จะรัก หรือจะนก การจีบและการแสดงความรักดูจะเป็นหัวใจสำคัญหนึ่งของการรักษาความสัมพันธ์ วันนี้คุณมีถ้อยคำสวยๆ ไว้ส่งให้คนที่คุณรัก- หรือหมายใจไว้ให้ละลายเป็นไอศกรีมกลางฤดูร้อนแล้วหรือยัง? ถ้ายัง The MATTER ขอชวนมาอ่านเรื่องรัก และจดหมายรักจากนักคิดนักเขียนระดับตำนาน เป็นโอกาสที่เราจะได้แอบฝึกวิชาการใช้ภาษาสื่อรัก เผื่อเอาไปใช้หยอดกันในไลน์บ้าง ในเฟซบ้าง เป็นการแสดงความรักที่ไม่เลี่ยน แถมเลียนมาจากนักเขียนตำนานเลยนะคุณ
แค่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘นักเขียน’ ก็มักจะต้องเป็นกลุ่มคนที่วูบไหวกับอารมณ์ เป็นผู้สังเกตจิตใจที่ถี่ถ้วน และเป็นผู้เชี่ยวชาการใช้ถ้อยคำส่งผ่านความรู้สึก ยิ่งเป็นความรักแล้วละก็ เราก็อยากรู้เนอะว่าคนเป็นนักเขียนในชีวิตจริงเขาจะหวานไหม ชีวิตรักจะเป็นอย่างไร
ยิ่งในสมัยก่อน หลายครั้งความรักมักมาพร้อมกับระยะทาง หรือกระทั่งกำแพง จะส่งผ่านความรัก สื่อสารกันให้หายคิดถึงทีก็ต้องพึ่ง ‘จดหมาย’ ซึ่งการเขียนจดหมายรักก็เป็นกิจกรรมอันแสนเก่าแก่ และต้องพึ่งศิลปะการเขียนที่เฉพาะเจาะจง ในทุกวันนี้ เราเองก็ดูเหมือนจะกลับมาสื่อสารกันด้วยตัวอักษรเป็นหลัก ศิลปะการเขียนจึงดูจะกลับมาสำคัญกับเราอีกครั้ง
สำหรับจดหมายรักที่เราชวนไปแอบอ่านในครั้งนี้นั้น เป็นนักเขียน นักคิด และศิลปินระดับตำนาน ที่แต่ละคนล้วนมีชีวิตรัก และมีสไตล์การส่งต่อความรักที่ล้ำลึกและเวรี่เฉพาะตัว
เราจะพาไปอ่านจดหมายเรียบๆ ที่กินใจจากผู้เขียนโลลิต้า จดหมายที่เล่าผ่านสายตาของหมาน้อยในบ้านจากผู้เขียนวรรณกรรมเด็กระดับตำนาน ข้อเขียนร้อนฉ่าจากคาฟกาและความรักลับๆ ของโฟร์แบร์เจ้าของมาดามโบวารี และอีกความรักทั้งที่ตรงไปตรงมาและฉบับรักต้องห้ามไม่ว่าจะจากเวอร์จิเนีย วูล์ฟหรือออสการ์ ไวด์ ผู้ส่งจดหมายถึงคู่รักเพศเดียวกันอันเป็นความรักต้องห้ามจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
Vladimir Nabokov to Véra Slonim
“Yes, I need you, my fairy-tale. Because you are the only person I can talk with about the shade of a cloud, about the song of a thought — and about how, when I went out to work today and looked a tall sunflower in the face, it smiled at me with all of its seeds.”
บางทีความเรียบง่ายก็ดีงามที่สุด ใครจะคิดว่าจดหมายของ Vladimir Nabokov เจ้าของงานเขียนแห่งไฟร้อน เช่น โลลิต้า จะเขียนแสดงความรักได้อย่างเรียบง่าย งดงาม และนี่แหละคือความรักในความธรรมดาของกันและกัน ตัวจดหมายนี้ Nabokov เขียนถึง Véra Slonim ภรรยาผู้เป็นทั้งคู่ชีวิต และเพื่อนร่วมงาน เป็นบรรณาธิการและผู้แปลให้กับสามี ในจดหมายพูดแค่ว่า “ใช่แล้วล่ะที่รัก ผมต้องการคุณ เพราะคุณเป็นคนเดียวที่ผมสามารถคุยถึงเรื่องว่าวันนี้เงาของเมฆเป็นอย่างไร เกี่ยวกับบทเพลงของความคิด และเกี่ยวกับว่าวันนี้ผมเดินออกไปทำงาน ได้เจอกับเจ้าดอกทานตะวันที่มันยิ้มให้ผมด้วยเมล็ดทุกเมล็ดของมอง” – โอ้ย น่ารักใครมาพูดแบบนี้ด้วยคือรักตาย ความรักมันแค่นี้เลย เป็นคนที่คุยเรื่องสัพเพเหระ แลกเปลี่ยนเรื่องธรรมดาๆ ในชีวิตประจำวัน
Frida Kahlo to Diego Rivera
“Nothing compares to your hands, nothing like the green-gold of your eyes. My body is filled with you for days and days. You are the mirror of the night. The violent flash of lightning. The dampness of the earth. The hollow of your armpits is my shelter. My fingers touch your blood. All my joy is to feel life spring from your flower-fountain that mine keeps to fill all the paths of my nerves which are yours.”
ฟรีดาเป็นศิลปินหญิงระดับไอคอนที่อารมณ์ความรู้สึกของเธอนั้นเวรี่เฟี้ยสและแข็งแกร่ง ชีวิตรักคุณแม่คาโลเป็นที่เลื่องลือถึงการเป็นคู่รักศิลปินที่ส่งแรงบันดาลใจให้แก่กัน และคุณแม่ฟรีดาเองก็ไม่เหนียมอายหรือปิดบังที่จะบอกรัก Diego Rivera สามีที่เธอรักยิ่ง ในจดหมายรัก เธอถ่ายทอดความรู้สึกทั้งทางกายและทางใจออกมาได้อย่างซึ้งซ่าน พูดถึงความปรารถนา เลือดเนื้อ ความอบอุ่น และความสุขจากความรักและความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของทั้งสอง
E.B. White to Katharine White
‘Dear Mrs. White:
I like having Josephine here in the morning, although I suppose I will get less actual thinking done — as I used to do my thinking mornings in the bathroom. White has been stewing around for two days now, a little bit worried because he is not sure that he has made you realize how glad he is that there is to be what the column writer in the Mirror calls a blessed event
…
White is getting me a new blanket, as the cushion in the bathroom is soiled.
Lovingly, Daisy’
สมศักดิ์ศรีความน่ารัก กับจดหมายถึงภรรยาที่รักของ E.B. White เรารู้จัดไวต์ในฐานะเจ้าของวรรณกรรมสำหรับเด็กระดับตำนานเช่นชาร์ล็อตเวบ สจ๊วตลิตเตอร์ ซึ่งไวต์เองเป็นนักเขียนให้กับทาง The New Yorker magazine นิตยสารวรรณกรรมเล่มสำคัญที่แสนเก๋ไก๋ เคเทอรีน ภรรยาของไวต์เองก็เป็นนักเขียนและเป็นบรรณาธิการวรรณกรรมให้กับนิวยอร์กเกอร์ พบรักและทำงานร่วมกัน จดหมายรักฉบับนี้ของไวต์ ไวต์เขียนขึ้นถึงเคเธอรีนขณะตั้งครรภ์โดยใช้มุมมองของเจ้าเดซี่ หมาน้อยของครอบครัว เป็นการแสดงความห่วงใยโดยใช้สายตาของหมาน้อย เล่าถึงความกระสับกระส่าย ความรู้สึกว่าคุณสามีงุ่นง่าน วุ่นวายใจ คิดถึง หรือทำอะไรอยู่บ้าง ใครมาทำแบบนี้ให้นี่รักตายเลย คนบ้าเอ้ย
Kahlil Gibran to Mary Haskell
“When I am unhappy, dear Mary, I read your letters. When the mist overwhelms the “I” in me, I take two or three letters out of the little box and reread them. They remind me of my true self. They make me overlook all that is not high and beautiful in life. Each and every one of us, dear Mary, must have a resting place somewhere. The resting place of my soul is a beautiful grove where my knowledge of you lives.”
มาที่คาลิล ยิปราล นักปรัชญาและนักเขียนผู้ชี้นำหนุ่มสาวด้วยปรัชญาชีวิต ความรักของยิปราล ศิลปินหนุ่มชาวเลบานอนเองก็แอบข้ามเส้นเชื้อชาติ คือแกรักกับ Mary Haskell มิชชันนารีและนักการศึกษาที่เป็นทั้งคนรักและผู้อุปถัมภ์ ตอนที่เจอกันครั้งแรกยิปราลเป็นศิลปินหนุ่มน้อยวัย 21 ในขณะที่แมรี่อายุได้ 31 ยิปราลรักสาวใหญ่เข้าเต็มเปา และมีการส่งจดหมายไปจนถึงสานสัมพันธ์เรื่อยมา แต่ด้วยช่องว่างของอายุและข้อจำกัดหลายประการ รักครั้งนี้ก็มีอันเป็นหมันไป ตัวจดหมายของยิปราลก็บรรยายความรู้สึกงดงามซับซ้อน พูดถึงตัวตนและความรู้สึกที่หลั่งไหล
Lord Byron to Teresa Guiccioli
“..my destiny rests with you, and you are a woman, eighteen years of age, and two out of a convent. I love you, and you love me — at least, you say so, and act as if you did so, which last is a great consolation in all events. But I more than love you, and cannot cease to love you. Think of me, sometimes, when the Alps and ocean divide us — but they never will, unless you wish it.”
Lord Byron เป็นกวีหนุ่มที่เรามักได้ยินชื่อในคาบเรียนวรรณคดี เป็นกวียุคโรแมนติกที่เขียนถึงความรู้สึก ธรรมชาติ ไปจนถึงเป็นเจ้าของผลงาน Don Juan งานเขียนสำคัญ ในช่วงที่แกเขียนดอนฮวน แกก็ไปอยู่ที่อิตาลี และไปมีสัมพันธ์กับ Teresa Guiccioli ภรรยาสูงศักดิ์ – คืออย่าเพิ่งนึกว่าเอ๊ะทำไมชู้เยอะจัง ให้นึกภาพสมัยนั้นที่การแต่งงานอาจเป็นเรื่องบังคับ และหลายครั้งที่ความรักที่เป็นไปไม่ได้เป็นเรื่องสูงส่งและอุดมคติ สำหรับไบร่อนกับเทเรซาเองก็เช่นกัน เทเรซาพบไบร่อนหลังจากแต่งงานได้เพียงสามวัน จดหมายรักของลอร์ดไบรอนเองดูจะตรงไปตรงมาตามขนมบอกรัก ท่อนปลายก็ทรงพลังด้วยการบอกว่า ภูเขาแม่น้ำก็พรากเราไม่ได้ นอกจากว่าเธอจะอยากให้มันพรากเรา
Gustave Flaubert to Louise Colet
“I will cover you with love when next I see you, with caresses, with ecstasy. I want to gorge you with all the joys of the flesh, so that you faint and die. I want you to be amazed by me..”
อีกหนึ่งจดหมายไฟลุก ไม่เรียกจีบ เรียกจุดไฟมาตามตัวอักษร กับจดหมายของโฟลแบร์ บิดาแห่งนวนิยายสัจนิยมสมัยใหม่ คนรักของโฟลแบร์คือ Louise Colet กวีและปัญญาชนสาวชาวฝรั่งเศสผู้มีชีวิตรักที่โลดโผน ความสัมพันธ์ของเธอกับโฟลแบร์มีลักษณะเป็นชู้รักร้อนแรง ทั้งๆ ที่ เธอเองก็มีสามีอยู่แล้ว ความเดือดของทั้งคู่ปรากฏในจดหมายหลายฉบับ และหนึ่งในนั้นก็เช่นในตัวอย่าง ที่โฟลแบร์บอกว่า “เจอกันครั้งหน้าจะหุ้มคุณด้วยความรัก ความทะนุถนอม และความซึ้งซ่าน จะให้ความสุขสมด้วยเลือดเนื้อจนกระทั่งเป็นลมล้มพับและตายไปข้าง ผมอยากให้คุณทึ่งในตัวผม” จากภาพเจ้าของงานสัจนิยมอันเคร่งขรึม พ่อคุณก็แรงซะควันขึ้นเลย
Franz Kafka to Milen Jesensk
“Last night I dreamed about you. What happened in detail I can hardly remember, all I know is that we kept merging into one another. I was you, you were me. Finally you somehow caught fire.”
คิดดีไม่ได้เลย กับพ่อหนุ่มคาฟก้า เจ้าของผลงานสุดเดือด-สุดเซอร์ที่ตื่นมาแล้วกลายเป็นแมลงเช่นเมตามอฟอร์ซิส Milen Jesensk ก็เป็นอีกหนึ่งความรักในหน้าที่การงาน โดยตัว Milen เองเป็นนักหนังสือพิมพ์และนักแปล เธอเป็นคนที่ติดต่อขอแปลเรื่องสั้นของคาฟกาจากเยอรมันเป็นภาษาเชค หลังจากพบกันเพื่อการงาน ความรักก็ผลิบาน และแน่นอนว่าพ่อหนุ่มของเรานั้นย่อมไม่ธรรมดา ความในจดหมายรักคาฟกาบอกว่า เมื่อคืนผมฝันถึงคุณ แต่รายละเอียดจำไม่ได้ (แน่ะ พ่อคุณ จำไม่ได้หรือพูดไม่ได้ฮึ) แต่ในฝันเราสองคนรวมกันเป็นหนึ่ง คุณเป็นผม ผมเป็นคุณ หลังจากนั้นคุณก็ไฟลุกท่วม.. อืม ดูออกนะคาฟก้า
Ernest Hemingway to Mary Welsh
“It’s tough as hell without you and I’m doing it straight but I miss you so I could die. If anything happened to you I’d die the way an animal will die in the Zoo if something happens to his mate. Much love my dearest Mary and know I’m not impatient. I’m just desperate.”
มาที่เจ้าพ่อนวนิยายของอเมริกา แน่นอนว่างามของเฮเมิ่งเวย์เป็นงานที่ผู้ช๊ายผู้ชาย และดูเหมือนว่าการบอกรักของแกก็แสนจะดิบแมน ในจดหมายถึง Mary Welsh ภรรยาคนที่ 4 ผู้เป็นนักหนังสือพิมพ์ด้วย แกบรรยายถึงความรู้สึกและความคิดถึงในแบบที่เวรี่ตรงไปตรงมา คือบอกเลย มันโครตจะยากเลยเมื่อไม่มีเธอ คิดถึงจนทำให้ตายได้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ ผมคงตายเหมือนกับที่สัตว์มันตายเพราะเสียคู่รักของมัน รักนะ และรู้ดีว่าผมมันไม่อดทนเอาซะเลย ผมแค่ทนทุกข์จากความคิดถึง
Virginia Woolf to Vita Sackville-West
“Look here Vita — throw over your man, and we’ll go to Hampton Court and dine on the river together and walk in the garden in the moonlight and come home late and have a bottle of wine and get tipsy, and I’ll tell you all the things I have in my head, millions, myriads — They won’t stir by day, only by dark on the river. Think of that. Throw over your man, I say, and come.”
เวอร์จิเนีย วูล์ฟ นักเขียนหญิงที่เรารักยิ่ง เธอเองก็มีชีวิตที่พิเศษ และแน่นอน ความรักของเธอก็แสนจะพิเศษเช่นกัน เพราะเธอมีคนรักเป็นกวีหญิง ความสัมพันธ์ของวูล์ฟ ต่อให้เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันก็ถือว่าก้าวหน้าและท้าทายสังคม คือแน่ล่ะสังคมช่วงปี 1900 ผู้หญิงต้องแต่งงาน และทั้งวูล์ฟและไวต้าเองก็ต่างเป็นหญิงที่มีสามี แต่ทั้งสองนั้นก็รักกัน ในจดหมายหนึ่งที่วูล์ฟเขียนถึง คงจะมีนัยของการบอกให้ไวต้าตามหัวใจและความรู้สึก เชิญชวนให้ทั้งสองได้มาใช้เวลาร่วมกัน ‘ช่างหัวสามีเธอประไร ไวต้า’ เราจะไปดินเนอร์ด้วยกัน เดินเล่นในสวนท่ามกลางแสงจันทร์ เราจะเมามายด้วยกันและฉันจะบอกทุกอย่าง ทุกอย่างที่แสนมหาศาลภายในใจ..ช่างหัวผู้ชายของเธอ และมาเถอะ
Vita Sackville-West to Virginia Woolf
“I am reduced to a thing that wants Virginia. I composed a beautiful letter to you in the sleepless nightmare hours of the night, and it has all gone: I just miss you, in a quite simple desperate human way. You, with all your undumb letters, would never write so elementary a phrase as that”
หนึ่งในจดหมายตอบของไวต้า ตอบเวอร์จิเนียร์วูล์ฟ อย่าลืมว่าไวต้าเองเป็นกวี และแน่นอนว่าวูล์ฟเองก็ย่อมต้องแต่งจดหมาย ประดับประดาคำและความให้กับไวต้าอย่างวิจิตร แต่ไวต้ากลับเลือกที่จะตอบวูล์ฟด้วยความเรียบง่ายเพื่อแสดงถึงความรู้สึกอันแท้จริงอย่างตรงไปตรงมา เธอบอกว่าเธอเขียนจดหมายนี้ในช่วงเวลาที่เธอหลับไม่ลง ‘ฉันแค่คิดถึงเธอ ในแบบที่มนุษย์ที่โศกเศร้าธรรมดาๆ คนหนึ่งควรจะเป็น’ ประโยคเรียบๆ ที่เธอจะไม่เขียนมาในจดหมายที่ฉลาดเฉลียวของเธอ เรียบง่าย งดงาม และทรงพลังดี เพราะคิดถึง แบบที่คนๆ หนึ่งจะคิดถึงกัน
Oscar Wilde to Alfred Bosie Douglas
“My Own Boy,
Your sonnet is quite lovely, and it is a marvel that those red rose-leaf lips of yours should be made no less for the madness of music and song than for the madness of kissing. Your slim gilt soul walks between passion and poetry. I know Hyacinthus, whom Apollo loved so madly, was you in Greek days.”
พูดถึงความรักโฃดโผนและฉูดฉาด จะไม่พูดถึง Oscar Wilde นักเขียนสุดเฟี้ยสแห่งยุคสมัยไม่ได้เลย ไวด์เป็นนักเขียนปากร้าย ขบขันและคมคาย ในขณะเดียวกันเราก็รู้จักไวด์ในฐานะนักเขียนที่เป็นเกย์ และค่อนข้างเป็นคนยุคแรกๆ ที่เปิดเผยเพศวิถีของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่านำความซวยมาสู่ชีวิตของไวด์ด้วยข้อการเป็นโฮโมนี่แหละ ไวด์พบรักกับ Alfred Bosie Douglas ชายหนุ่มรูปงามผู้เป็นกวีเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นความรักอันรุ่มร้อนของไวด์ ทั้งคู่จึงเป็นศิลปินที่ส่งแรงบันดาลใจให้แก่กัน ในจดหมายที่ไวด์ส่ง เราจะเห็นว่าทั้งคู่ใช้ความรัก แลกเปลี่ยนทั้งความรู้และความรู้สึกเข้ากับงานเขียน โบซี่คงจะเขียนบทกวีให้ไวด์ และไวด์เองก็แสดงความรักตอบด้วยถ้อยคำที่ร้อนแรง พูดถึงความบ้าคลั่งของความรู้สึกและรอยจูบ พูดถึงเรือนร่างที่ก้าวไปมาระหว่างความปรารถนาและบทกวี อ้างอิงกลับไปยังคนรักของอพอลโล่
อ้างอิงข้อมูลจาก