หลายคนที่ตามข่าวพืชกระท่อมอย่างใกล้ชิด อาจมีความสับสนอยู่บ้านว่าสถานการณ์พืชกระท่อมเป็นอย่างไรในเวลานี้ หลังล่าสุดที่เว็บไซต์พระราชกฤษฎีกาประกาศปลดล็อคพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด และให้มีผลบังคับใช้ 90 วัน หรือเรียกได้ว่า
- 90 วันหลังจากนี้ พืชกระท่อมจะไม่ใช่ยาเสพติดประเภท 5 อีกต่อไป แต่จะกลับสู่สถานะของพืชชนิดหนึ่ง
- ช่วงเวลา 90 วันหลังจากนี้ เป็นระยะเวลาของการออกกฎหมายลูก หรือกฎหมายควบคุมอื่นๆ เพื่อยื่นให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพิจารณาต่อไป
และเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ทางคณะรัฐมนตรีได้มีความเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม พ.ศ. … ซึ่งกำลังจะถูกเสนอเข้าสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาและถ้าได้รับความเห็นชอบ จะมีการประกาศกฎหมายดังกล่าวต่อไป ซึ่งเราเรียกกฎหมายส่วนนี้ว่า ‘กฎหมายลูก’ ที่จะคอยมากำกับรายละเอียดการใช้ การขาย การผลิตในเชิงอุตสาหกรรมของพืชกระท่อม
มาถึงตรงนี้ The MATTER ขออธิบายสถานการณ์ของพืชกระท่อมใบบ้านเรา ที่จวนเจียนจะกลับมาถูกฎหมายและกลับเป็นพืชคู่บ้านคู่เรือนคนไทยเช่นเดิมในอีกไม่ถึง 90 วันข้างหน้านี้
โดยจาก พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2564 ประกอบไปด้วยทั้งหมด 8 มาตรา ซึ่งมีเนื้อความสาระ สรุปได้ดังนี้
- กฎหมายฉบับนี้จะมีผลในอีก 90 วัน นับจากวันประกาศในพระราชกฤษฎีกา หรือ 26 พฤษภาคม 2564 ดังนั้น นับไปอีกราว 3 เดือนถึงจะมีผลบังคับใช้
- มาตรา 3 ในกฎหมายฉบับนี้ มีผลให้ถอดกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 กล่าวคือหลังจากนี้ กระท่อมจะไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป
- มาตรา 4 มีผลทำให้ 90 วันหลังจากนี้ พื้นที่ชุมชนที่เคยเป็นพื้นที่นำร่องปลูกกระท่อมตามนโยบายกระทรวงยุติธรรม และสามารถใช้กระท่อมเพื่อการบริโภคได้ จะไม่มีอีกต่อไป
- ให้ยกเลิกกฎหมายมาตรา 75,76, 76/1 และ 92 ใน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ซึ่งกฎหมายทั้งสี่มาตราระบุโทษปรับและอาญาสำหรับการครอบครอง เสพ ค้าขาย จนถึงนำเข้าและส่งออกสำหรับยาเสพติดประเภท 5 ซึ่งภายหลังกฎหมายฉบับล่าสุดประกาศใช้ กระท่อมจะไม่ใช่ยาเสพติดประเภทใดๆ อีกต่อไป จึงจะไม่มีโทษที่เคยกำหนดตามกฎหมาย
อย่างไรก็ดี คำยืนยันจาก สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และภาคส่วนอื่นๆ ของรัฐบาลบ่งบอกว่า ถึงแม้หลังจากนี้ กระท่อมจะไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป แต่จะมีกฎหมายอื่นๆ ออกมาครอบกระท่อมแทนที่ คล้ายๆ กับกรณีของกัญชาที่มีกฎกระทรวงสาธารณสุขและกฎหมายอื่นๆ ระบุให้ใช้ได้เพียงบางส่วนจากต้นกัญชาเท่านั้น และให้ใช้เพื่อทางการแพทย์เท่านั้น
ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาลได้ออกมาแถลงว่า คณะรัฐมนตรีมีความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม พ.ศ….. แล้ว ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาภายในจากร่างที่คณะรัฐมนตรีเคยเห็นชอบเมื่อช่วงเดือนตุลาปีที่แล้วเล็กน้อย โดยหลังจากนี้จะมีการส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างกฎหมายและเข้าสู่กระบวนการประกาศใช้ต่อไป
ทั้งนี้ เนื้อหาของคำแถลงรองโฆษกรัฐบาลมีเนื้อหาที่น่าสนใจ ดังนี้
- มาตรการควบคุมและกำกับดูแล
- ในเชิงอุตสาหกรรม การขาย นำเข้า หรือส่งออกพืชกระท่อมต้องได้รับใบอนุญาตจากภาครัฐ
- ใบอนุญาตดังกล่าว หากเป็นใบอนุญาตเพื่อปลูกและขายพืชกระท่อมมีอายุ 5 ปี ส่วนใบอนุญาตนำเข้าและส่งออกมีอายุ 1 ปี
- กำหนดข้อคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะขอใบอนุญาต
- หน้าที่ของผู้รับใบอนุญาต ซึ่งเนื้อหาประเด็นนี้สัมพันธ์กับข้อ 1
- ผู้มีใบอนุญาตปลูกพืชกระท่อม ต้องเพาะปลูกในที่ดินหรือสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาตเท่านั้น
- ผู้รับใบอนุญาตขาย นำเข้า และส่งออกใบกระท่อม ต้องจัดให้มีป้ายระบุสถานที่ขาย นำเข้า หรือส่งออกให้ชัดเจน และต้องจัดให้มีฉลากและเอกสารกำกับ โดยอย่างน้อยต้องระบุแหล่งที่มา คำเตือน และข้อควรระวัง
- การคุ้มครองและป้องกันการใช้กระท่อมในทางที่ผิด
- ห้ามขายใบ น้ำ หรืออาหารที่มีส่วมผสมของพืชกระท่อมแก่บุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีที่กำลังให้นมบุตร ฝ่าฝืนมีโทษปรับผู้ขายไม่เกิน 30,000 บาท
- กรณีที่มีการขายในสถานศึกษา หอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ สวนสนุก หรือขายผ่านระบบออนไลน์ ฝ่าฝืนมีโทษปรับผู้ขายไม่เกิน 50,000 บาท
- ห้ามผู้ใดก็ตามบริโภคใบหรือน้ำกระท่อมที่ผสมกับยาเสพติดให้โทษ ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท
- ผู้ปลูกหรือขายพืชกระท่อมในปริมาณที่เกินกำหนดไว้ในกฎกระทรวง (ยังไม่มีออกมา) หรือนำเข้าและส่งออกโดยไม่มีใบอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ห้ามขายใบ น้ำ หรืออาหารที่มีส่วมผสมของพืชกระท่อมแก่บุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีที่กำลังให้นมบุตร ฝ่าฝืนมีโทษปรับผู้ขายไม่เกิน 30,000 บาท
กล่าวได้ว่าสถานการณ์กระท่อมในบ้านเรากำลังอยู่ในทิศทางลมที่ดีมาก ถึงแม้ยังต้องถกเถียงกันในเรื่องรายละเอียดต่างๆ แต่ที่กำลังยืนยันได้เต็มปากแล้วคือ นับจากนี้กระท่อมไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป และประชาชนที่มีอายุมากกว่า 18 ปีสามารถเคี้ยวหรือนำใบมาต้มเอาน้ำ เพื่อบริโภคเป็นยาชูกำลัง สำหรับทำงานได้แล้ว
ในท้ายสุด อยากชวนติดตามรายละเอียดของกฎหมายพืชกระท่อมต่อไป ว่านับจากนี้อีก 90 วันจะมีกฎหมายควบคุมใดๆ ออกมาบ้าง ตลอดจนกฎหมายนั้นเอื้อต่อประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม หรือเป็นไปเพื่อกลุ่มทุนไม่กี่กลุ่ม หรือคนไม่กี่คน เช่นที่เคยเป็นมาหลายต่อหลายครั้ง
อ้างอิง:
https://www.facebook.com/Rachadaspoke/posts/530922371601265
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/A/035/T_0001.PDF
http://web.krisdika.go.th/data/law/law2/%C207/%C207-20-9999-update.htm