ทุกเดือน สิ่งที่สาวๆ ต้องเจอนั่นก็คือประจำเดือนเจ้าปัญหา ที่พ่วงมาพร้อมค่าใช้จ่ายมหาศาล รวมทั้งสิ้นแล้วก็ราวๆ 4,800 บาทต่อปี จนทำให้รู้สึกว่าถ้ามีทางเลือกที่ช่วยเซฟเงินได้มากกว่านี้ และยังซัพพอร์ตให้วันนั้นของเดือนสะดวกสบายมากขึ้น ก็คงจะดีไม่น้อยเลย
ที่ผ่านมา เราอาจจะคุ้นเคยกับการใช้ผ้าอนามัยแบบแผ่น ซึ่งมีราคาถูกและหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ หรือผ้าอนามัยแบบสอด ที่เริ่มมีการใช้อย่างแพร่หลาย เพราะช่วยให้ขยับร่างกายได้อิสระมากขึ้น แต่ผ้าอนามัยทั้งสองแบบก็ยังต้องมีการเปลี่ยนระหว่างวันบ่อยๆ และต้องซื้อมาใช้ใหม่เรื่อยๆ อยู่ดี
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีผ้าอนามัยอีกชนิดหนึ่งเพิ่มขึ้นมา และกำลังเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ ทั่วโลก นั่นก็คือ ‘ถ้วยอนามัย’ ที่มีลักษณะเป็นถ้วยทรงกรวย แต่หลายคนก็แอบสงสัยว่า แล้วมันจะเอาเข้าไปในช่องคลอดยังไง? ใช้ดีจริงมั้ย? หรืออันตรายหรือเปล่า? เพราะฉะนั้น เราจึงจะมาแนะนำให้รู้จักกับถ้วยอนามัยแบบเข้าใจง่ายๆ กัน
ถ้วยอนามัย หรือ Menstrual Cup เป็นอุปกรณ์ช่วยรองรับประจำเดือนของผู้หญิง ทำจากวัสดุที่เป็นซิลิโคนทางการแพทย์ ทำให้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อช่องคลอด หรือเกิดโรคท็อกซิกช็อค (Toxic Shock Syndrome) โดยจะมีหลายขนาดให้เลือกใช้ตามสรีระของแต่ละคน ได้แก่ S, M, L ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะเลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง เพราะหากเล็ก หรือใหญ่เกินไป ก็จะทำให้ใส่ลำบากและขยับเขยื้อนร่างกายยากกว่าเดิม
ส่วนในเรื่องของการรองรับเลือด ถ้วยอนามัยใช้หลักการสุญญากาศ เมื่อใส่เข้าไปในช่องคลอดแล้ว จะปิดช่องคลอดและกักเก็บเลือดไม่ให้ไหลออกมาข้างนอก ทำให้สบายใจได้ว่าไม่เลอะระหว่างวันอย่างแน่นอน แม้จะกระโดดโลดเต้นแรงแค่ไหนก็ตาม หรือแม้แต่ตอนกลางคืนก็เช่นกัน ทำให้หลับและตื่นมาอย่างสบายใจ ไม่ต้องหอบที่นอนไปซักบ่อยๆ
แต่สาวๆ หลายคนอาจจะกังวลเกี่ยวกับวิธีการใส่ เช่น ใส่แล้วจะหลุดออกมาตอนปัสสาวะมั้ย? หรือใส่แล้วจะค้างจนเอาไม่ออก หรือหลุดเข้าไปในร่างกายหรือเปล่า? ตรงนี้สามารถบอกได้เลยว่าไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด เนื่องจากเราใส่ถ้วยอนามัยไว้ในช่องคลอด ไม่ใช่ช่องปัสสาวะ และช่องคลอดของเราก็มีลักษณะเป็นท่อตัน ทำให้ไม่หลุดเข้าไปในร่างกายอย่างแน่นอน
ต่อมาคือเรื่องของการใส่ที่ทำให้หลายคนยังไม่กล้าใช้ถ้วยอนามัย ซึ่งจริงๆ วิธีใส่นั้นไม่ยากอย่างที่คิด แค่ 2 วิธีนั่นก็คือพับและใส่เข้าไปในช่องคลอด แต่การพับนั้นก็มีหลายแบบ เช่น C-Fold, Punch-down Fold หรือ 7-Fold ถ้าถามว่าแบบไหนดีที่สุด อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสรีระของแต่ละคนแล้วว่า พับแบบไหนเข้าไปในช่องคลอดง่ายกว่ากัน
ส่วนวิธีการถอดก็ง่ายเช่นกัน เพราะที่ปลายถ้วยจะมีก้าน ซึ่งง่ายต่อการดึงและถอด โดยก่อนหน้านั้นอาจใช้นิ้วดันเพื่อให้อากาศเข้าไป จะได้ถอดออกมาง่ายขึ้น แล้วจากนั้นก็นำมาเททิ้ง ล้างทำความสะอาดด้วยสบู่ ก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องหากระดาษห่อให้วุ่นวาย และไม่ต้องทิ้งพลาสติกหลายๆ ชิ้นอีกด้วย
อีกข้อดีของถ้วยอนามัยนั่นก็คือ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนระหว่างวันบ่อยๆ เนื่องจากการใส่หนึ่งครั้ง สามารถรองรับเลือดได้นาน 8-12 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับผ้าอนามัยชนิดอื่นที่ต้องเปลี่ยนทุกๆ 3-4 ชั่วโมง ทำให้ไม่ต้องรีบร้อนหาห้องน้ำเพื่อเปลี่ยน แต่สามารถกลับมาเปลี่ยนตอนกลับบ้านได้ แต่ข้อเสียก็คือหากจำเป็นจะต้องเปลี่ยนที่ห้องน้ำสาธารณะจริงๆ ก็อาจจะลำบาก เนื่องจากถ้วยอนามัยต้องถอดออกมาล้างทำความสะอาดแล้วใส่กลับเข้าไปใหม่
และที่สำคัญ หากใครอยากเซฟค่าใช้จ่าย ถ้วยอนามัยคือทางเลือกที่ดี เนื่องจากถ้วยอนามัยหนึ่งชิ้นมีราคาตั้งแต่ 200-800 บาท แต่สามารถใช้ได้นานถึง 10 ปี เมื่อลองนำมาเทียบกับการซื้อผ้าอนามัยชนิดอื่นๆ ก็ถือว่าช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะทีเดียว
ลองเปิดใจให้กับทางเลือกใหม่อย่างถ้วยอนามัยก็ไม่เสียหาย เพราะนอกจากจะช่วยเซฟโลก เซฟเงิน ยังช่วยเชฟร่างกายของเราอีกด้วย อย่างน้อยๆ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเลอะกางเกงหรือกระโปรงแหละนะ
อ้างอิงข้อมูลจาก