เย็นวันศุกร์ ฝนก็ทำท่าจะตก เพื่อนก็หาย เงินในกระเป๋าก็ว่างเปล่า เคว้งคว้างเดียวดาย
เหงาจังเลย
ความรู้สึกเหงานี่มันเป็นความรู้สึกที่รุนแรงเนอะ มีเพลงที่บอกว่าความเหงาเท่ากับอวกาศ แถมไม่นานมานี้นักวิทยาศาสตร์ก็เพิ่งค้นพบพื้นที่ที่ ‘ว่างเปล่าที่สุด’ ในอวกาศ แต่บางทีในทางความรู้สึก มองไปบนท้องฟ้า ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอวกาศที่อ้างว้างและว่างเปล่า จะว้าเหว่เท่ากับหัวใจของเราตอนนี้ไหม
โอ้ย พอแล้ว งดดราม่า และลองมาสำรวจขบคิดเรื่องความเหงากัน ว่าไอ้ความเหงาที่มันแสนจะมีผลกับความรู้สึกของเรา มันมีพลังขนาดไหน และเคยสงสัยมั้ยว่า ที่เราๆ เหงาๆ เนี่ย มันเหงาของมันเอง หรืออะไรมันทำให้เรารู้สึกเหงากันแน่
ความเหงาฆ่าคนได้จริงๆ
ความเหงาเป็นวาระแห่งชาติ เราอาจรู้สึกว่าความเหงาเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก เป็นเรื่องส่วนตัว เป็นสิ่งที่เราควรจะจัดการให้ได้ แต่ว่าไอ้ความเหงาที่มันฟังดูเป็นนามธรรม มันกลับมีผลต่อร่างกายของเราอย่างเป็นรูปธรรม มีงานศึกษารายงานว่าความเหงาและความเดียวดายส่งผลต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชากร แถมมีผลสำรวจถึงขนาดที่ว่าความเหงาและความเดียวดายส่งผลต่ออายุขัยและคุณภาพชีวิตของคนเราเลยทีเดียว
แปลว่าพวกเพลงรักที่บอกว่าเหงาจะตาย เดียวดายแสนเศร้า สุดท้ายมันส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมจริงๆ
งานศึกษาของ Brigham Young University สหรัฐอเมริกาบอกว่าผลของความเหงารุนแรงถึงขนาดก่อให้เกิดการตายก่อนวัยอันควรถึง 30% (ม่ายยย) ศาสตราจารย์ Holt-Lunstad ถึงกับบอกว่าผลของความเหงาต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตมันมีผลเท่ากับภาวะอ้วนเลยทีเดียว ดังนั้นเพื่อการสร้างสังคมสุขภาพดี เราควรเริ่มสานความสัมพันธ์กันได้แล้ว
ความเหงาจากงานวิจัยข้างต้นฟังดูอาจจะเวอร์ไปไหม แต่ในทางวิทยาศาสตร์ คำว่าความเหงาค่อนข้างกินความกว้าง คือรวมถึงคนที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว คนที่โดดเดี่ยวและไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใคร หรือคนที่รู้สึกอ้างว้างเดียวดายและไม่สามารถเชื่อมต่อกับคนอื่นๆ ในสังคมได้ ในแง่นึงเหมือนว่าคนเหงาหรือโดดเดี่ยวเลยมีปัจจัยเสี่ยงอายุขัยสั้นกว่าคนอื่น ลองนึกถึงหนังที่ตัวเองอยู่คนเดียว ก็จะใช้ชีวิตทิ้งๆ ขว้างๆ ไปจนถึงคนชราที่อยู่คนเดียว นอกจากจะเหงา ก็ยังมีความเสี่ยงมากกว่า
โดดเดี่ยวเดียวดาย
ความเหงามันมีความซับซ้อน เป็นเรื่องของความรู้สึก คือในทางกายภาพ การที่เราอยู่คนเดียวก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะรู้สึกเหงา หรือในทางกลับกันถ้าเราอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ในใจเราอาจจะยิ่งเหงากว่าอยู่คนเดียวก็ได้
มันเลยมีคำสองคำที่อยู่บนสถานการณ์ใกล้กัน คือคำว่า loneliness กับคำว่า solitude ถ้าแปลอันแรกคือความเหงาในความหมายทั่วๆ ไป แต่อันหลังก็น่าจะแปลว่าสันโดษได้ สองคำนี้จะบอกว่ามันใช้กับสถานการณ์แบบเดียวกันคือการอยู่คนเดียว แต่ความรู้สึกต่างกันโดยสิ้นเชิง คำว่าสันโดษมีนัยที่เป็นบวก มีนัยของความสุขและสงบที่ได้อยู่กับตัวเอง แต่ความเหงามันเหมือนกับการอยู่คนเดียวแล้วโหยหาที่จะการเชื่อมต่อกับคนอื่น
เราเหงาเองหรือเราถูกทำให้เหงา
สังคมสมัยใหม่เป็นสังคมที่ทำให้เรายิ่งเหงากันมากขึ้น การอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เราไม่รู้จัก รูปแบบครอบครัวที่กลายเป็นครอบครัวเดี่ยว ไปจนถึงการมีปฏิสัมพันธ์ผ่านทางโลกออนไลน์ที่เหมือนกับว่าเราพร้อมต่อติด(connect) กันอยู่เสมอ แต่เอาเข้าจริง เรากลับไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับแบบต่อหน้ากันจริงๆ ทั้งหมดนี้ทำให้ชีวิตสมัยใหม่ของคนเรามันยิ่งเหงาและว้าเหว่หนักขึ้นมากกว่าเดิม
แถมถ้าเราลองมองดูสื่อต่างๆ ทั้งหนังและเพลง มันดูเหมือนว่าปลายทางของชีวิตเราคือการมีใครซักคน ภาพของ MV ที่คนสองคนไปกินข้าวด้วยกัน ไปช่วยกันซื้อของ พอมีสาวน้อยคนหนึ่งหกล้มแล้วก็ต้องมีอีกคนช่วยประคอง มันทำให้การทำอะไรคนเดียวอย่างการไปดูหนังคนเดียว กินข้าวคนเดียว ถีบเรือเป็ดคนเดียว เป็นเรื่องที่น่าเศร้าไปซะเฉยๆ
พูดง่ายๆ คือในชีวิตจริงอาจจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เหมือนกับหนังโรแมนติกคอมเมอร์ดี้ที่บังเอิญไม่มีพระเอก ไอ้ภาพหวานๆ น่ารักๆ มันเลยมาปกคลุมชีวิตจริงๆ ของเรา ดังนั้นฉากที่เราต้องเจอแบบที่ว่าต้องแบกของหนักๆ ขึ้นห้อง เอาจริงมันก็แบบได้ แต่ถ้ามีใครซักคนมาช่วยแบก มันก็คงน่ารักมุ้งมิ้งดี มันเลยเหมือนว่าโลกได้มอบภาพอุดมคติแสนหวานให้ ภาพจริงของการทำอะไรคนเดียวมันเลยยิ่งขมหนักขึ้นไปกว่าเดิม…พอสมควรเลย
เรื่องของอารมณ์ความรู้สึกเป็นเรื่องที่โคตรซับซ้อน ไม่ว่าความเหงาจะเกิดจากตัวของเราหรือเกิดจากสังคมบอกว่าถ้าไม่มีใครแกจะต้องโคตรเหงาเวลาที่ทำอะไรคนเดียว แต่เชื่อว่าโลกนี้ยังมีคนเหงาอีกมากมาย
เอ้าวันศุกร์แบบนี้รออไรอยู่ ไปสานสัมพันธ์ตามที่นักวิจัยบอกและเลิกเหงากันได้แล้ว!