจดีย์ ไปห่มหลายๆ ที่ เขาสนในเรื่องบำรุงศาสนามาก และเขาจะสนิทกับเจ้าอาวาสหลายๆ ท่านด้วย เวลาอยู่บ้าน ฟ้ายังชอบใช้เวลาอยู่ในห้องพระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ เรื่องพระเครื่องเขาก็สนใจมาก ตัวฟ้าเองก็จะสนใจเรื่องพวกนี้มาก และถ้าอยากรู้อะไร ก็จะไปให้ถึงแก่นเลย เข้าไปค้นหาจริงๆ เป็นคนใฝ่รู้”
“ก่อนหน้านี้ ฟ้าเดินทางไปอินเดีย ศรีลังกา ลาว พม่า ไปทำผ้าป่า ไปกับพระท่านก็เอาพระทองคำไปมอบให้ที่อินเดียครั้งนึง และก็ไปส่วนตัวของเขาอีกหลายครั้ง พอเขาว่างก็จะไปทำบุญที่วัด ไปไหว้พระ บางครั้งครอบครัวก็ไปด้วย อย่างไปลาว แม่ก็ไปกับเขา แต่ตัวแม่ไม่ค่อยแข็งแรง ก็ไปไหนไม่ค่อยได้” คุณแม่เล่า
บทสนทนาประจำของฟ้า และคุณพ่อมักจะเป็นเรื่องพระ และศาสนา ทั้งนอกจากเรื่องศาสนา ฟ้ายังมีงานอดิเรก คือการวาดรูป “ส่วนมากฟ้าจะคุยกับพ่อเรื่องพระ เวลาทานข้าวด้วยกัน หรือเวลาอยู่ด้วยกัน ก็จะคุยเรื่องพวกนี้ และถ้าเขาไม่เข้าใจอันไหน เขาจะถามพ่อตลอด หรืออย่างธุรกิจน้ำปลา เขาก็ปรึกษาคุณพ่อตลอด ใช้ปลาแบบไหน ทำยังไงดี ก็จะมีพ่อเป็นที่ปรึกษา
“อยู่ที่บ้านเขาชอบวาดรูป ฟ้าวาดรูปพระมา ก็จะมาถามแม่ว่าอันนี้สวยไหม อันนี้จะไปหล่อเป็นพระนะ แล้วเขาจะสนใจอีกอย่างนึงคือ พญานาค จะวาดละมาอธิบายให้เราฟัง เขาเคยเขียนหนังสือเล่มนึง แม่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร แต่เขาก็มักจะเอาไปแจกคนอื่น”
คุณแม่บอกว่า แม่เห็นความสนใจในด้านศาสนามาตลอด แต่ในด้านการเมืองนั้น ไม่เคยรู้เลย และฟ้าเองก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง ถึงการไปชุมนุม “ตัวเขาเองก็เคยไปรับใช้สมเด็จพระญาณสังวรอยู่พักนึง เราเห็นเขาเคลื่อนไหวในมุมศาสนามาตลอด แต่เรื่องความสนใจการเมือง อันนี้แม่ไม่รู้เลย ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้เลย แม่ยังงงอยู่เลย เขาไม่เคยเล่าเลย ว่าไปชุมนุมมา มารู้ตอนเห็นในข่าว” ซึ่งคุณแม่บอกว่า จริงๆ แล้วก็ไม่อยากให้ฟ้าออกไป
เมื่อลูกไม่ได้กลับมาตามที่บอก และกระบวนการเข้าเยี่ยมต่างๆ
ฟ้า ผู้ถูกกล่าวหาใน ม. 112 จากกรณีปราศรัยดัดแปลงเนื้อเพลงที่หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี ระหว่างการเรียกร้องให้ปล่อยตัว ‘นิว สิริชัย’ ซึ่งฟ้าได้ไปรายงานตัวตามนัดในวันที่ 17 มีนาคม 2564 ก่อนถูกนำตัวไปฝากขัง โดยไม่ทราบล่วงหน้า และไม่ได้รับการประกันตัว ขนาดที่แม้แต่ตัวฟ้า และทนายก็ไม่คาดคิด รวมถึงมีการมองว่า กระบวนการหลายๆ อย่างในวันนั้นผิดปกติ และตัวคุณแม่ และคุณพ่อเองก็บอกกับเราว่า พวกเขาตกใจมากๆ
“แม่ไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกฝากขัง ตัวเขาเองก็ไม่คิด เพราะเขาก็ไปรายงานตัวหลายที่ หลายครั้ง ก็ปล่อยตัวกลับมาทุกครั้ง ทีนี้มีคำพูดนึงก่อนเขาจะไป เขาบอกว่าแม่ว่า ‘ไม่ต้องห่วง ยังไงลูกก็ต้องได้กลับบ้าน’ แม่ก็ตอบกลับไปว่า ‘เออ แม่มีลูกคนเดียวเนอะ ไม่ห่วงแกแล้วจะให้ไปห่วงใคร’ ก็พูดติดตลกกันไป แต่พอเลยเวลามา เราก็โทรหาเขา เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร จนทนายโทรมาเล่าให้ฟัง มันเป็นอะไรที่ช็อกมาก”
“ที่ผ่านมาทนายไปเยี่ยม แล้วก็ได้เยี่ยมกับทนายครั้งนึง รวมถึงเราก็ลงทะเบียนเยี่ยมออนไลน์ พอได้คุย เขาก็บอกว่าให้คุณแม่สบายใจ ไม่ต้องห่วงเขา ต่างคนต่างปลอบใจกัน เพราะเขารู้ว่าแม่ และพ่อรับไม่ได้ เยี่ยมออนไลน์ทีไรก็ร้องไห้ทุกที และมีเวลาเยี่ยมแค่ 10 นาที ความรู้สึกของแม่ตรงๆ คือ แม่เสียลูกไปคนนึงแล้ว แม่ก็ไม่อยากจะเสียเขาไปอีก เพราะเขาอยู่กับพ่อแม่มาตลอด ไม่เคยห่างกันตลอด ยกเว้นเวลาเขาไปต่างประเทศ แต่เราก็จะติดต่อกันตลอด พอเขาไปอยู่ข้างใน เราติดต่อกันไม่ได้ โทรหา ไลน์หากันไม่ได้ ก็มีแต่รอเวลาเรือนจำจะให้เยี่ยมออนไลน์ได้แค่นั้นเอง ซึ่งมันเป็นอะไรที่ทรมานเหมือนกันนะ”
“กระบวนการต่างๆ ยากมาก สาหัสเลย จะเยี่ยมก็ต้องรอให้เรือนจำส่งมาว่า จะเยี่ยมได้เมื่อไหร่ เราจะไปยื่นเยี่ยมเองก็ไม่ได้ ถ้าจะไปเยี่ยมที่เรือนจำ มันก็ไปได้แต่ทนาย ตัวเราไปก็เหมือนให้ทนายไปขอร้องเจ้าหน้าที่ ก็เป็นปัญหาอีก มาเจอโควิดอีก ก็สาหัสมาก และเราเองไม่กล้าทำอะไรเลย เพราะเรากลัวไม่ได้เยี่ยมลูก กลัวจะไม่ได้เจอเขา เพราะที่ผ่านมาเขาเข้มงวดมาก ทนายก็มีเมตตามาก ปรึกษาหารือ ยื่นประกันให้ตลอด แต่ศาลก็ยังไม่เมตตาเลย”
“ยิ่งฟ้าอดอาหาร เราเป็นห่วงมากๆ เราอยากบอกลูกว่าไม่ต้องอด คือฟ้าถ้าเขาอดอาหาร แล้วไปกินนม หรืออะไรแทน ถ้าตามที่แม่สังเกต คือเรากลัวลูกเป็นโรคเก๊าต์ กลัวจะเจ็บขา และเป็นปัญหาตามมา ทั้งฟ้าเองก็เป็นโรควูบ ถ้าพักผ่อนไม่เพียงพอ เครียด หรือมีอะไรมากระทบ ฟ้าจะล้มไปได้เลย เป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับเขา อันนี้แม่ห่วงมาก”
ทั้งก่อนหน้าที่จะเข้าไปในเรือนจำ ฟ้าเองประสบอุบัติเหตุ มีแผลหลายจุด เราก็ถามคุณแม่ถึงสภาพ และการฟื้นฟูต่างๆ จากการเยี่ยมของคุณแม่ “ก่อนเข้าไป ฟ้าเกิดอุบัติเหตุ 2 ครั้งเลย ครั้งแรกก็ยังไม่หายเท่าไหร่เลย และครั้งที่ 2 อีก เพราะเขาวูบไป ครั้งที่ 2 ที่เขาออกไปและมอเตอร์ไซค์จะล้ม เราก็ห้ามว่าไม่ให้ไป แต่ลูกก็บอกว่าเขารออยู่ พอออกไปก็มอเตอร์ไซค์ล้ม และผ่านไปแค่ 2 วันก็ถูกจับเข้าเรือนจำ จากที่เจอ แผลก็หายแล้ว ก็ขอบคุณทางเรือนจำที่ดูแลให้ดี”
สำหรับตอนนี้ แม่มองว่า ฟ้า และคนอื่นๆ ก็ควรจะได้รับสิทธิการประกัน และเธอมั่นใจว่าลูกของเธอจะไม่หลบหนีอย่างที่คำสั่งศาลว่าแน่นอน “ฟ้าเป็นแค่นักปราศรัย ก็น่าจะให้ประกันตัว หรือปล่อย เพราะที่ผ่านมา หลายๆ คนก็ออกมาแล้ว แต่ทำไมฟ้ายังไม่ได้ออก คือเรารับประกันเลยว่า ฟ้าไม่มีวันที่จะหนีแน่นอน และแม่เองก็จะไม่ให้ฟ้าหนีด้วย”
สิ่งที่ตั้งใจทำเมื่อฟ้าได้ออกมา และสิ่งที่อยากบอกกับสังคม
“รอได้เยี่ยม และรอศาลเมตตาปล่อยฟ้า” นี่คือสิ่งที่แม่บอกกับเราว่าเธอกำลังรอคอยอยู่ทุกวัน ซึ่งเราก็ได้ถามแม่ว่า หากฟ้าได้ออกมา ครอบครัวอยากจะทำอะไรร่วมกัน
“แม่อยากให้เขาบวช เคยพูดกับเขาไว้ตอนที่เยี่ยมเขาครั้งแรก เขารับปากแม่ว่า ถ้าเขาได้ออกมา เขาจะบวช ก่อนหน้านี้ เขาเคยบวชตอนเป็นเณร 2 ครั้ง เป็นเณรภาคฤดูร้อนช่วงประถม กับมัธยม แต่จริงๆ เขาก็มีความคิดของเขา ที่อยากบวชตั้งนานแล้ว แต่ติดเรื่องงานต่างๆ”
ในด้านของกิจกรรม และการเรียกร้องของสังคม ที่ยังพูดถึงฟ้า และไม่ลืมฟ้า คุณแม่มองว่า ขอบคุณมากๆ ที่ออกมาแทนแม่ที่ไม่กล้าออกไป “เห็นกิจกรรมตรงนี้ เรายอมใจคนที่ออกมาสู้ เพราะในสถานการณ์โควิด เราก็ไม่อยากให้คนออกมา เพราะรอบนี้ระบาดร้ายแรง มันก็อันตราย ตัวแม่เอง ยอมรับว่าเป็นคนขี้ขลาดก็ได้ เพราะกลัวไม่ได้เยี่ยมลูก คุณแม่ของเพนกวินเขาก็ชวนไปยืน แต่ยอมรับตรงๆ แม่กลัว แม่กลัวว่าศาลจะไม่ให้เยี่ยมลูก เราเหลือน้องฟ้าคนเดียว ถ้าเกิดเราไปโดนคดีอีก และไม่ได้เห็นหน้าลูกอีก เราไม่ไหวแน่ๆ รับไม่ได้แน่ๆ”
“ขอบคุณทุกๆ คนที่เอาใจช่วย แม่จะบอกว่าตัวเองขี้ขลาดก็ใช่ กลัวไม่ได้เยี่ยมลูกก็ใช่ แต่แม่ก็ขอบคุณสังคมที่ยังไม่ลืมน้องฟ้า”
cover photo. เพจราษฎรมูเตลู
ติดตามซีรีส์ ‘Never Forgotten ไม่ลืมเพื่อนเรา’ ได้ที่ The MATTER ซีรีส์ที่จะให้เพื่อนๆ ครอบครัว และคนรอบตัว มาเล่า และพูดถึงผู้ต้องขังทางการเมือง ที่ยังอยู่ในเรือนจำในมุมต่างๆ เพื่อที่คนข้างนอกจะได้ไม่ลืมว่า ยังมีคนถูกคุมขังโดยที่ยังไม่ได้รับสิทธิประกันตัว