เมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลายคนบ่นอุบว่า ทำไมรู้สึกว่ามันช่างยาวนาน แต่กระพริบตาไปสองที นี้ก็เดือนพฤศจิกายนแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานเราก็จะเข้าสู่ช่วงปีใหม่อีกครั้ง อะไรกัน สิ่งที่ตั้งใจไว้ตอนต้นปียังทำไม่สำเร็จสักอย่าง ด้วยความยุ่งเหยิง ด้วยความวิปโยคของปีนี้ เรามารับมือความผิดหวังและสำรวจสอดส่องความผิดพลาดของ ‘ปณิธานปีใหม่’ ว่าทำไมเราถึงพลาดแทบทุกปี และจะเรื่มต้นใหม่ยังไงดี ไม่ให้ต้องผิดหวังไปอีกหนึ่งปี
ชาวบาบิโลนให้สัญญากับพระเจ้าของเขาว่า จะคืนสิ่งที่ยืมในทุกครั้งที่เริ่มต้นปี
เห็นไหม? ปณิธานปีใหม่มีมาแสนนานแล้วล่ะ แพร่หลายทั้งในโลกตะวันตกและตะวันออก ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันมากนัก ส่วนมากจะเป็นการตั้งปณิธานถึงสิ่งที่ดีขึ้นในปีต่อไปในเชิงปัจเจกว่า เราจะทำอะไรให้ดีขึ้น เราจะพัฒนาตัวเองอย่างไร
กว่า 40% ของชาวอเมริกัน ชื่นชอบที่จะได้มีความตั้งใจในวันปีใหม่เช่นกัน ปณิธานทั้งหลายถูกบันทึกไว้ในกระดาษ แปะเตือนไว้ในห้อง หรือบนสมาร์ตโฟน แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากปีใหม่ สิ่งเหล่านั้นไม่ได้กลายเป็นแรงฮึดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกต่อไป แต่เป็นหลักฐานที่บอกว่า 90% ของคนที่ตั้งปณิธานไว้ ล้วนละเลยความตั้งใจในตอนแรกไปเสียหมด ภายในเวลาไม่นานหลังจากปีใหม่
เราเองก็เป็นแบบนั้นหรือเปล่า?
ปีนี้ ปีที่แสนหนักหน่วง มีเรื่องพีคตั้งแต่ต้นปีมาจนปลายปี ก็ยังไม่มีทีท่าจะหยุด ที่เรายังจะพอให้อภัยในตัวเองได้บ้าง สำหรับช่วงเวลาที่เราห่อเหี่ยวเกินกว่าจะลุกขึ้นมาทำสิ่งต่างๆ ได้ดั่งใจ แค่ปรับตัวให้เข้ากับการล็อกดาวน์ก็แย่แล้ว การย้ายที่ทำงานมาไว้ในบ้าน การทำงานแบบเห็นหน้าแต่สื่อสารได้ไม่ 100% แค่นี้ก็ทำให้เรามีเรื่องต้องปรับตัว ต้องเปลี่ยนตัวเอง แทบจะเยอะกว่าปณิธานปีใหม่ที่ตั้งไว้เสียอีก
ถ้าไม่นับปีนี้ ปีที่ผ่านมาเราทำสิ่งต่างๆ ได้สำเร็จอย่างที่หวังไว้หรือเปล่า? ถ้ามันยังไม่เคยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ลองมาดูตรงนี้กัน
อย่างแรกเลย เพราะเราคิดว่าเราจะเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ได้ภายในข้ามคืนหรือเปล่า? แค่เพียงเพราะเราตั้งใจไว้ในตอนปีใหม่ว่าวันพรุ่งนี้ฉันจะกลายเป็นคนที่ควบคุมอาหาร จะไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หันมาออกกำลังกาย ตื่นมาปุ๊บ เราทำได้เลยจริงหรอ เราอาจจะทำได้ในไม่กี่ครั้งแรก แล้วหลังจากนั้น เราจะค่อยๆ ปล่อยมันไป
แดเนียล ชวาร์ตซ์ (Daniel Schwartz) ศาสตราจารย์จาก Graduate School of Education ผู้เชี่ยวชาญด้านความซับซ้อนของมนุษย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า “ผู้คนเนี่ย เปลี่ยนไปตลอดเวลา ตลอดช่วงอายุ” “แต่กุญแจสำคัญที่จะทำให้เรายังคงสนใจและลงมือทำปณิธานของเรา คือ เราต้องมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อความสร้างสรรค์ เพื่อเอาสิ่งนั้นมาสนับสนุนเราอีกที”
การคิดจะเปลี่ยนอะไรเพียงข้ามคืน จึงเป็นความเข้าใจผิดที่ทำลายปณิธานปีใหม่ของเราตั้งแต่เริ่ม ลองมาเริ่มใหม่ยังไงไม่ให้มันล้มครืนตั้งแต่เริ่มกันดี?
ตั้งปณิธานให้ตัวเอง เพื่อตัวเอง
หลายครั้งที่เรามักอยากทำสิ่งที่เปลี่ยนแปลงตัวเอง (โดยเฉพาะการลดน้ำหนักเนี่ย) เพื่อภาพลักษณ์ที่ดี เราจะได้หุ่นดีขึ้นนะ สุขภาพดีขึ้นด้วย จะแย่ตรงไหนกัน? แต่ลองถามตัวเองดีๆ ว่า เรามีความสุขกับสิ่งที่ทำหรือเปล่า? แม้ความตั้งใจจะเป็นผลดีแค่ไหน ถ้าหากเราไม่ได้รู้สึกดี ไม่ได้มีความสุขที่จะทำมันตั้งแต่แรก เราจะเอาแรงเอาพลังที่ไหนไปทำกัน ลองเลือกสิ่งที่ทำเพื่อตัวเอง ให้เราเองมีความสุขไปด้วย มันอาจจะง่ายขึ้นก็ได้นะ
Small things matter
เปิดปีใหม่มา อยากจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ New Year, New You กันถ้วนหน้า แต่สองสัปดาห์ผ่านไป เหนื่อยจัง จะสำเร็จเมื่อไหร่เนี่ย เพราะว่าพลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง แต่ชีวิตไม่ได้ปล่อยให้เรามีพลังมากขนาดนั้น เรายังคงต้องใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้เปิดปีใหม่มาเพื่อทำปณิธานนั้นเพียงอย่างเดียว ลองเลือกอะไรที่ทำได้ง่ายๆ ใกล้ตัว และมีโอกาสจะประสบความสำเร็จก่อนดีกว่า
ตั้งใจอย่างเฉพาะเจาะจง
‘ลดน้ำหนัก’ ‘ออกกำลังกาย’ เย่ เรียบร้อยแล้ว ปณิธานปีใหม่ของฉัน แล้ววันก็ล่วงเลยไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะที่ตั้งใจไว้มันยังชัดเจนไม่พอ ลองเพิ่มรายละเอียดเข้าไปให้มากกว่านี้ ให้เราได้เห็นปลายทางที่ชัดเจนขึ้นว่ามันอยู่ตรงไหน เช่น ลดน้ำหนักกี่กิโลกรัม น้ำหนักของฉันจะเหลือเท่าไหร่ ออกกำลังกายแบบไหน ด้วยวิธีอะไร ได้มองหาสถานที่และอุปกรณ์ไว้บ้างหรือยัง เป็นต้น ไม่เช่นนั้น มันก็ยังจะเป็นปณิธานฟุ้งฝันจับปลายทางไม่เจอต่อไป
สิ่งเหล่านี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นช่วงปีใหม่เสมอไป เอาไปใช้กับความตั้งใจระหว่างปีก็ยังได้
อ้างอิงข้อมูลจาก