ในแวดวงการเงินการธนาคารที่วิ่งอย่างรวดเร็ว กระแสที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้คือ Automation Banking หรือระบบธนาคารที่ใช้เครื่องจักรมาแทนที่พนักงาน ไม่ว่าจะเป็นในธุรกรรมการเงินพื้นฐานแบบปกติ ไปจนถึงการเทรดหุ้น ตราสาร หรือค่าเงิน เนื่องจากสามารถลดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานระยะยาว รวมถึงลดความผิดพลาดและการทุจริตในการปฏิบัติงานของพนักงานมนุษย์ลงได้อย่างชัดเจน
เราจะเห็นได้จากการเพิ่มตู้ ATM ประเภท CDM (สามารถฝากเงินได้เอง) และบริการปรับสมุดในสาขาต่างๆ ของธนาคาร การปรับลดจำนวนสาขา และปิดสาขาชนิด stand-alone ที่มีขนาดใหญ่ลง รวมถึงการเพิ่มการบริการผ่านแอพในสมาร์ตโฟนให้สะดวกครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยธนาคารในสหราชอาณาจักรปิดสาขาลงมากกว่า 3,500 สาขา และสาขาธนาคารในสหรัฐอเมริกาลดลง 6% นับตั้งแต่ปี 2009
แต่ปัญหาหลักของการเปลี่ยนผ่านจากยุคพนักงานมนุษย์
มาเป็นระบบจักรกลในมุมของธุรกิจธนาคารคือค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายนี้ ไม่ได้มีเพียงการเปลี่ยนและการติดตั้งเครื่องจักรหรือการวางซอฟต์แวร์เท่านั้น แต่หมายรวมถึงการจัดการบำรุงรักษา การดูแล และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขนส่งเงินสดเพื่อนำไปบรรจุในตู้ ATM และการนำเงินจากตู้ ATM กลับมายังสาขาธนาคารที่ใกล้เคียง
การขนส่งเงินสดนี้จำเป็นต้องมีบริการรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็งและไว้ใจได้ ทั้งยังเป็นจุดที่เปราะบางที่สุดในห่วงโซ่การบริการทางการเงินต่างๆ ในระบบเครื่องจักรอัตโนมัติ เนื่องจากมีบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้องมาก และเป็นเป้าหมายของอาชญากรรม ซึ่งก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายสูงมากตามไป อีกทั้งไม่สามารถนำไปติดตั้งในพื้นที่ที่เข้าถึงยากหรือไม่สามารถนำส่งและเก็บเงินสดได้อย่างปลอดภัย
นวัตกรรมล่าสุดในระบบการธนาคารอัตโนมัติ คือเครื่อง RTM (Retail Teller Machine) โดยบริษัท KAL ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ ATM ที่ให้บริการแก่ธนาคารชั้นนำของโลก เช่น CitiBank และธนาคารการก่อสร้างแห่งประเทศจีน ซึ่งช่วยตัดปัญหาการขนส่งเงินสดและลดค่าใช้จ่ายให้แก่ธนาคารลงได้อย่างมาก
การทำงานของเครื่อง RTM เป็นเช่นเดียวกับเครื่อง ATM แต่แทนที่จะเบิกเงินสดออกมา เครื่อง RTM จะพรินต์ตั๋วที่มีรหัสรักษาความปลอดภัย เพื่อให้ลูกค้านำตั๋วนั้นไปแลกเป็นเงินสด จ่ายค่าบริการ หรือซื้อสินค้ากับห้างร้านที่ตู้ RTM นั้นตั้งอยู่ แล้วได้รับเงินทอนออกมาเป็นเงินสดแทน
วิธีนี้แตกต่างจากการใช้บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ตรงที่ทั้งธนาคารและผู้ค้าปลีกไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้แก่ผู้ให้บริการเครือข่ายบัตร อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ค้าปลีกที่ไม่ต้องส่งยอด ไม่เสียเวลารอเครดิตเข้าบัญชีตามรอบที่ตัดจ่าย รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในพื้นที่ที่ร้านค้าท้องถิ่นไม่รับบัตรเครดิตอีกด้วย
โดยทั่วไปแล้ว ในการตั้งตู้ ATM ธนาคารต้องมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งตู้ ค่าเช่าพื้นที่ ค่าดำเนินการขนส่งเงินสด และการนำเงินสดเข้าไปยังสาขาใกล้เคียง แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นตู้ RTM แล้ว ค่าใช้จ่ายจะเหลือเพียงค่าติดตั้งและค่าเช่าพื้นที่ รวมถึงค่าบำรุงรักษาซอฟต์แวร์ระดับปกติ ทำให้ค่าใช้จ่ายดำเนินการ (Operating Cost) ลดลงเหลือเพียง 1 ใน 10 เท่านั้น
สถานการณ์สมมติของการใช้เครื่อง RTM นี้ อาจเกิดขึ้น
ในแหล่งท่องเที่ยวที่ห่างไกล บนภูเขาสูง
หรืออยู่บนเกาะที่ไม่มีสาขาของธนาคารให้บริการอยู่
ซึ่งการขนส่งเงินสดเพื่อนำไปบรรจุและขนส่งออกมาจากตู้ ATM เป็นไปได้ยาก หรือมีค่าใช้จ่ายสูงมาก หรืออาจเป็นอันตรายได้หากพกเงินสดจำนวนมากไป เช่น ในเขตภูเขาสูงของเนปาล เกาะต่างๆ ของมัลดีฟส์ หรือเขตป่าซาฟารีในเอธิโอเปีย ซึ่งนักท่องเที่ยวอาจจะสามารถจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตให้แก่โรงแรมที่พัก หรือจ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้ว แต่เมื่อจำเป็นต้องเดินทางกลับหรือซื้อสินค้าที่ระลึก ก็จำเป็นจะต้องจ่ายเป็นเงินสดในสกุลท้องถิ่น ซึ่งจะเกิดความยุ่งยากในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน หรือการหาเงินสดให้เพียงพอ
เครื่อง RTM เข้ามาตอบโจทย์ให้แก่การเดินทาง โดยเมื่อนักท่องเที่ยวเลือกการถอนเงินจากตู้ RTM ในโรงแรมที่พัก หรือร้านค้าที่ติดตั้งเครื่อง RTM ก็สามารถนำตั๋วที่มีรหัสรักษาความปลอดภัยพร้อมกับเอกสารยืนยันตัวตน ไปเบิกเงินสดจากรีเซปชันของโรงแรม หรือซื้อของจากแคชเชียร์ของร้านค้าได้ และใช้เงินสดนั้นเพื่อเดินทางกลับบ้านได้อย่างเพียงพอ
กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยธนาคารไม่ต้องขนส่งเงินสดด้วยตัวเอง นักท่องเที่ยวไม่ต้องถือเงินสดให้เสี่ยงต่อการถูกปล้น และร้านค้าก็ได้รับเงินทันทีเข้าบัญชีธนาคารหลังขึ้นรหัสในตั๋วเงินกับเว็บไซต์จัดการของธนาคาร
รวมถึงเครื่อง RTM ยังช่วยอำนวยความสะดวกผ่านระบบวิดีโอคอล เพื่อช่วยเหลือลูกค้าในการทำธุรกรรมที่ซับซ้อน การเปิดบัญชีออนไลน์ และการให้คำปรึกษาด้านธุรกรรมการเงินต่างๆ ในพื้นที่ห่างไกลได้อีกด้วย
รูปแบบการดำเนินงานของเครื่อง RTM จะลดค่าใช้จ่ายให้แก่ธนาคารและอำนวยความสะดวกอย่างมากให้แก่ร้านค้า รวมถึงลูกค้าที่ต้องการใช้เงินในที่ๆ จำเป็น
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าเครื่อง RTM จะดีไปหมดเสียทุกอย่าง
ขั้นตอนการดำเนินงานทั้งหมดที่กล่าวมา เท่ากับว่าต่อไปนี้ ธนาคารที่ใช้เครื่อง RTM จะไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนของการขนส่งและเก็บรักษาเงินสดอีกต่อไป แล้วผลักภาระให้แก่ร้านค้าและโรงแรมที่เข้าร่วมติดตั้งตู้ RTM แทน นอกจากนั้น ร้านค้าและโรงแรมยังต้องดูแลรักษาเครื่อง RTM พร้อมกับฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจกับการรับจ่ายตั๋วเงิน อีกทั้งยังต้องติดต่อเพื่อขึ้นเงินจากตั๋วเงินด้วยตนเอง
ในขณะเดียวกัน ลูกค้าก็ขาดความคล่องตัวในการเบิกเงินสด เนื่องจากตั๋วเงินจะนำไปใช้ได้เฉพาะกับร้านค้าและโรงแรมที่กำหนด ซึ่งอาจปิดกั้นโอกาสในการเลือกซื้อและใช้สินค้าและบริการเมื่อเทียบกับการถือเงินสดไปด้วยตนเอง
นอกจากนี้ การเข้ามาของ RTM ยังบีบให้เกิดการลดขนาดของสาขา ปลดพนักงาน และบีบลดสวัสดิการของพนักงานธนาคารรายคน ในขณะเดียวกันการบำรุงรักษาซอฟต์แวร์จัดการระบบก็ใช้การเอาต์ซอร์สไปยังบริษัทภายนอกซึ่งเป็นที่น่ากังวลในก้านการรักษาความปลอดภัยของระบบบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ไม่ต่างจากความกังวลของการรักษาความปลอดภัยระหว่างขนส่งเงิน
กว่าร้อยละ 60 ของธนาคารและสถาบันการเงินได้ให้ความเห็นว่า ระบบธนาคารอัตโนมัติและการใช้เครื่องจักรมาแทนพนักงานธนาคารเป็นเรื่องไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ผู้ใช้งานทั้งฝ่ายพนักงาน ร้านค้า และลูกค้าจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลงของธนาคารและใช้เทคโนโลยีของระบบการเงินทั้งหมด เพียงเพื่อจะทำให้กำไรของธนาคารสูงขึ้นมากโดยลูกค้าได้ความสะดวกเพิ่มเพียงเล็กน้อย
การมีตัวเลือกหลายอย่างเพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกได้เพื่อเพิ่มการแข่งขันในตลาดการเงินเป็นสิ่งที่ดี RTM ก็เป็นคลื่นลูกใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนการบริการแบบเดิมในการบริการเงินสดส่วนบุคคล แต่ผู้ที่ตัดสินว่าเทคโนโลยีใหม่นี้จะใช้ได้จริงหรือไม่ ก็อยู่ที่ผู้ใช้งานอย่างเราๆ นี่เอง