เนื่องในวันแม่ เราจึงควรไปคุยกับ ‘แม่’
ป้าสุข
อายุ : 66 ปี
“แต่ก่อนเคยทำงานบริษัท ได้เงินเดือน 6,000 บาท ถ้าไม่หยุดเลยจะได้เบี้ยขยัน 600 บาท วันหนึ่งเขาบอกเศรษฐกิจไม่ดี เลยตัดเบี้ยขยันออก เหลือแต่เงินเดือน ต่อมาเขาตัดอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 5,400 บาท ต่อมาก็ยังเอาอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เราเลยไปบอกเขาว่า ‘ทำไมไม่สงสารกันบ้าง แฟนก็ตกงาน ลูกก็กำลังเรียน บ้านก็กำลังผ่อน’ เขาถามกลับว่า ‘แล้วเธอจะเอายังไง’ เราขอเงินชดเชย 6 เดือน แล้วจะออกเลย เราอยู่ที่นั่นมาสิบกว่าปีก็จริง แต่ชื่อถูกย้ายไปบริษัทนั้นบริษัทนี้ เขาก็ไม่ยอม สุดท้ายก็ได้มา 3 เดือน แล้วออกมาเลย
“ตอนนั้นเพื่อนล้างจานอยู่ที่นี่ (โรงอาหารใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์) แต่ก่อนร้านอาหารเป็นของมหาวิทยาลัย เรามาของานทำ แต่ก็ไม่มีงาน เรามาเกือบทุกวัน พยายามจะหางานให้ได้ เพราะถ้าไม่ทำงาน ทางบ้านจะเดือดร้อน จนกระทั่งวันหนึ่งคนขาด เลยได้มาล้างจานที่นี่ตอนปี 2545 เหนื่อยมาก เหนื่อยที่สุดเลย ล้างตั้งแต่เช้าถึงสองทุ่ม ทำอยู่ 2 ปี เราถูกร้านอาหารต่อว่า ทำไมร้านนั้นได้จานเยอะ ร้านนี้ได้น้อยกว่า จนวันหนึ่งมีคนไปฟ้องข้างบน แต่ไปฟ้องว่าล้างจานไม่สะอาด มีขี้แมลงสาปเยอะ ที่มันมีเพราะบางทีเขาไม่เอาจานมาให้ เอาไปแอบๆ ไว้ ขี้แมลงสาปก็ลง เราทำผ่านบริษัทข้างนอก พอบริษัทโดนเอาออก เราเลยต้องหางานใหม่ เผอิญมีร้านหนึ่งกำลังหาคนเก็บจาน-เช็ดโต๊ะ เลยได้ทำต่อเรื่อยมาจนถึงตอนนี้
“ทุกวันนี้ต้องมาตั้งแต่ตีห้า มาถึงก็เช็ดโต๊ะ เอาขยะที่แม่ค้าทำกับข้าวตอนเช้าไปทิ้ง พอคนเริ่มมากิน เราก็เอาเศษอาหารเท แล้ววิ่งไปทิ้งขยะ หมุนวนไปแบบนี้จนถึงเกือบสองทุ่ม ปีนี้อายุ 66 แล้ว เหนื่อยก็ต้องทน แฟนเพิ่งไปนอนอยู่โรงพยาบาล ฟอกไต ผ่าขาเพราะน้ำในเข่าเยอะ เขายังช่วยตัวเองไม่ได้ เราต้องไปเฝ้าทุกคืน ให้ลูกสาวเฝ้าตอนกลางวัน พอตกเย็นเขาค่อยไปทำงานร้านสะดวกซื้อ ช่วงนี้เลยต้องให้เพื่อนช่วยเช็ดโต๊ะตอนเย็น เพราะเราต้องรีบไปโรงพยาบาล ตอนเช้าก็ต้องให้เขาช่วยเช็ดโต๊ะด้วย เพราะกว่าจะมาถึงก็เก้าโมงแล้ว”
เจ๊อุ๊
อายุ : เป็นความลับ
“หลังจากแม่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง อี๊เลยพาหลานๆ ไปช่วยดูแล น้องสาวไปช่วยขายข้าวมันไก่อยู่แถวสะพานใหม่ ผ่านไปหลายปี เขามาเปิดของตัวเองอยู่แถวราชเทวี เราช่วยน้องสาวทำ ต่อมาเขาไปทำอย่างอื่น เราเลยทำต่อ ตอนนั้นคิดว่าขายแค่ข้าวมันไก่มันน้อยไป เลยไปขอสูตรข้าวขาหมูจากเพื่อนของพี่ชายมา ค่อยๆ ดัดแปลงให้เป็นของเราเอง แล้วเริ่มขายที่สายใต้ ขายอยู่ที่นั่น 4-5 ปี จนย้ายไปอยู่แถวพุทธมณฑลสาย 1 บรรยากาศตรงนั้นเลยร้าง ตอนนั้นคณะบัญชีมีออเดอร์ข้าวมันไก่มาเลี้ยงคนเรียนปริญญาโท โรงอาหารตรงคณะสังคมสงเคราะห์ (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์) ว่างอยู่พอดี เลยมาติดต่อ และเริ่มขายมาตั้งแต่ปี 2548
“ร้านลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอด มีเรื่องเสื้อเหลือง-เสื้อแดง มหาวิทยาลัยก็ปิด น้ำท่วมก็ปิด เราเลยลองไปเปิดอีกร้าน แล้วให้แฟนทำที่นี่ไป แต่ก็ทำไม่ไหว ตอนนี้เลยให้เขาเซ้งอีกที่ไปแล้ว เพิ่งย้ายมาขายตรงนี้ (โรงอาหารใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์) เดือนมีนาคม ตอนนั้นไก่กิโลละ 60 บาท ตอนนี้ขึ้นมาเป็น 77 บาท เนื้อสัตว์มีแต่ขึ้นราคา แต่ขายให้นักศึกษามันขึ้นราคาไม่ได้ ถ้าจะขายกำไรน้อยๆ เราต้องเน้นหัวเยอะๆ แต่ช่วงนี้ปิดเทอม คนกินไม่ค่อยมี มันอยู่ไม่ได้ (เน้นเสียง) เคยขายได้มากสุดสองร้อยกว่าจาน แต่ตอนนี้บางทีหายไปสักครึ่ง แต่เราต้องจ่ายค่าจ้างให้ลูกน้องทุกวัน
“ตอนนี้คิดไว้หลายทาง แต่ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า เราอยากหาบ้านที่สามารถเปิดกิจการได้ด้วย ถ้าผ่อนบ้าน เราก็เอาค่าผ่อนมาเป็นค่าเช่าที่ เป็นทั้งบ้านและที่ขายของ แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ ถ้าเราไปลงทุนขาย มันจะดีจริงหรือเปล่า แล้วจะมีรายได้พอผ่อนหรือเปล่า พูดยาก เรายังไม่รู้อนาคตเหมือนกัน”
แม่คนหนึ่ง
อายุ : ยี่สิบกลางๆ
“เราเป็นเด็กเรียนเก่ง ทำตัวอยู่ในกรอบ เป็นลูกที่ดีมาตลอด มีแฟน แต่ก็ยับยั้งชั่งใจเรื่องนั้น ช่วงเรียนอยู่ปี 1 เรามารู้ว่าพ่อมีอีกครอบครัว ซึ่งสมัยเด็กๆ เราเคยระแคะระคาย เพราะไปเจอข้อความที่ผู้หญิงคนหนึ่งส่งมาในโทรศัพท์ของพ่อ โทรไปถามว่าเป็นใคร เขาก็วางสาย ไปถามพ่อ ก็ได้คำตอบว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก เราเป็นห่วงแม่ ไม่อยากให้เขาเสียใจ เลยดีลกับความรู้สึกนั้นด้วยตัวเองมาตลอด พอรู้ความจริงจากปากของพ่อ เพราะเขาคิดว่าเราโตแล้ว ปรากฏว่าแม่รู้เรื่องมาตลอด ลูกของครอบครัวนั้นก็รู้ว่ามีเราเป็นพี่ เราคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องนี้เลย ตอนนั้นโกรธมาก เรายับยั้งชั่งใจไปเพื่ออะไร เราก็มีความอยากในเรื่องนั้น เลยมีอะไรกับแฟน ตอนนั้นป้องกันนะ ใส่ถุงยางอนามัย แต่มันหลุดไปตอนไหนไม่รู้ พอรู้ว่าพลาด ก็กินยาคุมฉุกเฉิน แต่เวลาผ่านไป ประจำเดือนไม่มา ซื้อเครื่องมาตรวจ ก็ขึ้นว่าท้อง ไปตรวจที่โรงพยาบาล ผลก็ท้องเหมือนกัน
“แฟนให้เราเป็นคนตัดสินใจ ตอนนั้นคิดว่าอนาคตยังไปได้อีกไกล เราไม่ควรต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เลยหาข้อมูลเรื่องทำแท้ง พอไปที่คลินิก เจ้าหน้าที่บอกว่าอายุครรภ์น้อยเกินไป ต้องสองสามเดือนค่อยมาใหม่ เมื่อถูกปฏิเสธ เลยมาคิดว่าจะบอกพ่อหรือแม่ก่อน เราไม่อยากให้แม่เสียใจ เลยตัดสินใจบอกพ่อ คิดในใจว่าเขาคงให้ทำแท้ง ปรากฏว่าผิดคาด พ่อขอร้องว่าให้เก็บไว้ แล้วเขาจะช่วยเลี้ยงเอง อย่าเพิ่งบอกแม่ เดี๋ยวไปคลอดที่บ้านพ่อ ซึ่งอยู่คนละจังหวัด แต่เราสนิทกับแม่ สุดท้ายเลยบอกไป แม่ลังเลว่าจะให้เอาออกหรือเปล่า ส่วนแม่ของแฟนอยากให้เอาออก ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ บ้านเราก็ไม่ได้ยากจน ทำไมจะเลี้ยงไม่ได้ แล้วเราไม่อยากกลับมาเสียใจทีหลัง ตอนนั้นพ่อบอกเราว่า ‘การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราจะช่วยกัน’ มันทำให้เราเปลี่ยนความคิดต่อพ่อ ไม่ว่าอดีตของพ่อจะเป็นยังไง แต่เขาเป็นคนที่รับผิดชอบ ทำหน้าที่พ่อของสองครอบครัวได้ดีมาก พ่อรักเราและซัพพอร์ทเราทุกอย่าง
“เรายังเรียนอยู่จนท้อง 6 เดือน ภายนอกดูเป็นคนอ้วนขึ้น แต่แทบไม่มีใครรู้ว่าท้อง เราดรอปเรียนไปหนึ่งเทอมโดยให้เหตุผลว่ามีปัญหาทางบ้าน เราย้ายไปอยู่บ้านพ่อ สังคมของพ่อที่นั่นไม่รู้ว่าเขามีเราเป็นลูก ไปไหนด้วยกันเลยมีคนคิดว่าเป็นเมียน้อย เราเลยไปฝากครรภ์คนเดียว ไปซื้อของคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว ถ้าไปด้วยกัน ก็ไปไกลจากสังคมของเขาหน่อย พ่อเองก็แก่แล้ว เขาไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่เราเองที่คิดมาก ช่วงนั้นเราเกิดคำถามว่า ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ ทั้งที่เราทำสิ่งนี้ด้วยกัน แต่เขายังไปเรียน มีสังคม และเป็นเราที่ต้องสูญเสียอยู่คนเดียว ถึงขนาดเป็นโรคซึมเศร้าไปเลย
“ตอนนี้น้องอายุ 6 ขวบแล้ว เขาอยู่ที่บ้านแม่ เราไปหาเขาทุกสัปดาห์ การได้เห็นเขาเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เป็นเด็กดี เป็นที่รักของญาติๆ เราก็ภาคภูมิใจนะ หากใครสักคนท้องและคิดจะเอาไว้ เราว่าสังคมควรเอื้อให้เขาสามารถเลี้ยงลูกได้อย่างมีคุณภาพ เช่น สถานรับเลี้ยงเด็กช่วงกลางวันที่ปลอดภัยและราคาไม่แพง เพื่อคนเป็นแม่ยังมาเรียนได้ หรือไปทำงานช่วงกลางวัน เพราะคนจำนวนไม่น้อยที่ไปทำแท้ง เพราะการเงินไม่พร้อม
“เหตุการณ์ที่เล่าก็ผ่านมานานแล้ว เรากับพ่อของลูกก็หย่ากันแล้ว แต่นอกจากคนที่สนิทจริงๆ ไม่มีใครรู้เรื่องเลย เราไม่ได้อยากปิดบังนะ ถ้ามีเหตุต้องเล่า ก็เล่าได้ แต่ในอีกด้านมันก็มีความกลัว เราทำงานอยู่ภาคราชการ ซึ่งมีแต่คนอายุเยอะๆ เคยมีผู้บริหารคนหนึ่งเอ็นดูเรา พาไปประชุมที่ต่างๆ ก็มีคนอิจฉาแล้วปล่อยข่าวว่าเป็นเมียน้อย หลังจากนั้นเราไม่ค่อยได้รับมอบหมายงาน ความดีความชอบก็ไม่มี ซึ่งมันมีผลต่อการขึ้นเงินเดือน ตอนนี้แม่ก็อยากให้พูดแล้ว เพราะปิดบังไปนานๆ เราจะกลายเป็นคนตอแหล แต่ถ้าบอกไปแล้วเกิดผลกระทบกับงาน เราเองก็ไม่พร้อมจะรับตรงนั้น”