ความรักและความต้องการทางเพศไม่ใช่เรื่องที่แยกออกจากกันได้ทั้งหมด
ไม่ได้หมายความว่าทุกความสัมพันธ์รักต้องมีเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ไม่ว่าเราจะมีรสนิยมทางเพศยังไง มีความต้องการทางเพศหรือไม่ เซ็กซ์เป็นส่วนสำคัญที่อย่างน้อยต้องได้รับการพูดถึงกันในความสัมพันธ์ เพื่อสร้างข้อตกลงและเพื่อสื่อสารถึงความต้องการของกันและกัน และยิ่งในโลกที่ไม่ใช่ทุกรูปแบบความสนใจและรสนิยมทางเพศได้รับการพูดถึงอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง บ่อยครั้งภาพความคาดหวังในหัวของเราต่อคู่ของเราอาจไม่ตรงกัน
และที่น่าปวดหัวพอๆ กันภาพในหัวไม่ตรงกัน คือเมื่อความต้องการของเราไม่สอดคล้องกันในพื้นฐานของรสนิยม สมมติว่าเราเจอเข้ากับคนคนหนึ่ง เราทั้งคู่รักในตัวตนของกันและกัน นิสัยใจคอ หน้าตา วิธีการแสดงออกในหลากหลายแง่มุม ฯลฯ แต่เรื่องบนเตียงของเรามันจืดชืดเหลือเกิน แต่เราไม่อาจบอกได้ว่ามันคืออะไร ความไม่อาจเชื่อมต่อก็ไม่ใช่เพราะเรารักกันอยู่แล้ว ไม่เก่งหรือไม่ตั้งใจก็ไม่ใช่ เพราะในขณะที่เราทั้งคู่ตั้งใจในทุกสัมผัสแม้แต่น้ำหนักที่เราออกแรงบนปลายนิ้ว หรือทิศทางและท่าทางของเราทั้งคู่ให้สบายที่สุด ความรู้สึกไม่พึงใจเหล่านี้เกิดจากอะไร
แม้ว่าจะมีคำตอบมากมายที่เป็นไปได้ ความต้องการ Power Dynamic บนเตียงที่ไม่สอดคล้องกันอาจเป็นคำอธิบายที่ดีเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว
“ดังนั้นความปรารถนาในตัวผู้อื่นฝังติดอยู่ในตัวเรา เป็นสิ่งที่มีมาแล้วตั้งแต่แรก เป็นความปรารถนาจะหลอมรวมเข้ากันตามธรรมชาติแต่เดิม คือการรวมสองคนเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน” ส่วนหนึ่งของสุนทรพจน์โดยอริสโตฟาเนส (Aristophanes) ในวิวาทะเกี่ยวกับความรักซิมโพเซียม แม้ว่าแนวคิดอะไรต่างๆ ของนักคิดสมัยนั้นจะมีข้อชวนให้เกาหัวอยู่มาก การเสนอว่ารักอีโรติกคือการหาความสอดคล้องในกันและกันอยู่กับเรามาราวๆ 2,400 ปีแล้ว และหากเราไม่อาจถามหาความเห็นเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์กับบิดาแห่งสุขนาฏกรรมได้ก็ไม่รู้จะไปถามใครแล้วเหมือนกัน
Power dynamic บนเตียงคืออะไร? มาจากไหน? ถ้าไม่สอดคล้องจะเป็นยังไง? และจะเริ่มแก้ปัญหายังไงดีเมื่อเรามีปัญหานี้?
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า ‘Power Dynamic’ กันเสียก่อน เพราะเมื่อพูดถึงบทบาทบนเตียงว่ามีคนที่เป็นคนนำ คนชี้ทิศทางของการมีเซ็กซ์ครั้งนั้นๆ ที่เราเรียกว่า Dominant หรือ ดอม (Dom) และมีผู้ที่ทำตาม เป็นผู้ ‘ถูกกระทำ’ (โดย consent) ที่เราเรียกว่า Submissive หรือซับ (Sub) เรามักจะนึกถึงรสนิยม BDSM มากกว่าเซ็กซ์แบบอื่นๆ แต่ในความเป็นจริง power dynamic บนเตียงนั้นมีอยู่ในเซ็กซ์ทุกรูปแบบ
การมีเพศสัมพันธ์โดยพื้นฐานไม่ว่าจะสองคนหรือมากกว่านั้น มันคือกิจกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ และในขณะที่ไม่ได้มีความตั้งใจวางตำแหน่งว่าใครทำอะไร การจะเกิดกิจกรรมได้บ่อยครั้งเหลือเกินเรามักมีผู้เริ่ม ผู้ตาม คนกำกับทิศทาง ฯลฯ โดยไม่ต้องจำเป็นต้องมีโซ่แซ่กุญแจมือเป็นเครื่องบอกอำนาจ เพราะแค่เพียงวิธีการที่สัมผัส ความแรงในการบีบ อยู่ข้างบนหรือข้างล่าง ก็อาจเป็นเครื่องชี้วัดที่มากพอแล้ว
และนอกจากรสนิยมและความถนัดแล้ว ค่านิยมเกี่ยวกับเพศก็มีส่วนในการวาง power dynamic ตั้งแต่ต้น โดยในการมองของเราเราจะมีการทึกทักกันตั้งแต่ต้นว่าคนไหน ‘แมน’ หรือ ‘เป็นชาย’ ก็คือต้องรุก ส่วนใคร ‘สาว’ หรือ ‘เป็นหญิง’ ก็คือต้องรับ ไม่ว่าจะในความสัมพันธ์คู่ heterosexual, homosexual หรือทุกอย่างระหว่างกลาง เช่นนั้นแล้วอาจเรียกได้ว่า power dynamic ถูกฝังรากลงไปในตัวตนของเราตั้งแต่เราอยู่อาศัยในสังคมแล้ว
ฉะนั้นเมื่อพอจะรู้แล้วว่าเราแต่ละคนน่าจะมีความชอบที่เอนเอียงไปยังการเป็นดอมหรือซับอย่างน้อยก็เล็กๆ อยู่ในตัวเอง จะเกิดอะไรกันขึ้นมาเมื่อคนที่มี power dynamic แบบเดียวกันเข้ามาเจอกัน?
มาเริ่มกันที่คนที่เป็นดอม ลักษณะของการอยู่ในจุดนี้คือการเป็นคนที่ ‘สั่งการ’ หรือเป็นคนที่ ‘อยู่เหนือกว่า’ ซึ่งอาจจะอยู่ตรงไหนก็ได้ตั้งแต่การเป็นคนเริ่มก่อนในการมีเพศสัมพันธ์ เป็นคนที่อยู่ข้างบน เป็นคนกำหนดว่าให้อีกคนทำอะไร ไปจนเป็นคนควบคุมการไปถึงจุดสุดยอดของคู่นอน แต่เช่นเดียวกันกับการเป็นผู้นำไม่ว่าจะในประเด็นไหนในชีวิต การนำจำเป็นต้องมีคนตาม
หากคนที่ทำหน้าที่ดอมทั้งสองคนในความสัมพันธ์ไม่อาจยืดหยุ่นให้แก่กันและกันได้ อาจเกิดความหงุดหงิดต่อกันและกันได้บนเตียง ลองนึกภาพว่าตัวเราเป็นคนที่ชอบเป็นคนที่แอคทีฟในกิจกรรมอะไรสักอย่าง แต่เวลามีเพศสัมพันธ์กลับต้องเป็นฝั่งที่โดนบังคับอย่างกลายๆ ให้ต้องนอนเฉยๆ น่าจะเป็นเพศสัมพันธ์น่าหงุดหงิดพอสมควร
แต่ถ้าในขั้วตรงกันนั้น เมื่อซับเจอกันกับซับก็มีความกระอักกระอวนในรูปแบบของตัวเอง คนที่เป็นซับคือคนที่รับบทผู้ตามในการมีเพศสัมพันธ์ หรือสำหรับบางคู่ก็อาจจะเรียกกลับกันว่าเป็นคนที่ดอมต้องทำให้มีความสุขให้ได้ แต่ไม่ว่าจะมองในมุมไหน ในเชิงการกระทำ คนที่เป็นซับคือคนที่รับคำสั่ง เป็นฝั่งที่โดนควบคุม หรือในบางกรณีโดนลงโทษ (ตามการตกลงกัน)
แต่ปัญหาในความสัมพันธ์แบบซับเจอซับนั้นคือเมื่อทั้งสองคนเป็นผู้ถนัดตามมากกว่านำ การที่ใครสักคนต้องนำมากกว่าบ่อยครั้งอาจสร้างความเก้ๆ กังๆ เมื่อปฏิบัติกิจได้ คำถามที่อาจขัดมู้ดว่าอยากให้ทำอะไรต่อที่อีกคนเองก็ไม่รู้จะตอบยังไง หรือการต้องเป็นคนนำเพียงเพราะความคาดหวังในเพศของเราบอกว่าแมนๆ ต้องเป็นคนรุกสิทั้งๆ ที่เราอาจจะซับสุดๆ ไปเลยก็ได้ ซึ่งไม่ว่าจะดอมเจอดอม หรือซับเจอซับ ปัญหาเกี่ยวกับเพศแบบนี้อาจนำไปสู่ความรู้สึกไม่เติมเต็ม หรือบางครั้งอาจทำให้รู้สึกว่ากำลังถูกปฏิเสธ สูญเสียความมั่นใจในความสามารถในการมีเพศสัมพันธ์ของตัวเองได้
แต่เช่นนั้นแล้วแปลว่าถ้าชอบอย่างเดียวกันจะไม่สามารถปรับเข้าหากันได้เลยหรือยังไง? ในเมื่อเรารักคนคนนี้ไปแล้วทั้งใจแต่มันไปกันไม่ได้ในเรื่องเซ็กซ์เรื่องเดียวมันมีทางออกหรือเปล่า?
เช่นเดียวกับทุกอย่างในความสัมพันธ์และเซ็กซ์ ไม่มีคำตอบที่ครอบจักรวาลได้ทั้งหมด เราไม่อาจชี้นิ้วบอกว่าทำอะไร 1 2 3 4 แล้วจะนำไปสู่ชีวิตรักและเซ็กซ์ไลฟ์ที่สมบูรณ์แบบ เพราะคำตอบไม่ได้อยู่กับใครหรือตำราวิธีการมีเพศสัมพันธ์ 101 แต่อยู่กับตัวของคู่รักคู่นั้นๆ เอง
ถึงจะไม่อาจชี้ทางออกให้กับใครได้ แต่สิ่งที่ชี้ได้คือจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหา นั่นคือการสื่อสาร แน่นอนว่าการสัมผัสกันหรือการจับสังเกตสามารถสื่อสารได้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร การคุยกันตรงๆ ว่าเซ็กซ์แบบไหนเป็นแบบที่เราชอบ แบบไหนไม่ชอบคือจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดเพราะมันไม่เหลือช่องว่างให้เราต้องเดา และมันเป้นทางเดียวที่จะทำให้เรารู้ปัญหาที่เจาะจงคู่ของเราอย่างแท้จริง
บ่อยครั้งเหลือเกินที่เราไม่กล้าคุยกันเรื่องเพศ เพราะความรู้สึกขวยเขิน ความรู้สึกว่ามันสกปรก หรือเพราะความรู้สึกว่าการพูดเกี่ยวกับมันมากเกินไปจะทำให้เวทมนต์และความลึกลับของมันจางหายไป แต่การจะได้รู้จักกับความต้องการของคู่และของตัวเองเพื่อความสัมพันธ์ที่มีสุขภาพดีทั้งในกายและใจการคุยกันน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“เราจะผลัดกันรุกนะจะได้ไม่เหนื่อยคนเดียว” “วันนี้เราอยากจะลองอะไรใหม่ๆ กันดีมั้ย” “นี่เราเอนจอยการโดนทำมากกว่าเยอะเลยแฮะ” การค้นพบอะไรใหม่ๆ หรือการค้นพบสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคิดว่าจะชอบอาจจะเริ่มจากการคุยกันก็ได้
อ้างอิงข้อมูลจาก
เพลโต. (2556). ซิมโพเซียม ปรัชญาวิวาทะว่าด้วยความรัก [Symposium] (อัคนี มูลเมฆ, แปล). กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์ 1001 Nights. (ต้นฉบับพิมพ์ปี 385 ก่อนค.ศ.)