“เราจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศ” นี่เป็นถ้อยคำบางส่วนจากการแถลงข่าวของกองทัพเรือ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยขณะนี้ กองทัพเรือได้เจรจาซื้อเรือดำน้ำไปแล้วเสร็จ 1 ลำ ในวงเงิน 13,500 ล้านบาท และกำลังจะยื่นขอซื้ออีก 2 ลำ ในวงเงิน 22,500 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 36,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในช่วงเช้าของวันนี้ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า การซื้อเรือดำน้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อความมั่นคงของประเทศ เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศเอง ก่อนที่ในช่วงบ่าย กมธ. พิจารณางบประมาณมีมติเลื่อนวาระพิจารณางบประมาณ เพื่อซื้อเรือดำน้ำอีก 2 ลำ ออกไปก่อน เพื่อให้กองทัพเรือมาชี้แจงเพิ่มเติมกับที่ประชุม
ทั้งกองทัพเรือและนายกฯ ยกเหตุผลมากมายเพื่ออธิบายว่าทำไมกองทัพเรือไทยถึงต้องมีเรือดำน้ำ แต่ดูเหมือนว่านั่นไม่ใช่คำถามที่สังคมต้องการพวกเขาน่าจะอยากถามว่า ‘ทำไมต้องเป็นตอนนี้’ ที่ประเทศกำลังเผชิญกับภาวะทรุดตัวของเศรษฐกิจอย่างหนักจากไวรัส Covid-19 มากกว่า ถามว่า ‘ซื้อมาเพื่ออะไร’
วันนี้ The MATTER จึงได้พูดคุยกับ ศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และความมั่นคงศึกษา ผู้ติดตามการทำงานของกองทัพมาอย่างยาวนานและสม่ำเสมอ และนี่คือบางส่วนในทัศนะของเขาถึงประเด็นการซื้อเรือดำน้ำ ตลอดจนแนวคิดที่สะท้อนออกมาจากถ้อยแถลงของกองทัพเรือ