“ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม”
“ยุติการดำเนินคดีกับประชาชน”
“ทุกพรรคต้องเสนอยกเลิก ม.112 และ ม.116”
เพื่อนๆ นักเคลื่อนไหว และประชาชนทั่วไป ต่างพากันออกมาตอกย้ำข้อเรียกร้อง 3 ข้อนี้อีกครั้ง ในขณะที่เวลากำลังนับถอยหลัง
3 ข้อเรียกร้องดังกล่าว คือข้อเรียกร้องจาก ตะวัน—ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ แบม—อรวรรณ ภู่พงษ์ นักกิจกรรมอิสระ ที่ประกาศถอนประกันตัวเองเมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อแสดงจุดยืนเรียกร้องให้ศาลปล่อยผู้ต้องขังการเมืองทุกคน แต่เมื่อข้อเรียกร้องไม่เป็นผล จึงยกระดับด้วยการ ‘อดอาหารและน้ำ’ ใน 3 วันต่อมา คือวันที่ 18 มกราคม
ผ่านมาเกือบสัปดาห์ อาการของตะวันและแบมทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ทั้งสองถูกส่งตัวไปที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม ก่อนที่กรมราชทัณฑ์จะอนุญาตให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติตามคำขอ
“เหลือเวลาไม่มาก” คนรอบข้างเห็นตรงกัน
แต่ทั้งหมดนี้ ก็เป็นการตัดสินใจที่เจ้าตัวระบุว่าคิดมาดีแล้ว เป็นการตัดสินใจที่มาจากตัวตนของนักกิจกรรมทั้งสอง ที่ต้องการเห็นประชาธิปไตยและความยุติธรรมในสังคมไทย ท่ามกลางภาวะเงียบงันที่นักเคลื่อนไหวหลายคนยังต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ
ระหว่างนี้ The MATTER ชวนไปทำความรู้จักกับ ‘ตะวัน’ และ ‘แบม’ พร้อมรับฟังข้อเรียกร้องของพวกเธอทั้งสองกันอีกครั้ง

แบมและตะวัน ประกาศถอนประกันตัวเอง ที่ศาลอาญา วันที่ 16 มกราคม 2566
‘ตะวัน’ กับการอดอาหารถึง 2 ครั้ง เพราะไม่อาจทนเห็นความอยุติธรรม
ชื่อของ ‘ตะวัน’ เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างครั้งแรกเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2565 ในขณะนั้น ตะวันซึ่งเป็นนักกิจกรรมในสังกัดกลุ่มมังกรปฏิวัติ ได้ไปยืนไลฟ์สดก่อนมีขบวนเสด็จ ที่บริเวณตรงข้ามกับอาคารสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ (UN) ถนนราชดำริ ในวันที่ 5 มีนาคม การเคลื่อนไหวครั้งนั้นทำให้เธอถูกตำรวจล้อมหลายสิบนาย ถูกควบคุมตัว และถูกแจ้งข้อหา ม.112 และ ม.116 ก่อนจะได้รับการประกันตัว
แต่ คดี ม.112 ดังกล่าว ก็จะกลายเป็นเหตุให้ตะวันถูกคุมขังในเรือนจำครั้งแรก เมื่อศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนประกันในวันที่ 20 เมษายน 2565 โดยอ้างเหตุว่าเธอละเมิดเงื่อนไขประกัน จากการโพสต์ในเฟซบุ๊กของตะวัน 10 ครั้ง และมีการพยายามขับรถเข้าใกล้ขบวนเสด็จ
การคุมขังในเรือนจำจะยาวนานกว่า 1 เดือนเศษ ในระหว่างนั้น เธอจึงประกาศอดอาหารครั้งแรก เพื่อเรียกร้องสิทธิการประกันตัว ซึ่งกว่าจะได้ออกมาก็กินเวลานานถึง 37 วัน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานอาการของตะวันที่ทรุดหนักอยู่หลายครั้ง สุดท้าย ศาลอาญาก็มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 โดยมี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เป็นนายประกัน และมีเงื่อนไขจำกัดเสรีภาพมากมาย ทั้งให้ติดกำไล EM และห้ามออกจากเคหสถานตลอด 24 ชั่วโมง
ตะวันร่วมขบวนเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ปี 2563 แล้ว แต่ก่อนหน้านี้เพียงช่วยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง ตะวันเคยให้สัมภาษณ์กับ The MATTER ว่า เธอเคยเป็นการ์ด WeVo เมื่อปี 2563 เคยทำโพลทั้งในนามกลุ่มทะลุวัง และในนามส่วนตัว ตั้งแต่ปี 2564
ทั้งหมดนี้ เพื่อนนักกิจกรรมบอกว่า เป็นเพราะจิตใจบริสุทธิ์ที่หวังจะเห็นความเท่าเทียม และอุดมการณ์ที่ไม่อาจทนเห็นอยุติธรรม บุ้ง—เนติพร เสน่ห์สังคม นักกิจกรรมจากกลุ่ม ‘ทะลุวัง’ บอกกับเราว่า “น้องเป็นเด็กที่จิตใจดีมากๆ เลย ท้ายที่สุดตัวเขาเอง อุดมการณ์ของเขา มันพิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จิตใจเขาดี เขาเป็นเด็กที่จิตใจบริสุทธิ์มาก”
และแม้จะเป็นคนใจร้อน แต่นั่นก็มาจากก้นบึ้งของจิตใจที่ไม่อาจทนเห็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ จนต้องออกมาเคลื่อนไหว “เขาก็จะมีความหุนหันพลันแล่น ใจร้อน บุ้งรู้สึกอย่างนั้น แต่ว่ามันมาจากพื้นฐานจิตใจที่ดีของเขาว่า เขาทนเห็นเพื่อนโดนละเมิดสิทธิเสรีภาพไม่ได้ เขาทนเห็นคนไม่เท่ากันไม่ได้ จริงๆ แล้วเขาเจ็บปวดมานานแล้วกับการที่เรื่องของเพื่อนๆ ในเรือนจำมันเงียบ” บุ้งเล่า

ภาพของตะวัน ในกิจกรรม ‘ยืนหยุดขัง’ หน้าหอศิลปกรุงเทพฯ วันที่ 23 มกราคม 2566
‘แบม’ จากแนวร่วมเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม สู่จำเลยคดี ม.112
เช่นเดียวกับ ‘แบม’ ที่เคยบอกกับคนรอบข้างว่าทนเห็นเพื่อนโดนละเมิดสิทธิเสรีภาพไม่ได้เช่นกัน
ขวัญตา ชุณหะวัณ นางแบบที่รู้จักและได้คลุกคลีกับแบม เล่าให้เราฟังว่า “แบมเคยพูดนะ ว่าอยากให้นักโทษการเมืองที่โดนคุมขังได้ถูกกลับมาพูดถึงอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าหลังจากปี 2562-2563 ไป กระแสมันเงียบมาก และที่ทุกคนเคยออกมาตะโกนช่วยกันในเรื่องต่างๆ ที่น้องเรียกร้องมันหายไปกันหมด นักโทษบางคนก็โดนขังลืมมาเป็นปีแล้ว
“แบมก็เริ่มทนไม่ไหวกับความเงียบนี้ ก็เลยต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเพื่อนๆ ที่อยู่ในเรือนจำ”
ก่อนหน้านี้ แบมเริ่มมาจากการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม และเพื่อชาวบ้าน อย่างเช่น การเคลื่อนไหวของภาคีเซฟบางกลอย ซึ่งก็เป็นม็อบที่ทำให้ขวัญตาได้เจอกับแบมและตะวันครั้งแรก
“ทุกๆ การเคลื่อนไหวของชาวบ้านที่เป็นชาวบ้านชายขอบ ที่เขาไม่มีสิทธิมีเสียงพอที่จะพูด แบมก็ใช้ความเป็นเด็กรุ่นใหม่ในการสื่อสาร เช่น โพสต์ ทำป้าย ไปเดินกับพวกชาวบ้านเขาตลอด มันเป็นกิจกรรมที่แบมทำมาโดยตลอดอยู่แล้ว” ขวัญตาเล่า
ต่อมา จึงได้หันมาสนใจขับเคลื่อนเรื่องสิทธิมนุษยชน ด้วยเหตุผลที่ขวัญตาบอกว่า “แม้กระทั่งสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยยังไม่เข้าใจกันเลย จะนับประสาอะไรกับสิ่งแวดล้อมถูกไหม แบมก็เลยมาขับเคลื่อนเรื่องนี้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของแบม” หลังจากนั้น แบมก็ได้ไปเป็นส่วนหนึ่งในการทำโพลเรื่องขบวนเสด็จ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่ง ‘บุ้ง ทะลุวัง’ ก็เล่าว่า นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหน้ากัน โดยแบมได้วิ่งเข้ามาและให้ความช่วยเหลือ ขณะนั้นแบมเหมือนเป็น ‘สเกาต์’ ที่คอยสอดส่องว่าตำรวจอยู่ตรงไหน และสามารถเดินไปทำโพลที่ไหนได้บ้าง
การพบกันคราวนั้นทำให้บุ้งเล่าถึงบุคลิกของแบมว่า “ท่าทางดูเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญ” ส่วนขวัญตาบอกจากประสบการณ์ทีเคยสัมผัสกับแบมว่า “แบมเป็นคนน่ารัก เป็นคนใจดีมากเลยนะ ถึงปากจะแซบเหลือเกิน แต่มันทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ มันเพียวมากๆ เหมือนทำเพื่อคนอื่นจริงๆ”
แต่ท้ายที่สุด การไปช่วยทำโพลครั้งนั้นก็เป็นเหตุให้แบมถูกดำเนินคดีตามข้อหา ม.112 และ ม.116 โดยขณะนี้อยู่ในชั้นสืบพยานในศาลอาญากรุงเทพใต้

แบม ในระหว่างการประกาศถอนประกันตัวเอง ที่ศาลอาญา วันที่ 16 มกราคม 2566
“อิสรภาพจอมปลอม” นำมาสู่การยื่นถอนประกันตัวเอง
วันที่ 16 มกราคม 2566 ตะวันและแบม กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อพวกเธอทั้งสองเดินทางมาที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่น ‘ถอนประกันตัวเอง’ โดยระบุว่า เป็นการ “แลกอิสรภาพจอมปลอม เพื่ออิสรภาพที่แท้จริง” ด้วยการใช้การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของตัวเองเรียกร้องให้ศาลปล่อยตัวผู้ต้องขังการเมืองทุกคน
ที่ว่าเป็น ‘อิสรภาพจอมปลอม’ ก็คงไม่เกินจริงนัก ทั้งสองถูกดำเนินคดีด้วย ม.112 และ ม.116 ก่อนหน้านี้ ตะวันเคยต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำร่วมเดือนกว่า แม้จะยังไม่มีคำพิพากษา และแม้จะได้รับการประกันตัว ทั้งสองก็ถูกผูกมัดด้วยเงื่อนไขประกันมากมาย
เช่นในกรณีของตะวัน ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขศาลที่ไม่ให้ออกจากเคหสถานตลอด 24 ชั่วโมง
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรวบรวมคำร้องขอออกนอกบ้านที่ผ่านมาของตะวัน พบว่า ตะวันเคยเขียนคำร้องเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2565 ขอไปชมงานดนตรี ‘Demo Expo’ แต่ศาลก็ไม่อนุญาต เคยเขียนคำร้องขอไปกินข้าวและเที่ยวกับครอบครัวและเพื่อนๆ ในวันที่ 6-11 ธันวาคม 2565 แต่ศาลก็อนุญาตเพียงแค่ 2 วัน และทุกครั้งที่ได้ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน ก็ต้องมาจากการเขียนคำร้องขอศาลทั้งหมด
ด้วยภาวะเงียบงันที่นักโทษทางการเมืองหลายคนยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ซ้ำร้ายยังมีกรณีของ ใบปอ—ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ นักกิจกรรมจากกลุ่มทะลุวัง และ เก็ท—โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักกิจกรรมจากกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ที่เพิ่งถูกถอนประกันอีกครั้งเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้ตะวันและแบมจึงตัดสินใจประกาศแลกอิสรภาพของตัวเองเพื่อแสดงจุดยืน

แถลงการณ์จากตะวันและแบม (ขอขอบคุณภาพจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน)
“ศาลไม่สมควรแสดงความหน้าด้านไร้ยางอายปริปากสั่งสอนว่าอิสรภาพที่ให้มานั้นคืออิสรภาพ หากแต่เป็นอิสรภาพจอมปลอมที่พ่วงมาด้วยเงื่อนไขที่ลิดรอนสิทธิ ดังนั้น อิสรภาพจอมปลอมและลวงหลอกเช่นนี้ พวกเราพร้อมแลกเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพที่แท้จริงของเพื่อนเรา
“…และรวมถึงเหล่าพรรคการเมืองที่ไร้ซึ่งกระดูกสันหลัง ไร้ซึ่งความกล้าหาญทางจริยธรรม โอนเอนไปตามกระแสของอำนาจ ยอมหมอบกราบโดยละทิ้งความเป็นมนุษย์ไปโดยสิ้นเชิง” คือข้อความส่วนหนึ่งของแถลงการณ์จากตะวันและแบม
การถอนประกันวันที่ 16 มกราคม มาพร้อมกับข้อเรียกร้อง ที่มีเวลาให้ศาลและพรรคการเมือง 3 วัน ได้แก่
- ต้องมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ศาลต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพในการแสดงออกเป็นอย่างแรกมาก่อนสิ่งอื่นใด ต้องเป็นอิสระ ปราศจากอำนาจนำ ปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน และผู้บริหารศาลต้องไม่แทรกแซงกระบวนการพิจารณาคดี
- ยุติการดำเนินคดีกับประชาชนที่ใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การชุมนุม และการแสดงออกทางการเมือง
- พรรคการเมืองทุกๆ พรรคต้องเสนอนโยบายเพื่อประกันสิทธิเสรีภาพ และการมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยการยกเลิก ม.112 และ ม.116

3 ข้อเรียกร้องของตะวันและแบม
อดอาหารและน้ำจนกว่าเพื่อนๆ จะได้ออกมา
แต่เมื่อข้อเรียกร้องยังไม่เป็นผล ตะวันและแบมจึงประกาศยกระดับอีก ด้วยการ ‘อดอาหารและน้ำ’ หรือที่เรียกว่า ‘dry fasting’ ในเรือนจำ ตั้งแต่วันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา
“ขอยืนยันอย่างหนักแน่นเหมือนเดิมว่า ต่อให้พวกเราจะอดอาหารและน้ำก็ตาม เราจะไม่มีวันที่จะยื่นประกันตัวเอง จนกว่าเพื่อนของเราทุกคนจะได้ออกมา และข้อเรียกร้องเหล่านี้เป็นผล เราพร้อมที่จะแลกชีวิตกับการต่อสู้ครั้งนี้” ตะวันและแบมกล่าวในวิดีโอที่บันทึกไว้ล่วงหน้า
ขณะที่ก่อนหน้านั้นในวันยื่นถอนประกัน ทั้งสองยังย้ำด้วยว่า “อยากจะขอให้ทุกคนเชื่อมั่นพวกเรา ว่าพากเราได้คิดกันมาอย่างดีแล้วว่าเราทำไปเพื่ออะไร”
ล่าสุด ตะวันและแบมยังบอกผ่านทนายความที่เข้าเยี่ยมวันที่ 22 มกราคม ด้วยว่า “พวกหนูไม่เคยคิดว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาด ย้อนกลับไป ต่อให้ตอนนี้หนูรู้แล้วว่ามันจะทรมานขนาดนี้ คือมีเลเวล 100 หนูให้ล้าน หนูก็จะทำต่อไป แม้ว่าตอนนี้ร่างกายพวกหนูมันจะแย่มากๆ ทรมานมากๆ ไม่รู้เลยว่าจะผ่านไปถึงวันพรุ่งนี้ยังไง พวกหนูจะพยายามอยู่ให้ได้”
โดยในวันที่ 23 มกราคม อาการของตะวันและแบมเริ่มทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด ศูนย์ทนายฯ อัพเดตอาการของทั้งสอง ซึ่งถูกนำตัวส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม ว่า ตะวันอ่อนเพลียจนหมดสติในห้องน้ำ และล้มหัวฟาดพื้น แต่ปฏิเสธไม่ตรวจสแกนหาความผิดปกติด้วยเครื่องเอกซเรย์ ทั้งสองปากแห้งจนแตกและขาวซีด อิดโรย อ่อนแรง อาเจียน นอนไม่หลับ ตะวันน้ำหนักลดไปเกือบ 5 กิโลกรัม ส่วนแบมลดไปกว่า 6 กิโลกรัม
การอดอาหารและน้ำแบบ ‘dry fasting’ เช่นนี้ เคยมีรายงานที่จัดทำโดยสมาคมการแพทย์อังกฤษ (British Medical Association) เมื่อปี 2549 ระบุว่า จะทำให้ขาดน้ำ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถอยู่รอดได้ และอาจเสียชีวิตภายในสัปดาห์เดียว
ทั้งเจ้าตัวเองและคนรอบข้าง ต่างก็รู้ดีว่า เดิมพันครั้งนี้อาจต้องแลกด้วยชีวิต – แต่ก็จะไม่หยุดจนกว่าข้อเรียกร้องทั้งหมดจะเป็นผล
‘บุ้ง ทะลุวัง’ บอกกับเราว่า “ตอนแรกบุ้งพูดตามตรงเลยว่าบุ้งไม่เห็นด้วย เพราะบุ้งมีความรู้สึกว่า ราคาที่จ่ายมันสูงมาก แล้วบุ้งก็พูดตามตรงว่า บุ้งยกมือไหว้เขาเลยว่า เฮ้ย พี่บุ้งไม่แน่ใจว่าพี่บุ้งจะมูฟงานข้างนอกอะไรยังไงให้สามารถช่วยเขาออกมาให้ทันท่วงที เขาก็บอกว่า มันเป็นแผนที่เขาตั้งใจทำมาอยู่แล้ว ถ้าไม่ชนะ ก็ตาย มีแค่สองอย่าง นี่คือสิ่งที่เขาคิดเอาไว้แล้ว
“แต่ด้วยความที่เขาเป็นน้องเรา เราก็เลยต้องช่วยเขา พอมาถึงจุดนี้ บุ้งเริ่มเห็นมูฟเมนต์หลายๆ อย่างเกิดขึ้น และบุ้งก็เริ่มมีความหวังมากขึ้นว่า จริงๆ แล้ว เราไม่มีทางรู้หรอกว่า วิธีการไหนมันจะสำเร็จ เราไม่มีทางรู้เลยว่า วิธีการของตะวันจะสำเร็จหรือเปล่า หรือวิธีการของคนอื่นๆ จะสำเร็จหรือเปล่า เพราะว่าเรายังไม่เคยชนะเผด็จการกันเลย ฉะนั้น มันก็เลยสอนให้บุ้งเรียนรู้ว่า เราเคารพทุกวิธีการจริงๆ”
“ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม”
“ยุติการดำเนินคดีกับประชาชน”
“ทุกพรรคต้องเสนอยกเลิก ม.112 และ ม.116”
3 อย่างนี้คือข้อเรียกร้อง ที่จะไม่ทำให้ตะวันและแบมยุติการอดน้ำอดอาหาร จนกว่าจะได้รับการตอบรับ