เมื่อการเป็นเมนส์ไม่ใช่เรื่องง่าย ผ้าอนามัยซึ่งเป็นของคู่ใจผู้มีประจำเดือนจึงเป็นเรื่องสำคัญ แต่รุ่นนั้นก็เคลมว่าบางเฉียบแบบสับ รุ่นนี้ก็เคลมว่าซึมซับเป็นเลิศ จะเลือกซื้อแต่ละทีก็ยากเหลือเกิน แถมราคาก็ใช่ว่าจะสบายกระเป๋าตังค์อีก
ด้วยเหตุนี้ The MATTER จึงมาทดลอง ‘เรื่องที่น่ารู้’ กับผ้าอนามัยยี่ห้อดังต่างๆ ที่พอหาซื้อจากซูเปอร์มาเก็ตและร้านค้าออนไลน์ รวมถึงเป็นยี่ห้อที่สามารถหารุ่นที่เป็น ‘ค่ากลาง’ ได้ นั่นคือ มีรุ่นที่มีความยาว 22-24 เซนติเมตร และไม่ใช่รุ่นที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น แบบเย็น แบบบางเฉียบ เป็นต้น
โดยแคนดิเดตยี่ห้อผ้าอนามัยที่เราคัดสรรมานี้ มีทั้งสิ้น 8 ยี่ห้อด้วยกันได้แก่ โซฟี ลอรีเอะ เอลิส แซนนิต้า โมเดส มิโดริ วิสเปอร์ และไอร่า
ยี่ห้อไหนเป็นตัวมัม ตัวมารดา ตัวสูตินรี มาดูกันเลย!
ส่วนประกอบของผ้าอนามัย
เร่เข้ามาจ้า เร่เข้ามา จะขอเริ่ม DATA ด้วยการบอกเล่าแบบ 101 ก่อนว่า ผ้าอนามัยนั้นมีส่วนประกอบอะไรบ้าง ซึ่งข้อมูลนี้เราอ้างอิงจากเว็บไซต์ของโซฟี และตัวต้นแบบก็ใช้ของโซฟีซึ่งมีรุ่นที่มีส่วนประกอบครบถ้วน ซึ่งทำให้เห็นว่า ส่วนประกอบของผ้าอนามัย มีดังนี้จ้า
- แผ่นซึมซับ เจ้าแผ่นซึมซับนี้ เรียกว่าเป็นตัวซึมซับเลือดประจำเดือน ซึ่งผ้าอนามัยแต่ละรุ่น จะมีจำนวนแผ่นซึมซับแตกต่างกันไป บางรุ่นอาจมีแผ่นซึมซับ 2-3 แผ่น เพื่อช่วยให้สามารถซึมซับเลือดประจำเดือนได้ดี
- ขอบปกป้อง หน้าที่ของมันก็ตรงตามตัวชื่อเรียกเลย นั่นคือเป็นขอบปกป้องที่ที่คอยกันการไหลซึมเปื้อนออกด้านข้างของผ้าอนามัย แต่บางรุ่นจะไม่มีขอบ ซึ่งจุดนี้ถือเป็นความชอบที่ต่างกันไปของแต่ละคน บางคนชอบผ้าอนามัยที่มีขอบเพราะจะช่วยป้องกันการไหลซึมออกด้านข้าง แต่บางคนชอบความคล่องตัวกับแบบไม่มีขอบมากกว่า
- ผิวหน้า เป็นส่วนที่สัมผัสกับผิวโดยตรง ซึ่งมีผิวหน้าหลากหลายแบบ ทั้งแบบผิวหน้านุ่ม ผิวหน้าแห้ง ซึ่งผิวหน้าแห้งจะมีผิวสัมผัสที่ค่อนข้างสากกว่า แต่มีจุดแข็งที่ความแห้งสบาย ไม่เหนอะหนะ ส่วนผิวหน้านุ่มจะมีผิวสัมผัสที่อ่อนโยนกับผิวมากกว่า ไม่ได้มีจุดแข็งที่ความแห้งสบายเหมือนแบบผิวหน้าแห้ง แต่เหมาะกับคนที่ผิวบอบบาง
- ปีก ไม่ใช่ปีกจริงๆ ที่บินได้เหมือนนก (ฮั่นแน่ะ) แต่เป็นขอบกาวที่ไว้สำหรับติดกับกางเกงใน ปีกนี้จะทำหน้าที่ช่วยยึดผ้าอนามัยกับกางเกงชั้นใน หลายคนมองว่า การใช้ผ้าอนามัยแบบมีปีกจะช่วยให้ผ้าอนามัยไม่เคลื่อนไปจากตำแหน่งของกางเกงใน แต่บางคนก็ชอบแบบไม่มีปีก ซึ่งบางยี่ห้อรุ่นที่ไม่มีปีกจะราคาถูกกว่า และบางคนก็มองว่า ผ้าอนามัยที่มีปีกนั้นอาจทำให้ระคายเคืองบริเวณขาได้
- เทปกาว ถ้าใครไม่เคยแกะผ้าอนามัยออกมาดู อาจจะนึกภาพไม่ออกว่าเทปกาวนี้จะไปอยู่ส่วนไหน งั้นก็ขออธิบายเลยว่า เทปกาวจะอยู่ด้านหลังของผ้าอนามัย ใช้เพื่อให้ผ้าอนามัยติดกับกางเกงในได้ โดยวิธีใช้คือจะต้องแกะห่อผ้าอนามัยออกมาก่อน ซึ่งห่อของผ้าอนามัยก็จะติดกับเทปกาวนี้อยู่ เมื่อเราแกะห่อผ้าอนามัยออกมา ด้านที่ติดเทปกาวก็จะเผยออกมาให้เห็น และก็จะสามารถนำด้านที่มีเทปกาวนี้ไปแปะไว้กับกางเกงในของเราได้
การไหลย้อนกลับ
ขอเริ่มจากการอธิบายคำว่า ‘การไหลย้อนกลับ’ ก่อน โดยปกติแล้วเลือดประจำเดือนจะซึมซับลงบนแผ่นอนามัย ซึ่งหากปริมาณเลือดมีมาก หรือว่าผ้าอนามัยซึมซับไม่ดีพอ ก็อาจมีการไหลย้อนกลับได้ และก็คงไม่มีใครอยากให้เลือดเมนส์ที่ไหลออกไปแล้ว เอ่อล้นอยู่บนผิวหน้าผ้าอนามัย ไม่ซึมซับลงไปเสียทีใช่ไหมล่ะ?
เราจึงมาทดสอบการไหลย้อนกลับของผ้าอนามัย โดยวิธีการก็คือ เราหยดน้ำผสมอุทัยทิพย์ปริมาณ 3 มิลลิลิตร ลงบนผ้าอนามัย ทิ้งไว้ 1 นาที แล้วนำแผ่นกระดาษทิชชูนาบลงไป ก่อนจะใช้กล่องกระดาษหนัก 885 กรัม วางทับอีก 30 วินาที แล้วเราก็จะได้ผลการทดลองเรื่องการไหลย้อนกลับ ซึ่งดูได้จากรอยเปื้อนของกระดาษทิชชู่
ผลที่ออกมาก็คือ วิสเปอร์เป็นยี่ห้อที่มีการไหลย้อนกลับน้อยที่สุด (กระดาษทิชชู่เปื้อนน้อยมาก) ส่วนยี่ห้อที่การไหลย้อนกลับเยอะคือ ลอรีเอะ แซนนิสต้า และไอรา
การซึมซับ
จะเลือกซื้อผ้าอนามัยควรดูจากจุดไหน? คำตอบแรกที่หลายคนนึกถึงคงเป็นเรื่องของการซึมซับ เพราะใครๆ ก็ต้องอยากได้ผ้าอนามัยที่ซึมซับเลือดประจำเดือนของเราได้ดี ไม่เลอะเปรอะเปื้อนได้ง่ายๆ อยู่แล้ว โดยการซึมซับที่ดีดูได้ทั้งจากความเร็วของการซึมซับ และปริมาตรน้ำที่ผ้าอนามัยสามารถซึมซับได้
ในการทดลองนี้ เราดูจากปริมาตรของการซึมซับเป็นหลัก โดยทดลองจากการชั่งน้ำหนักของผ้าอนามัยแต่ละยี่ห้อ ก่อนนำไปแช่น้ำผสมอุทัยทิพย์ 30 วินาที แล้วนำมาชั่งน้ำหนักอีกครั้ง ส่วนต่างน้ำหนักของผ้าอนามัยก่อนจุ่มน้ำและหลังจุ่มน้ำ คือปริมาตรที่ผ้าอนามัยสามารถซึมซับได้
ซึ่งผลการทดลองที่ออกมานี้ ทำให้เห็นว่า แซนนิสต้าสามารถซึมซับน้ำอุทัยทิพย์ไปได้มากที่สุด ด้วยปริมาตร 118 กรัม รองลงมาคือมิโดริ ซึ่งซึมซับไปได้ 104 กรัม และอันดับสามคือโมเดสที่ซึมซับไปได้ 99 กรัม
อย่างไรก็ดี ต้องย้ำหน่อยนะว่า ผ้าอนามัยควรเปลี่ยนทุก 3-4 ชั่วโมง ไม่ควรใส่นานจนเกินไปเพราะจะเป็นผลเสียกับสุขอนามัย และเราเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากใส่ผ้าอนามัยนานจนเลือดล้นแบบที่เห็นกันในภาพหรอก
ความกว้าง ความยาว ความหนา
ขนาดของผ้าอนามัยสัมพันธ์การมาน้อย มามาก และกิจกรรมที่แต่ละคนต้องในหนึ่งวัน … พูดแบบนี้หมายความว่าไง? คนที่ไม่เคยใส่ผ้าอนามัยอาจจะงงๆ แต่ถ้าวันไหนเราต้องออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน แล้วดันเป็นวันที่เมนส์มามาก หลายคนก็อาจจะเลือกใส่ผ้าอนามัยแบบกลางคืนที่มีความยาวเกิน 30 เซนติเมตรไปเลย เพื่อป้องกันการซึมเปื้อน หรือถ้าวันไหนเมนส์มาไม่เยอะและอยู่แต่ในบ้าน ก็อาจจะเลือกผ้าอนามัยที่ขนาดไม่ยาวมาก เช่น ขนาด 23-25 เซนติเมตร เพื่อความสบายตัวแทน
ไม่เพียงเท่านั้น ปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่เป็นตัวตัดสินการเลือกซื้อผ้าอนามัย ก็คือความหนา เมื่อเราต่างรู้ดีว่า ความหนาสัมพันธ์ไปกับการซึมซับ เช่น ยิ่งมีสำลีหลายแผ่น เมื่อหยดน้ำลงไป ก็จะยิ่งกันน้ำไหลทะลุไปอีกด้านของสำลีได้มากเท่านั้น เพราะมีสำลีซึมซับน้ำไว้หลายชั้น แต่พอต้องเอาผ้าอนามัยไปไว้ตรงหว่างขาแล้ว หากมันหนาเกินไปก็ไม่สบายตัวใช่ไหมล่ะ? ดังนั้นแล้ว ผ้าอนามัยหลายแบรนด์จึงต้องแข่งขันกันผลิตรุ่นที่ซึมซับได้ดี แต่ก็ ‘บางเฉียบเหมือนไม่ได้ใส่’ ออกมา
แล้วยี่ห้อไหนมีขนาดเท่าไหร่ เราลองทดสอบด้วยการวัดความกว้างและยาวด้วยไม้บรรทัด ขณะที่วัดความหนาด้วยคาลิเปอร์ และผลที่ออกมาก็เป็นดังนี้
โซฟี
- ยาว: 22.5 เซนติเมตร
- กว้าง: 7.5 เซนติเมตร
- หนา: 0.37 เซนติเมตร
ลอรีเอะ
- ยาว: 22 เซนติเมตร
- กว้าง 7.5 เซนติเมตร
- หนา: 0.28 เซนติเมตร
แซนนิต้า
- ยาว: 24 เซนติเมตร
- กว้าง: 7 เซนติเมตร
- หนา: 0.33 เซนติเมตร
เอลิส
- ยาว: 22.3 เซนติเมตร
- กว้าง: 7 เซนติเมตร
- หนา: 0.17 เซนติเมตร
โมเดส
- ยาว: 23 เซนติเมตร
- กว้าง: 6 เซนติเมตร
- หนา: 0.24 เซนติเมตร
มิโดริ
- ยาว: 22.5 เซนติเมตร
- กว้าง: 7.5 เซนติเมตร
- หนา: 0.26 เซนติเมตร
วิสเปอร์
- ยาว: 22.7 เซนติเมตร
- กว้าง: 6 เซนติเมตร
- หนา: 0.33 เซนติเมตร
ไอร่า
- ยาว: 23.5 เซนติเมตร
- กว้าง: 7 เซนติเมตร
- หนา: 0.4 เซนติเมตร
ขออธิบายว่า ความยาวของผ้าอนามัยนั้นจะแตกต่างกันไปตามรุ่น แต่ละยี่ห้อก็มีรุ่นที่มีหลายความยาว แต่ที่เราเลือกมานี้ เป็นความยาวระดับที่ทีมคาดว่าเป็นค่ามาตรฐานที่สุด นั่นคือ ราว 22-24 เซนติเมตร ส่วนเรื่องความกว้างนั้น จะเห็นว่าแทบทุกยี่ห้อมีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 7 เซนติเมตร ซึ่งคาดว่าเป็นค่ามาตรฐานตามความกว้างของกางเกงใน
ส่วนเรื่องความหนานั้น แต่ละยี่ห้อย่อมมีรุ่นที่บางกว่านี้แน่นอน เช่น ลอรีเอะและโซฟีที่จะมีรุ่น super ultra slim แต่อย่างที่บอกไปว่า เราเลือกรุ่นที่คาดว่าเป็นค่ามาตรฐานมาสำรวจ และพบว่าในจำนวนนี้ ยี่ห้อที่บางที่สุดคือ เอลิสซึ่งมีความหนา 0.17 เซนติเมตร รองลงมาเป็นโมเดส 0.24 เซนติเมตร และมิโดริ 0.26 เซนติเมตรตามลำดับ
ขณะที่ ยี่ห้อที่หนาที่สุด คือ โซฟี 0.37 เซนติเมตร รองลงมาเป็นแซนนิต้ากับวิสเปอร์ ที่หนา 0.33 เซนติเมตรเท่ากัน
ราคา
คงเคยได้ยินคำบ่นว่า ใน 1 เดือน คนที่มีประจำเดือนต้องเสียเงินจำนวนหนึ่งเพื่อซื้อผ้าอนามัยแพ๊งแพง แต่คนที่ไม่ได้ใช้อาจจะสงสัยว่าแพงจริงเหรอ? เราจึงขอคำนวณราคามาให้ดูกันคิดเป็นราคาต่อชิ้นไปเลยจ้า
- โซฟี: 2.05 บาท/ชิ้น (แพค 16 ชิ้น)
- ลอรีเอะ: 2.625 บาท/ชิ้น (แพค 16 ชิ้น)
- แซนนิสต้า: 3.2 บาท/ชิ้น (แพค 10 ชิ้น)
- เอลิส: 3.0625 บาท/ชิ้น (แพค 16 ชิ้น)
- โมเดส: 3.1875 บาท/ชิ้น (แพค 16 ชิ้น)
- มิโดริ: 3.625 บาท/ชิ้น (แพค 8 ชิ้น)
- วิสเปอร์: 5.85บาท/ชิ้น (แพค 20 ชิ้น)
- ไอร่า: 8.1 บาท/ชิ้น (แพค 10 ชิ้น)
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องบอกว่า ราคาของผ้าอนามัยที่เราซื้อกันมานี้ มาจากหลายแหล่ง โดยโซฟี ลอรีเอะ เอลิส โมเดส และวิสเปอร์ มาจาก Big C ขณะที่แซนนิสต้า มิโดริ มาจาก Shopee ส่วนไอร่า มาจากการซื้อตรงผ่านเว็บไซต์โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ จำนวนห่อในแต่ละแพคของแต่ละยี่ห้อ ก็ยังแตกต่างกันอีก ดังนั้น เพื่อหาราคาที่ถูกต้องที่สุด เราเลยต้องคำนวณเป็นราคาต่อผ้าอนามัย 1 แผ่น ซึ่งพบว่า ยี่ห้อที่ราคาต่อแผ่นถูกที่สุดคือ โซฟี ด้วยราคา 2.05 บาท รองลงมาคือ ลอรีเอะ ด้วยราคา 2.625และเอลิส ด้วยราคา 3.0625 บาท
ส่วนที่มีราคาแพงที่สุดคือ ไอร่า ด้วยราคา 8.1 บาท นับเป็นราคาที่โดดออกมาจากยี่ห้ออื่นๆ ซึ่งเราคาดกันว่า มาจากการใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ง่าย (จุดเด่นของแบรนด์นี้เลยล่ะ) จึงอาจทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงกว่าใครเพื่อนก็เป็นได้
ความเหนียวของกาว
ถ้าไม่เหนียวเลย ก็ติดไม่อยู่ แต่พอเหนียวเกินไป กางเกงในก็จะขาด … กาวติดของผ้าอนามัยเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกผ้าอนามัย แต่แบบไหนล่ะที่เรียกได้ว่าพอดี
คงต้องตอบว่า ก็ขึ้นอยู่กับความชอบ (และความทนทานของกางเกงใน) ของแต่ละคนล่ะนะ เพราะบางคนก็มองว่าไม่จำเป็นต้องใช้กาวชนิดโคตรเหนียวก็ติดผ้าอนามัยกับกางเกงในได้ แต่บางคนก็สบายใจกับกาวที่เหนียวแสนเหนียวมากกว่า
สำหรับการทดลองในเรื่องนี้ เรียกได้ว่าเป็นพาร์ทที่หนักอกหนักใจที่สุด เพราะต้องใช้การทดลองตั้ง 3 ครั้ง กว่าจะหาวิธีที่พอจะทดสอบความเหนียวของกาวได้
วิธีแรก เราแปะผ้าอนามัยลงบนผ้าคอตตอน ซึ่งเป็นชนิดผ้าที่มักใช้ในการทำกางเกงในของผู้หญิง แล้วลอกออก ก่อนจะแปะซ้ำลงไปใหม่อีกครั้ง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าผ้าอนามัยจะเกาะกับผ้าคอตตอนไม่อยู่ แต่ปรากฏว่า พวกเราปรามาสความเหนียวของแต่ละยี่ห้อเกินไป เพราะพอลองทำแล้วพบว่า กาวของผ้าอนามัยแปะซ้ำกับผ้าไปได้มากกว่า 280 ครั้ง (และไม่มีทีท่าจะเสื่อมประสิทธิภาพเลยสักนิด!)
วิธีที่สอง เราลองเอาผ้าอนามัยแปะค้างไว้กับตู้ในออฟฟิศของ The MATTER ซึ่งเป็นตู้โลหะ (ลองนึกภาพล็อกเกอร์เก็บของตามโต๊ะพนักงาน) แล้วรอดูว่า ผ้าอนามัยจะร่วงลงมาเมื่อไหร่ แต่ขนาดว่าแปะทิ้งไว้นานถึง 1 สัปดาห์ มันก็ยังไม่หลุดออกมาสักแอะ
เลยมาถึงวิธีสุดท้าย นั่นคือ ลองเอาผ้าอนามัยแปะเข้ากับขวดน้ำที่มีปริมาตร 600 มิลลิลิตร แล้วดึงค้างไว้พลางจับเวลา วินาทีที่ขวดน้ำร่วงลงมาคือช่วงเวลาที่กาวของผ้าอนามัยนั้นสามารถคงทนไว้ได้ ซึ่งผลที่ได้เป็นดังนี้
- โซฟี: 0.52.58 นาที
- ลอรีเอะ: 5.01.31 นาที
- แซนนิต้า: 1.40.58 นาที
- เอลิส: 13.37.17 นาที
- โมเดส: 8.51.55 นาที
- มิโดริ: 3.45.31 นาที
- วิสเปอร์: 0.34.4 นาที
- ไอร่า: 1.14.16 นาที
และผู้ชนะด้านความเหนียวของผ้าอนามัยคือ เอลิสค่าาา ด้วยระยะเวลาที่ขวดน้ำสามารถเกาะติดกับกาวของผ้าอนามัยยี่ห่อนี้ได้ถึง 13.37.17 นาที สมเป็นผ้าอนามัยในตำนานที่ขึ้นชื่อเรื่องความเหนียวอย่างแท้จริง
ส่วนยี่ห้อที่ขวดน้ำร่วงจากกาวไวที่สุด ก็คือ วิสเปอร์ ด้วยเวลา 0.34.4 นาที ไล่เลี่ยกับโซฟีที่ติดกาวได้นาน 0.52.58 นาที
ถึงอย่างนั้น เราก็มีข้อสังเกตกันว่า ความเหนียวของกาวที่วัดด้วยเวลา อาจจะต่างกับจำนวนครั้งอยู่ หมายความว่า ยี่ห้อที่ติดได้นานที่สุด อาจจะไม่ใช่ยี่ห้อที่กาวติดซ้ำได้เยอะที่สุดก็ได้ ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีใครติดผ้าอนามัยกับกางเกงในซ้ำไปมาเป็นสิบๆ ครั้ง (ไม่นับกรณีที่แปะไปแล้ว ตำแหน่งไม่ดี ต้องลอกแล้วแปะใหม่ ซึ่งก็ทำแค่ 1-2 ครั้ง/แผ่น) แต่การที่กาวสามารถติดซ้ำไปมาได้นั้นก็เป็นการการันตีประสิทธิภาพของกาวได้อีกหนึ่งทางเช่นกัน
วัสดุห่อผ้าอนามัย
ใช้ผ้าอนามัยเสร็จแล้ว จะห่อทิ้งยังไงดี? บ้างก็เลือกเอากระดาษเหลือใช้มาห่อผ้าอนามัย บ้างก็คงเอากระดาษที่เป็นบรรจุภัณฑ์ของผ้าอนามัยมาห่อเลย ซึ่งกรณีหลังนี้ มีแค่บางยี่ห้อที่ทำได้นะ เพราะไม่ใช่ทุกยี่ห้อจะมีแถบกาวสำหรับติดกระดาษห่อผ้าอนามัยให้เสมอ
ดังนั้น เราจึงเอาจุดนี้มาเป็นตัวชี้วัด เพื่อดูว่า ผ้าอนามัยยี่ห้อไหน มีบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำมาใช้ห่อผ้าอนามัยได้
- โซฟี: ห่อได้
- ลอรีเอะ: ห่อได้
- แซนนิต้า: ห่อไม่ได้
- เอลิส: ห่อได้
- โมเดส: ห่อไม่ได้
- มิโดริ: ห่อไม่ได้
- วิสเปอร์: ห่อไม่ได้
- ไอร่า: ห่อไม่ได้
นั่นก็คือ มีเพียง 3 ยี่ห้อที่เท่านั้นที่เราสามารถเอาบรรจุภัณฑ์มาห่อผ้าอนามัยได้ นั่นคือ โซฟี ลอรีเอะ และเอลิส นั่นเอง
ส่วนประกอบของผ้าอนามัย
ก็อยากจะชำแหละผ้าอนามัยออกมาดูส่วนประกอบกันอยู่หรอกนะ แต่พอผ่ามาแล้วก็ไม่รู้ว่า อะไรเป็นอะไรอยู่ดี เลยขออิงข้อมูลตามห่อบรรจุภัณฑ์ที่มาพร้อมกับรายละเอียดว่า ผ้าอนามัยแต่ละยี่ห้อ มีอะไรเป็นส่วนประกอบบ้างเลยดีกว่า
คาดว่าบางยี่ห้ออาจจะบอกส่วนประกอบไม่ละเอียดมากนัก แต่จากที่แต่ละยี่ห้อระบุรายละเอียดมาข้างซองนั้น พบว่า ส่วนประกอบที่ถูกใช้มากที่สุดในการทำผ้าอนามัยคือ เยื่อกระดาษ (Plup), ผ้าไม่ถักไม่ทอ (Non-woven Fabric) ซึ่งเป็นผ้าที่เกิดจากการขึ้นรูปจากเส้นใยโดยตรง หรือจากเม็ดพลาสติกที่ขึ้นรูปให้เป็นเส้นใยแล้วจึงทำให้เป็นผืนอีกต่อหนึ่ง และผลิตภัณฑ์กาวหลอมร้อน (Hot melt adhesive)
ลวดลาย
แม้ลวดลายจะไม่ใช่ปัจจัยหลักของการเลือกซื้อผ้าอนามัยหรอก แต่เราเชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นโฆษณาที่มีการหยดน้ำลงบนผ้าอนามัยแล้วดูทิศทางการไหลของน้ำไปตามลวดลายเป็นผ้าอนามัยกันบ้างล่ะนะ
เราเลยลองนำน้ำที่ผสมอุทัยทิพย์ จำนวน 3 มิลลิลิตร หยดลงตรงใจกลางผ้าอนามัยแล้วดูทิศทางการไหลของน้ำว่าเป็นอย่างไร ซึ่งพบว่า ผ้าอนามัยที่มีลวดลายเป็นขอบร่อง จะช่วยกันการไหลของของเหลวได้ประมาณหนึ่ง ราวกับร่องคูน้ำที่ป้องกันน้ำไหลไปอีกฝั่ง และในกรณีนี้ก็คือการช่วยให้เลือดประจำเดือนไม่ไหลล้นออกด้านข้างของผ้าอนามัยนั่นแหละ
ซึ่งยี่ห้อที่มีลวดลายแบบนี้ ได้แก่ โซฟี ลอรีเอะ แซนนิต้า โมเดส มิโดริ และวิสเปอร์ โดยขอบร่องของวิสเปอร์จะแตกต่างจากอันอื่นๆ ตรงที่มีขอบวงกลมแคบกว่า ทำให้จำกัดการไหลของของเหลวในพื้นที่จำกัดกว่าได้ ส่วนไอร่าและเอลิสเองก็มีขอบดังกล่าว แต่เราสังเกตว่า น้ำอุทัยทิพย์ยังไหลออกนอกขอบไปเยอะกว่ายี่ห้ออื่นๆ แม้จะใช้ปริมาณน้ำในการทดลองเท่ากัน
นอกจากนี้ หลายยี่ห้อยังใช้ลายจุดและตาราง มาเป็นลวดลายของผิวหน้าผ้าอนามัยด้วย ซึ่งเราสังเกตว่าทั้งสองลายนี้มีส่วนช่วยในการทำให้ของเหลวซึมซับลงไปด้านล่างผ้าอนามัยได้ค่อนข้างดี และยี่ห้อที่มีลายลักษณะเช่นนี้คือ โซฟี ลอรีเอะ เอลิส มิโดริ วิสเปอร์
ส่วนโมเดสนั้น เรียกได้ว่า มีลวดลายที่ค่อนข้างแปลกว่ายี่ห้ออื่นๆ แต่ก็สังเกตว่าของเหลวไหลไปตามร่องได้ค่อนข้างดี ขณะที่ไอร่านั้น นอกจากร่องลึก 2 วงบนผ้าอนามัยแล้ว ก็ไม่ได้มีลวดลายบนผิวหน้าผ้าอนามัยเท่าไหร่นัก
หวังว่ามหากาพย์ข้อมูลด้านผ้าอนามัยที่เราทดลองและนำเสนอมานี้ จะมีประโยชน์กับทุกท่าน โดยเฉพาะเหล่าผู้มีประจำเดือนทั้งหลายนะ