ต้องอย่าลืมว่านี่ไม่ใช่การระบาดครั้งแรก และเราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่รัฐบอกว่าเรากำลังล็อกดาวน์เมือง ก็เลยเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ปัจจุบัน—ในการสั่งปิดสถานที่จำนวนมาก ตั้งแต่การงดเว้นการนั่งรับประทานที่ร้านนั้น มีการปิดสวนสาธารณะและพื้นที่สาธารณะอื่นๆ อยู่ด้วย ซึ่งประเด็นเรื่องการเปิดหรือปิดให้บริการสวนนี้เป็นข้อถกเถียงสำคัญหนึ่งในช่วงการระบาดครั้งแรก (ช่วงต้นปี ค.ศ.2020) ที่ในตอนนั้นทั่วโลกต่างพากันล็อกดาวน์และปิดสวนสาธารณะ รวมถึงบ้านเราในช่วงเดือนเมษายนก็มีการปิดสวนด้วยเช่นกัน
หนึ่งปีผ่านไปและการระบาดอีกหลายระลอก เมืองไทยเองหลังจากมีการปิดสวนสาธารณะไปหนึ่งรอบแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่มีการปิดให้บริการสวนอีกเลย ทิศทางการเปิดสวนไทยก็ดูจะเป็นไปในทางเดียวกันกับนานาชาติในการรับมือ COVID-19 โอเค การเปิดสวนอาจจะฟังดูเสี่ยง แต่ในที่สุดแล้วภาวะโรคระบาดทำให้เราเห็นว่าพื้นที่สวนและพื้นที่สาธารณะแบบเปิดโล่งเป็นพื้นที่ที่สำคัญยิ่งทั้งต่อเมือง ต่อสุขภาพ และความเข้มแข็งของประชาชน
ยิ่งในห้วงเวลาที่ห้างและอีกหลายสถานที่ปิด ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ต้องการพื้นที่สำหรับพักผ่อนร่างกายและจิตใจ แน่นอนว่าในการต่อสู้กับโรคระบาด สุขภาพของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ และพื้นที่สวนนี่แหละเป็นที่ที่ประชาชนจะกลับมาใช้งานและส่งเสริมสุขภาพตนเองให้มากขึ้น เมืองทั้งหลายก็เริ่มให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่งเพื่อบริการสุขภาพให้กับผู้คน ทั้งยังมีรายงานและงานศึกษาที่ชี้ว่าสวนนั้นเป็นพื้นที่ที่ควรเปิดให้บริการต่อไป
ปิดสวน ปิดเมือง แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
ย้อนไปปีที่แล้ว ในช่วงการระบาดใหม่ๆ ช่วงต้นปี ตอนนั้นเรา—โลกยังไม่ค่อยรู้อะไรมาก และมาตรการก็มักจะเป็นไปแบบขั้นสูงสุดคือปิดหมด ปิดเมือง และที่สำคัญคือการปิดสวนและพื้นที่สาธารณะ หลังจากการปิดสวนและปิดกิจกรรมอื่นๆ ไปพร้อมกัน สื่อหลายสำนักเช่น The Atlantic และ The Washington Post ก็เผยแพร่ข้อเขียนเรื่องการรักษาพื้นที่สีเขียวและพื้นที่สาธารณะไว้
เหตุผลส่วนใหญ่คือการเน้นย้ำความสำคัญของพื้นที่สาธารณะสีเขียวในฐานะพื้นที่สำคัญต่อคนเมือง เราต้องการพื้นที่เปิดโล่งที่ส่งผลกับระบบภูมิคุ้มกัน การได้รับวิตามินดีเพียงพอจากแสงแดด ไปจนถึงพื้นที่สีเขียว—สวนในฐานะพื้นที่ที่คนจะไปใช้เพื่อรับมือกับปัญหา คลายความวิตกกังวล พื้นที่เช่นสวนเป็นที่ที่ทุกคนควรจะเข้าถึงได้ เป็นพื้นที่สำคัญกับคนทุกชนชั้น การปิดสวนจึงควรเป็นแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
การชะงักงันของเมืองและวิถีชีวิตปกติเช่นการไปทำงาน การปิดห้างในที่สุดทำให้เราเห็นว่าสวนสาธารณะและการใช้ชีวิตกลางแจ้งเป็นสิ่งที่เราโหยหา กรุงเทพฯ เองในช่วงต้นของการปรับตัวก่อนมีการล็อกดาวน์ เมื่อพื้นที่ต่างๆ เริ่มปิดตัวลง เราก็เริ่มเห็นภาพผู้คนเข้าไปใช้เวลาในสวนสาธารณะกันมากขึ้น และในที่สุดการปิดเมืองนั้นยิ่งทำให้เห็นว่า ชีวิตของผู้คนย่อมต้องดำเนินต่อไป และคนจะไปอยู่ที่ไหน ในที่สุดในช่วงปิดสวนนั้นเราก็เห็นภาพคนเมืองออกไปใช้ถนนที่เริ่มว่างจากรถยนต์ ออกไปวิ่งออกกำลังกายทั้งรอบๆ สนามหลวงและพื้นที่ถนนหนทางสายต่างๆ
ในที่สุดเราเริ่มได้คำตอบว่า ในโลกที่เราตอบตัวเองไม่ได้ว่าถ้าไม่ไปห้างแล้วควรไปที่ไหน พื้นที่สาธารณะเป็นคำตอบของเรา
สวนยิ่งสำคัญในช่วงโรคระบาด และหลังโรคระบาด
ด้วยความเคลื่อนไหวและแนวทาง เช่นแนวทางทางสุขภาพของโควิด คือส่วนใหญ่แล้วจะให้ความสำคัญกับพื้นที่เปิดโล่ง พื้นที่ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อต่ำ สวนสำคัญหลายแห่งกลับมาเปิดให้บริการ โดยมีเงื่อนไขสำคัญๆ ในการใช้สวนซึ่งก็เป็นเรื่องพื้นฐาน เช่นการจัดการปริมาณผู้ใช้งาน การรักษาระยะห่าง การทำความสะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ทางศูนย์ควบคุมโรคและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ก็วางพวกแนวทางการใช้งานสวนสาธารณะ แล้วก็มีคำแนะนำเช่นงดใช้สวนถ้ามีอาการป่วย รวมไปถึงงดการเดินทางไกลๆ เพื่อใช้งานสวน แต่ให้ใช้งานสวนใกล้ๆ แทน
สวนสาธารณะหรือพื้นที่อุทยานต่างก็ออกมาเปิดให้บริการและมีการบริหารจัดการหลายๆ ส่วน แต่หลักๆ แล้วสวนเหล่านี้ก็จะยืนยันเปิดให้บริการประชาชนต่อไป สวนชั้นแนวหน้าเช่น เซ็นทรัลพาร์ก (Central Park) ถึงขนาดเข้าใจบทบาทและความสำคัญของตัวสวนเองต่อคนนิวยอร์ก มีการให้บริการว่าคนที่มาสวนไม่ได้ คิดถึงและอยากจะสัมผัสแสงแดดและพืชพรรณธรรมชาติเพื่อเยียวยา เซ็นทรัลพาร์กก็จัดเวอร์ชวลทัวร์ (virtual tour) ให้คนเมืองเข้าถึงสวนแบบเสมือนได้
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2020 คือปลายปีหลังการระบาดเริ่มสงบ มีงานศึกษาจำนวนหนึ่งที่สรุปและเสนอแนวทางต่างๆ ต่อไปในวารสาร Journal of Forestry Research ก็สอดคล้องกับข้อสังเกตและแนวทางเรื่องบทบาทและการใช้งานสวน คือเป็นรายงานที่รายงานตัวเลขการใช้งานสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียวทั่วโลก
ตัวรายงานพบว่าจากการระบาดในระดับโลกนี้ มีตัวเลขยืนยันว่าหลังการระบาดผู้คนเข้าใช้งานสวนมากขึ้น และสวน—รวมถึงพื้นที่สีเขียวนอกอาคารกลายเป็นพื้นที่สำคัญในขณะที่กิจกรรมอื่นๆ หยุดลง นอกจากนี้รายงานยังแนะนำว่าสวนนั้นมีบทบาทอย่างสำคัญเพราะให้ประโยชน์ต่อเมืองและต่อชุมชนในภาวะการระบาดของโควิด และความเข้าใจนี้ควรจะนำไปสู่การบริหารจัดการในการดูแลจัดการ วางแผนและออกแบบพื้นที่สึเขียวต่อไปโดยเฉพาะผลต่อวิกฤติทางสุขภาพ
ทิศทาง องค์ความรู้ และภาคปฏิบัตินั้นดูจะเป็นไปในทางเดียวกัน เมื่อราวสัปดาห์ที่แล้วทางสภาการออกแบบของอังกฤษหรือ Design Council ก็มีการประชุมและได้ข้อสรุปในประเด็นว่า พื้นที่กายภาพนั้นสำคัญและสัมพันธ์กับการรับมือโรคระบาด การออกแบบเป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจกับเงื่อนไข โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเพื่อรับมือโรคระบาด หนึ่งในข้อเสนอคือการให้ความสำคัญและจัดหาพื้นที่สีเขียวให้เข้าถึงได้และเพียงพอต่อความต้องการ
กระแสโดยรวมกลายเป็นว่าการระบาดของโควิดทำให้เมือง นักวิชาการ รวมถึงเราเองมองเห็นความสำคัญของพื้นที่สีเขียว—ของพื้นที่กลางแจ้ง เมืองทั้งหลายหันมาให้ความสำคัญกับการเดิน กับสุขภาพ กับต้นไม้ กับพื้นที่ธรรมชาติ และที่สำคัญคือกับสุขภาพและสุขภาวะของประชากรที่จะเข้มแข็งและยืดหยุ่นต่อปัญหา ทั้งปัญหาส่วนบุคคลและวิกฤติที่จะซัดเข้าสู่เมืองใหญ่ต่อไป
ดังนั้นนอกจากบทเรียนรายวันของการควบคุมโรคแล้ว ในระยะยาวบทเรียนเรื่องพื้นที่สีเขียว พื้นที่สาธารณะและพื้นที่กลางแจ้งก็ดูจะเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขของอนาคตที่เมือง ที่บ้านเราเองต้องปรับทิศทางเพื่อเตรียมรับกับวิกฤติอื่นๆ หรืออย่างน้อยก็ตอบสนองกับความต้องการของผู้คน ว่าสวนดีๆ ที่เพียงพอเป็นสิ่งที่เราต้องการ เป็นพื้นที่ที่สร้างสุขภาพให้กับคนและเมืองต่อไป
อ้างอิงข้อมูลจาก