สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 กลับมารุนแรงอีกครั้ง และอาจจะรุนแรงกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากในครั้งนี้เป็นสายพันธุ์อังกฤษ หรือ B.1.1.7 ที่ระบาดอยู่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทั้งในและนอกประเทศยืนยันว่าสายพันธุ์นี้สามารถแพร่ระบาดได้เร็วขึ้นสูงสุดถึงร้อยละ 70 อย่างไรก็ตาม ยังเป็นเรื่องถกเถียงกันว่า สายพันธุ์นี้ร้ายแรงต่อชีวิตมากกว่าสายพันธุ์เดิมจริงไหม
การแพร่ระบาดครั้งนี้ ยังทำให้มีบุคคลมีฐานะหลายคนติดเชื้อ อาทิ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตลอดจน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
และหากนับกันโดยไม่คิดมาก ครั้งนี้นับว่าเป็นการแพร่ระบาดระลอกที่สามแล้ว ห่างจากระลอกใหญ่ที่เกิดขึ้นในจังหวัดสมุทสาครเพียง 4 เดือน นำไปสู่คำถามถึงตัวเลขผู้ได้รับวัคซีนที่ขณะนี้ผู้ได้รับเข็มแรกมีเพียงร้อยละ 0.4 ของประชากรไทย ขณะที่ผู้ได้รับเข็มที่สองมีเพียงร้อยละ 0.1
และคงไม่มีใครจะเผชิญสถานการณ์น่าห่วงไปกว่าผู้ที่อยู่ในใจกลางการแพร่ระบาดอีกแล้ว The MATTER จึงได้ลงพื้นที่ทองหล่อเพื่อพูดคุยกับพ่อค้า-แม่ขาย รวมถึงผู้คนที่ใช้ชีวิตและทำมาหากินอยู่บริเวณนั้น ถึงความกังวลในสถานการณ์การแพร่ระบาด และความหวังสุดท้ายถึงวัคซีน
ลุงสัญ-ซ่อมรองเท้า และ ป้าเป้า-แผงหวย
ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ มีแผงซ่อมรองเท้าอยู่แห่งหนึ่ง เจ้าของมันคือ ลุงสัญ (นามสมมุติ) ชายวัยปลายกลางคนในแว่นสายตาทรงกลม เขาพูดถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในตอนนี้ว่า “กลัวจนเลิกกลัวไปแล้ว” ก่อนเล่าต่อว่าทุกวันนี้ลูกค้าน้อยลงเยอะชนิดที่ว่าเขาไม่มีเงินเก็บและมีรายได้เพียงพอแค่วันต่อวัน
ตรงข้ามกับ ป้าเป้า หญิงชราวัย 80 ปีที่ตั้งโต๊ะขายหวยอยู่เยื้องออกไปไม่ห่างนัก เธอบอกว่าไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง แต่ “กลัวมาก กลัวที่สุด แต่ป้าไม่ค่อยรู้เรื่องเลย มันมีการแพร่ระบาดแถวนี้หรอ?”
เมื่อเราถามถึงเรื่องวัคซีน ทั้งคู่ให้คำตอบคล้ายๆ กันว่า “ไม่กล้าฉีด”
“ป้าไม่รู้เรื่องวัคซีนเลย ไม่กล้าฉีดด้วย ป้าอายุ 80 แล้วนะ กลัวฉีดแล้วตาย” ป้าเป้าพูดแล้วขยับแมสก์ให้มาอยู่เหนือจมูก
ทางด้านลุงสัญกล่าวคล้ายกัน แต่คนละเหตุผลว่า “ผมไม่กล้าฉีดหรอก เพราะผมกลัวเข็ม (หัวเราะ) และผมไม่รู้ด้วยว่าฉีดแล้วจะเป็นอย่างไร” เขากล่าวพลางระลึกความหลังว่า “ถ้าเป็นสมัยหนุ่มๆ อาจจะฉีดก็ได้”
พลและเพชร สองหนุ่มรถกะป้อ
ริมฟุตบาทต้นซอยทองหล่อ สองหนุ่ม พลและเพชร (นามสมมุติ) กำลังยืนคุยกันอย่างออกรสชาติ ข้างกายพวกเขาคือรถกะป้อคู่ใจที่วันนี้เบาะด้านหลังร้างคน ไร้ผู้โดยสาร
พล กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบใหม่ว่า “คิดว่าทุกคนเป็นกังวลและกลัวนะ แต่เราต้องทำมาหากิน ก็ต้องป้องกันตัวเอง ใส่แมสก์ พกเจลล้างมือ คอยพกเจลไว้ติดรถและเช็ดบ่อยๆ”
“เราก็ต้องป้องกัน เศรษฐกิจมันก็ย่ำแย่อยู่แล้ว ทำมาหากินฝืดเคือง” เพชรกล่าวเสริม
เราถามทั้งคู่ต่อว่าที่ ‘ย่ำแย่’ คือประมาณไหน “เยอะอยู่ หายไปครึ่งหนึ่งได้” พลกล่าวก่อนที่เพชรจะรับต่อว่า “ครึ่งต่อครึ่งเลย”
“อยากกลับบ้านพี่ ผมจะร้องไห้แล้วเนี่ย” พลตอบคำถามเราถึงแผนในช่วงสงกรานต์พลางหัวเราะ ก่อนที่จะกล่าวต่อว่า “ผมอยู่บุรีรัมย์ บอกเนวินหน่อยผมอยากกลับบ้าน” เขาหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม
เพชรพยักหน้างึกงักเห็นด้วยกล่าวเบาๆ ว่า “ตอนแรกวางแผนจะกลับบ้านเหมือนกัน”
พอถามว่า ถ้าหากมีวัคซีนคิดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นไหม คราวนี้เพชรชิงตอบก่อนว่า “มันก็มีวัคซีน แต่มันไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ มันไม่ช่วยอะไร”
“ไม่แน่ใจว่าจะไปฉีดไหม เพราะผลกระทบมันก็มีอยู่” พลเสริม
“ถามว่าฉีดแล้วถ้าเราแพ้ยาจะมีผลข้างเคียงอะไรไหม” เพชรกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“แต่ถ้ามีให้ฟรีก็ฉีดนะ” พลกล่าวทิ้งท้าย เรียกเสียงหัวเราะให้เราทั้งสามคน
ป้าสุนีย์ ขายขนม
“เงียบมาก ช่วงนี้ทำของน้อยลงๆ ปกติเคยขายได้ 5,000-6,000 บาท ตอนนี้ยังไม่ถึง 3,000 บาทเลย ตั้งแต่มีโรคนี้ขึ้นมา ตกลงไปเยอะ ครั้งแรกยังไม่เท่าไร พอมาเจอครั้งนี้อีกลำบากเลย”
ป้าสุนีย์ (นามสมมุติ) เดินเข็นรถเข็นที่ภายในบรรจุขนมหวานทั้งขนมชั้น ขนมตาล ทองหยิบ ทองหยอดไปตามถนนย่านทองหล่อ ข้างกายของเธอมีหลานสาวตัวน้อย หัวหยิกวัยน่าหมั่นเขี้ยว กำลังหิ้วตะกร้าที่ข้างในเป็นลูกอมคละรสแพ็คขายซองละ 5 บาท
“กลัวมาก กลัวที่สุดในโลกเลย เพราะเป็นขึ้นมามันไม่รอดนะ ตายกับตายอย่างเดียว เราเจอคนเยอะด้วย ก็ต้องใส่แมสก์อยู่ตลอด เพิ่งได้ถอดตอนเดินออกจากบ้านมาเนี่ย” ในสายตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล
“สงกรานต์นี้ป้าจะไม่ไปไหนเลย จะอยู่แต่ในบ้านอย่างเดียว ไม่เล่นอะไรกับใครทั้งนั้น อยากกลับบ้านยังไม่กล้ากลับเลย” เธอเล่าให้ฟังต่อว่าสงกรานต์นี้ ลูกสะใภ้ของเธอชวนเธอไปเที่ยวบ้านที่ระยอง แต่เธอได้แต่ปฏิเสธ ไม่ใช่ไม่อยากไป แต่เพราะกลัวจะติดโรคจากที่นั่น หรืออีกทางหนึ่งอาจเป็นเธอเองที่ไปแพร่เชื้อให้พวกเขา
ก่อนจากกันเราถามเธอถึงเรื่องวัคซีนว่าอยากฉีดไหม เธอตอบว่า “ถ้าให้ฉีด ก็จะฉีด เพราะถ้าไม่ฉีดก็ไม่รู้จะติดเมื่อไร”
แล้วคิดว่าจะได้ฉีดไหม เราถามต่อ “…. คิดว่าคงได้ฉีดและ เพราะป้าอยากฉีดอยู่แล้ว กลัวมากๆ โรคนี้ กลัวเหลือเกิน กลัวที่สุด”
วินหน้าซอยสุขุมวิท 25
ก่อนที่เราจะออกจากย่านทองหล่อ เราขับมอเตอร์ไซค์มาที่หน้าซอยทองหล่อ 25 หรือจุดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดจากการประกาศล่าสุดของ ศบค. ก่อนเดินเข้าไปพูดคุยกับชายและหญิงที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์อยู่บริเวณป้ายวินมอเตอร์ไซค์ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“เงียบครับผม เงียบมาก เงียบแบบดูที่เห็นสามทุ่มไม่มีรถวิ่งเลย ไฟหายหมด ลูกค้าไม่มีขึ้นเลย อย่างงี้ตาย” จันทร์ (นามสมมุติ) พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบห้าวก่อนกล่าวต่อว่า
“มันกำลังจะดีขึ้น ก่อนหน้านี้เราวิ่งได้วันละ 300-400 บาทแล้ว แล้วก็มาเป็นแบบนี้อีก ลดลงครึ่งหนึ่งเลย เหลือไม่เกิน 300 บาท ถามว่าพอใช้ไหม มันไม่พออยู่แล้ว แต่ก็ต้องประหยัดเอาไง คาดเดาไม่… “
“ค่าห้อง ค่างวดรถ ทำอย่างไรมันก็ไม่พอ” จอร์จ (นามสมมุติ) วินมอเตอร์ไซค์ที่นั่งข้างๆ พูดแทรกขึ้น
“ก็รู้ ไม่พอทำไง มันก็ต้องทน”
เราถามทั้งสองถึงวันหยุดยาวสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง จันทร์พูดขึ้นก่อนว่า “พอเกิดเหตุตรงนี้ คิดว่าคนคงระวังกันมากขึ้น ขึ้นชื่อทองหล่อ คนก็คงไม่มากันแล้ว ที่อยู่ตอนนี้ก็คนพื้นที่ หรือคนหากินแถวนี้เท่านั้นที่เขาไม่รู้จะไปไหน”
“ตอนแรกตั้งใจว่าจะกลับบ้าน แต่คงไม่ได้กลับแล้ว เราต้องเซฟตัวเอง เซฟพี่น้องด้วย” จอร์จแสดงความเห็นบ้าง
เรามองดูที่หน้าปัดนาฬิกาที่ข้อมือขวา มันชี้บอกใกล้เวลา 4 ทุ่ม เราเร่งรัดบทสนทนาถามทั้งคู่ถึงเรื่องวัคซีน แต่คำตอบที่ได้กลับแตกออกเป็นสองด้าน
“ประเทศไทยทำไมมันช้าจัง” ชายวัยกลางคนกล่าว
“เขาฉีดกันแล้ว แต่เราไม่กล้าฉีด เพราะหนึ่ง ร่างกายคนเรามันไม่เหมือนกัน เขาให้มาฉีดก็ไม่กล้าฉีด ขอตายธรรมชาติดีกว่า” จันทร์หัวเราะตบท้ายหลังพูดจบ
“แต่ผมอยากฉีด แต่ทำไมมันช้าจัง” ชายวัยกลางคนยังยืนยันคำตอบเดิม
“แต่เห็นเขามาต่อคิวกันแล้ว”
“ไม่มี อย่าเลย เขาไปต่อคิวตรวจทั้งนั้น”
“อ้าวหรอ”
“ชาตินี้จะได้ฉีดวัคซีนไหม ถามหน่อย” ครานี้ ชายวัยกลางคนหันมาถามผม ผมได้แต่ยิ้มหยี และส่ายหน้าว่าผมก็ไม่ทราบ
ผมตัดสินใจถามจอร์จก่อนว่า คิดอย่างไรที่จำนวนผู้ได้รับวัคซีนยังต่ำกว่าประเทศอื่นๆ คำตอบเขาคล้ายตัดพ้อ “ทำไมมันช้า รัฐบาลทำอะไรอยู่”
“สำหรับผมนะ กลุ่มแรกที่ต้องฉีดคือพวกทำงานสถานบันเทิงหรือทำงานกลางคืน ไม่ใช่ไปฉีดรอบนอก รู้อยู่ว่าเชื้อมันแพร่จากคนทำงานกลางคืนเยอะ พวกเซียนมวยอีก จับมาฉีดให้หมด พวกติดจากบ่อนใหญ่ๆ มันจะได้ลดลง เพราะฉีดไปแล้วน่าจะป้องกันได้ระดับนึง”
ทางด้านจันทร์ให้เหตุผลที่ไม่อยากฉีดว่า “รู้สึกไม่มั่นใจในวัคซีนว่ามันจะมีผลกระทบกับเราหรือเปล่า เราไม่เคยตรวจสุขภาพประจำปี ไม่รู้ว่าฉีดแล้วจะเป็นนู่นเป็นนี่ขึ้นมา มาบอกเราแพ้นู่นนี่อีก เราเลยไม่กล้าฉีดอะ”
ก่อนที่เราจะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน เราถามความเห็นพวกเขา คิดว่าสถานการณ์นี้จะอยู่อีกนานแค่ไหน
“นานมาก ผมคิดว่าปีนี้ยังไม่จบเลย” หนุ่มใหญ่ตอบ
“คิดว่าน่าจะอีกนานเลย เฉพาะพื้นที่ทองหล่อน่าจะมากกว่า 3 เดือน ทั้งประเทศคงอีกนาน” จันทร์กล่าวบ้าง
“ขนาดรัฐมนตรียังติดเลย แล้วเราจะรอดไหม รอดมาสองรอบแล้ว รอบสามแล้วจะรอดไหม” คล้ายคำตัดพ้อจากจอร์จมากกว่าเป็นคำถามแก่เรา
ไม่มีใครรู้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 สายพันธุ์อังกฤษจะรุนแรงและพรากชีวิตของคนไปอีกมากเท่าไร แต่คงไม่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราทุกคนยังต้องหวังใน 3 ช่วย ช่วยที่หนึ่งคือช่วยกันป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดมากข้ึน ช่วยที่สองคือช่วยตัวเอง เก็บคองอเข่าผ่านภาวะเศรษฐกิจดิ่งเหวไปให้ได้ และช่วยที่ 3 เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเร่งจัดหาวัคซีนและแจกจ่ายให้ไวที่สุด พร้อมกับวางมาตรการเยียวยาเพิ่มเติม เพื่อให้ทุกคนผ่านช่วงนี้ไปด้วยกัน เหมือนที่ว่า ‘ไทยชนะ’ นั่นแหละ