การแต่งงาน ความโรแมนติกและอบอุ่นที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่กว่าจะได้แต่งงานก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด มีหลายด่านที่ต้องฝ่าฟัน บางทีก็ไม่รู้จะหันหน้าไปถามใคร เราจึงรวบรวมประสบการณ์จากคนที่แต่งงานแล้วมา ว่าพวกเขามีอะไรอยากจะบอกคนที่ยังไม่แต่งงานบ้าง
พิมใจ, 28 ปี, ธุรกิจส่วนตัว
“การเตรียมงานนี่ต้องคุยกันให้ดี วางแผนทุกอย่างแบบไม่ตบตีกัน มันไม่ใช่งานใครคนใดคนนึง การลิสต์รายชื่อแขกก็สำคัญมากๆ ความรักไม่ใช่เรื่องคน 2 คน ควรให้เกียรติผู้ใหญ่ พ่อแม่เรา พ่อแม่เขา เขาก็มีเพื่อนของเขา มีแขกผู้ใหญ่ของเขาเช่นกัน”
“ซึ่งอันนี้มาตกผลึกได้ตอนจัดเสร็จไปแล้ว ว่าเราเอาแต่เพื่อนแต่ฝูงคนสำคัญของเราเกือบหมด นับญาติน้อยมาก ด้วยสถานการณ์โควิดบังคับด้วย ถ้ามีทุนอยากจัดงานเป็นเราเต็มที่แนะนำให้จัดแยกไปเลย แยกงานเช้าให้พ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ งานเย็นให้เพื่อน”
“สินสอด ไม่สินสอด อันนี้ก็ควรคุยให้พ่อกับแม่เข้าใจ เพราะตอนของพิม คิดว่าแม่คงเข้าใจ เพราะแม่เองก็เป็นคนง่ายๆ สนิทกันมาก แล้วส่วนตัวคิดว่าไม่สำคัญ แต่กลับกันคือแม่น้อยใจ และดูออกว่าเขาเสียใจ อาจจะด้วยความที่เขาถูกปลูกฝังแบบนี้มาตามช่วงยุคสมัยด้วย แล้วก็มาคุยกันตอนหลังจากผ่านมาจากงานแต่งอีกเช่นเคย เขาบอกว่า ‘เขาไม่ได้มองเราเป็นสิ่งของ แต่เราคือสิ่งที่มีค่าที่สุดของเขา คนที่จะมาแต่งงานกับเราก็ควรได้พิสูจน์อะไรสักหน่อย นอกเหนือจากความดีที่ฝ่ายชายควรจะมี ตามขนมธรรมเนียมของไทยเรา’ ตอนฟังก็คือน้ำตาไหลไปเลย”
“ส่วนวันงานก็เตรียมคนไว้ หาเพื่อนหรือญาติไว้ดูแขกแต่ละฝ่าย ที่นั่งตรงไหน ห้องน้ำตรงไหน เจ้าบ่าวเจ้าสาวห่วงแค่หน้างาน รับแขก ยิ้มกว้างๆ หายใจเข้าลึกๆ ว่าไม่มีอะไร 100% ได้หรอก”
“ชีวิตหลังแต่ง พิมกับแฟนก็คือยังเหมือนเดิมนะ รูทีนเดิม เหมือนก่อนแต่งเลย แต่ที่ว่าเปลี่ยนน่าจะเป็นในรูปแบบทางใจอะ คือเราสามารถเรียกผู้ชายคนนี้ได้เต็มปาก ว่า ‘ผัว’ หรือ ‘สามี’ เราเป็นลูกสาวก็สามารถพาเข้าบ้านได้อย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงหรือเกรงใจพ่อกับแม่อีกต่อไป สามารถมานอนที่บ้านได้แบบอย่างถูกต้อง คือเหมือนเราได้ทำอะไรถูกต้อง แบบเป็นทางการจบไปแล้วหนึ่งอย่าง น่าจะเป็นความสบายใจในตรงนี้มากกว่า แต่ก็ไม่ได้บอกว่าคนที่ไม่ได้แต่งงานไม่ถูกต้องนะ น่าจะแล้วแต่บ้าน เพราะบ้านนี้พ่อหวงลูกสาวมาก”
“ระยะเวลาการดูใจก็เป็นเรื่องสำคัญนะ เอาดีๆ จริงอยู่ว่ารักไม่ต้องการเวลา แต่เชื่อเหอะ ให้เวลามันสักหน่อย เรียนรู้ไปก่อน ไม่ต้องรีบ แต่ถ้ามีโอกาสได้แต่ง คุยกับแฟนสองคนแล้วเห็นพ้องต้องกันว่าอยากแต่งงาน โดยที่ไม่ได้กู้หนี้ยืมสินใครมา ก็จัดงานแต่งไปเหอะ สักครั้งในชีวิต จะเล็กจะใหญ่ ก็อยู่ที่ความสุขของเรา และครอบครัวก็พอ แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าการแต่งงานจะเป็นตัวจบ ชีวิตยังเดินต่อไปเรื่อยๆ ถ้าล้มก็เริ่มใหม่ อย่าไปกลัวที่จะต้องผิดหวัง เพราะบางครั้งเราผ่านจุดนี้ เพื่อที่จะไปเจออีกจุดหนึ่งก็ได้ ไม่มีใครรู้อนาคตหรอก ใช่ไหมล่ะ
ตึ่งหนั่งเกี้ย, 34 ปี, ธุรกิจส่วนตัว
“ขอให้ข้อมูลเบื้องต้นก่อนว่าผมเป็นครอบครัวลูกหลานคนจีนแบบสายลึกทั้งบ้านฝ่ายหญิงฝ่ายชาย ซึ่งมันจะมีผลต่อเรื่องการแต่งงาน ผมเริ่มคบกับแม่ของลูกปี 2011 (สมัยเรียนปี 4) แต่งงานปี 2017 ปัจจุบันก็แต่งงานมาจะครบ 5 ปีแล้ว”
“การเตรียมตัวแต่งงาน เวลามีเพื่อนมาถามเรื่องนี้ สิ่งแรกที่อยากบอกคือ ‘เรื่องแต่งงานไม่ใช่เรื่องของคนสองคน’ แบบ! ขีด! เส้น! ใต้! และไฮไลต์ชัดๆ ไว้เลย ตอนเริ่มต้นความคิดว่าจะแต่งงานกันอาจจะใช่ มันเกิดจากเรากับแฟนแค่ 2 คนนี่แหละ แต่พอจะต้องลงดีเทล อย่างแรก บอกครอบครัวเรา และครอบครัวของแฟน เค้าเห็นด้วยมั้ย ต่างคนต่างไปแจ้งกับที่บ้านตัวเอง”
“ตามมาด้วยอย่างที่ 2 นัดเจอผู้ใหญ่ของทั้ง 2 ฝ่าย แน่นอนต้องเป็นโต๊ะจีน ให้ป๊าม๊าเราได้มาคุยกันแบบเคลียร์ๆ ให้รู้ว่าทั้งสองบ้านจะมาดองกันละ ซึ่งบนโต๊ะนี้ละที่คุยเรื่องสถานที่จัดงาน วันเวลา สินสอด อย่างที่เล่าไว้ว่าเป็นบ้านจีนสองบ้าน ทุกอย่างไม่ยากมาก ตามธรรมเนียมจีนสายลึก ฝ่ายหญิงดูแลเรื่องพิธีงานหมั้น ฝ่ายชายดูแลเรื่องงานแต่ง งานฉลอง และอื่นที่เหลือทั้งหมด”
“อย่างที่ 3 สินสอด เรื่องใหญ่ของคนจะแต่งงานเลยเนอะ มีเพื่อนมาปรึกษาเรื่องนี้เยอะ ฮ่าๆ ของผมต้องขอบคุณพ่อแม่ของแฟนที่เอ็นดู จำได้เลยว่า เขาไม่พูดกะเกณฑ์ในส่วนนี้ เขารู้ว่าเรา 2 คนรักกัน ให้ทางฝ่ายชายจัดให้ตามเหมาะสม แต่มีส่วนที่อยากขอให้ทำ คือมีบ้านเรือนหอเป็นของตัวเอง จัดทำบ้านแยกออกมาในพื้นที่รั้วเดียวกันกับบ้านของพ่อแม่ผม สรุปคือนอกจากที่เรารักกัน การแต่งงานจะเป็นเรื่องของคนหลายคนแล้ว อยากแต่งงานต้องเก็บตังค์ด้วย”
“ตอนจัดงานแต่งงาน พวกประโยค ‘เอาเลย อะไรก็ได้’ หรือ ‘เธอชอบเหรอ เอาสิๆ’ ประโยคที่ผมก็พูด มันแย่มาก อยากแชร์ตรงนี้มากและไม่อยากให้ทำกันเลย เพราะผมพลาดมาแล้วและยังไหวตัวทัน โชคดีที่พี่สาวผมที่แต่งงานไปแล้วมาถามว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย ผมก็บอกไปว่า ‘ขอบคุณ ไม่เป็นไร ให้แฟนผมเค้าเลือกๆ อยู่’ ซึ่งนั่นละครับ ที่ทำให้พี่ผมดุด่าและเตือนสติทันที นี่มันคืองานของแก 2 คน แปลว่าแกต้องแชร์ไอเดียด้วย ประโยคที่ว่า ‘อะไรก็ได้’ อย่าทำเด็ดขาด ใครๆ ก็อยากแต่งงานครั้งเดียว ทำให้ดีๆ ตั้งใจและอย่าปล่อยให้แฟนเราคิดและทำคนเดียว”
“ในส่วนของพิธีการของผม เรามูเตลูนำก่อนสิ่งอื่นใดและเป็นแบบจีนโบราณ คือ แยกพิธีการออกจากกันทั้งหมด (ปัจจุบันนิยมจัดวันเดียวกันหมั้นเช้า แต่งเที่ยง หรือไม่ก็เย็นของวันนั้นเลย) ของผมหมั้นเช้าวันหนึ่ง รับตัวเจ้าสาวอีกวันหนึ่ง เลี้ยงฉลองงานแต่งอีกวันหนึ่ง”
“ค่าใช้จ่ายต่างๆ ยุบยับไปหมด นอกจากค่าโรงแรมสถานที่จัดงานแล้ว ก็มี การ์ดเชิญ แหวน ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว ของชำร่วย ของรับไหว้ และอื่นๆ เยอะมาก มันจะงอกมาเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากแชร์ว่า ‘อย่ายืมเงินกู้เงินเพื่อมาแต่งงาน’ ของผมทำทุกอย่างออนบัตเจ็ต และตัวผมและแฟนเราชอบงานของเรามาก นี่คือสิ่งสำคัญครับ”
“ชีวิตหลังแต่งงานของผมน่าจะไม่ค่อยเหมือนคนอื่น ผมคบกับแฟนที่เป็นคนรุ่นเดียวกัน อายุเท่ากัน คบตั้งแต่เป็นเพื่อน (แต่ผมไม่เคยคิดกับเขาแค่เพื่อนตั้งแต่ตอนเรียนแล้วนะ ฮ่าๆ) จนเป็นแฟน ตั้งแต่เรียนจนทำงาน วันธรรมดาผมก็ไปส่งที่บ้านเขาตอนเย็นและนั่งเล่นจนดึกแทบทุกวัน ขับรถกลับบ้านมานอน วันหยุดตื่นก็ไปหา อยู่ด้วยกันทั้งวัน แล้วก็กลับดึกๆ มันเกือบจะทุกวันจริงๆ เลยต้องบอกว่า หลังแต่งงานคือเหมือนเดิมมาก จนเวลาผ่านไป 3 ปีแฟนท้อง ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว กิจกรรมเปลี่ยน พอคลอดลูกก็เปลี่ยนอีก อันนี้หนักเลย เรา 2 คนต้องรับผิดชอบอีก 1 ชีวิต และเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่พร้อมๆ กันอีกครั้ง แต่ทั้งหมดทั้งมวลเป็นสิ่งที่มีความสุข”
“คนที่แต่งงานมาแล้วจะพูดคล้ายๆ กันหมดว่า ตอนจัดงานแต่งเงินที่ใช้ไปนี่น่าจะเก็บเอาไปเที่ยวต่างประเทศกันเนอะ ฮ่าๆ มันก็จริงนะ แต่นั่นล่ะ ถ้าคิดในจุดที่ว่ามันเป็นภาพความทรงจำที่จะติดอยู่ในส่วนลึกของสมองเราไปตลอด มันก็โอเคนะ อย่าลืมว่าต้องออนบัตเจ็ตด้วย แล้วก่อนจะแต่งงานมันจะต้องมีการ ‘ขอแต่งงาน’ อันนี้คิดว่าสำคัญเช่นกัน จากประสบการณ์แล้วมีจะดีมาก มันเติมเต็มเมมโมรี่ของแฟนเรา”
“อย่าเอาชนะกัน มองข้ามและปรับตัว การมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเดียวกันตลอดเวลา มันต้องมีช่วงเวลาที่ทะเลาะกันบ้าง สิ่งสำคัญเลยคือ การพูดคุยกัน อย่าซุกปัญหาเก็บไว้ ส่วนตัวผมถ้าทะเลาะ จะต้องเคลียร์กันในวันนั้น ห้ามข้ามวัน รู้จักขอโทษ และอภัยกัน”
“ถ้ามีลูกแล้ว ช่วยกันเลี้ยง อย่าปล่อยให้แฟนเราเลี้ยงคนเดียว แชร์ความรู้สึกกัน ถามไถ่ ช่วยเหลือกัน”
“สุดท้าย ถ้าไม่แน่ใจกับคนที่จะแต่งด้วยสักแอะเดียว อย่าแต่ง เลิกมาแล้วมันเสียทุกอย่าง เสียดายเวลา เสียดายเงิน เสียดายความรู้สึก แต่งงานเมื่อพร้อม”
กระต่าย, 39 ปี, พิสูจน์อักษร
“แต่งงานมา 2 ปีแล้วค่ะ คบกับสามีมา 7 ปีกว่าจะแต่งค่ะ จริงๆ ไม่ชอบพิธีการแต่งงานเลย เป็นคนไม่ชอบจัดงาน อยากอยู่แบบเงียบๆ ค่ะ แต่พ่อกับแม่โบราณจ๋ามาก ยังไงพิธีต้องมาก่อน ต้องครบ เลยตามใจพ่อกับแม่ค่ะ”
“เตรียมตัวมาปีกว่าค่ะ ครั้งแรกต้องเลื่อนเพราะจัดช่วงโควิดระบาดหนักค่ะ ครั้งที่ 2 ระบาดอีกระลอก แต่ไม่อยากรอแล้วค่ะ รันทุกอย่างไว้หมดแล้ว อยากจบเร็วๆ ค่ะ มันดูมีห่วง ของชำร่วย ของตกแต่งในงาน สั่งออนไลน์หมดเลยค่ะ ราคาประหยัดกว่าไปซื้อที่ร้านมากๆ”
“ตอนจัดงานแต่งงาน เป็นงานที่พิธีรีตองมากค่ะ เทียบกับการเรียนก็ถือว่าเป็นวิชาการ 100% ใจจริงไม่ชอบเลย เพราะไม่มีเวลาไปดูแลพูดคุยกับคนที่มาร่วมงานเลยค่ะ ไม่ได้เดินถ่ายรูปกับแขก เพราะกว่าพิธีจะจบก็เที่ยงแล้ว งานเราจัดเช้า กินเลี้ยงเที่ยงค่ะ พิธีแน่นมากกกกกกก พอเที่ยงก็คือร้อนมาก เพราะจัดกลางแจ้งหน้าบ้านค่ะ ไม่ค่อยเหมือนในฝันเท่าไหร่ ที่อยากจะจัดในสวน อากาศเย็นๆ แต่พอเห็นคนที่มาในงานเราก็ใจฟูมากนะคะ เขาสละเวลามาเพื่อเรา แฮปปี้สุดๆ ค่ะ”
“เราอยู่ด้วยกันมาก่อนแล้วเลยไม่ได้ปรับอะไรมาก และที่บ้านเน้นการแต่งแล้วแยกบ้านออกไปค่ะ คนที่มาใหม่จะได้ไม่อึดอัด ซึ่งลงตัวมากๆ ไม่มีปัญหาใดๆ เลยค่ะ”
“ก่อนแต่งเป็นช่วงที่วุ่นวายมาก อาจมีการปะทะอารมณ์กับสามีบ่อยๆ อยากให้ทุกคู่ใจเย็นๆ นะคะ ยอมกันคนละครึ่งทาง แชร์ความคิดกัน พูดคุยกันตลอดจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้ค่ะ งานแต่งเป็นงานที่ใช้เงินเยอะมาก ควรมีเงินให้พร้อมก่อนนะคะ แต่งมาแล้วเป็นหนี้ชีวิตจะไม่สนุกเอานะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคู่ค่ะ”
springleslol8, 28 ปี, สอนพิเศษ
“ก่อนแต่งงานต้องคุยกันให้เข้าใจเรื่องสินสอด และโอเคทั้ง 2 ฝ่าย ช่วงระยะเวลานี้จะพวกเราจะอึดอัดกันนิดนึง เพราะเราไม่สนใจเรื่องสินสอดเลย แต่สำหรับพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายมันคือเรื่องใหญ่มาก เพราะฉะนั้นเรื่องนี้รีบเคลียร์กันให้ลงตัวไวที่สุดจะสบายใจมาก”
“นอกจากนั้นเป็นเรื่องการจัดงาน การออกค่าใช้จ่าย เรื่องนี้ก็ควรแบ่งความรับผิดชอบให้เข้าใจเช่นกัน ที่เราแต่งค่าใช้จ่ายด้านจัดงานแต่งฝ่ายหญิงจะเป็นคนออก ฝ่ายชายจะเป็นคนเดินทางมาขอแต่งงานพร้อมสินสอด แต่ที่บ้านเราเมื่อได้ค่าสินสอดมา ฝ่ายแม่จะคืนเงินค่าสินสอดให้พวกเรามาตั้งตัว ในส่วนของทองแม่จะเก็บไว้เผื่อในอนาคตมีการเลิกราจะสามารถนำทองตรงนี้มาตั้งตัวลูกสาวเขาได้”
“ประสบการณ์ในการแต่งงานไม่แตกต่างมากจากก่อนแต่ง เพราะคู่เราอยู่กันก่อนแต่งมาหลายปี จึงไม่มีปัญหาในการอยู่ด้วยกันเลย แต่จะมีข้อแตกต่างที่เห็นชัดก็คือ เวลาทะเลาะไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่เวลางอนแล้วประชดบอกเลิก คือไม่ควรทำ การเลิกกันจะจะยากขึ้นเป็นกองเพราะสถานะที่เปลี่ยนไป การไว้หน้าของครอบครัวทั้งสองฝ่าย ถ้าทะเลาะกันมันไม่ได้เลิกกันแค่ 2 คนแล้ว แต่เป็นครอบครัวทั้ง 2 ฝ่ายที่พลอยจะเครียดไปด้วย เพราะฉะนั้นการปรับตัวพูดคุยเข้าหากันและรักกันเหมือนเดิมคืออะไรที่ดีที่สุดแล้ว เมื่อปรับตัวได้ก็จะมีแต่ความสุขมากจริงๆ”
“ในส่วนของข้อดีหลังแต่งงานคือไม่ต้องทำอะไรหลบๆ ซ่อนๆ พ่อกับแม่และสังคม ชีวิตดูเป็นหลักเป็นแหล่งมากขึ้น”
“อีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องของงานบ้านและการทำอาหาร ดูเป็นเรื่องเล็กๆ ก็จริงแต่ควรคุยกันให้เรียบร้อยก่อนแต่งงาน และสุดท้ายก่อนแต่งงานต้องทำความเข้าใจกับตัวเองว่าเราเองสามารถยอมรับทั้งข้อดีและข้อเสียของอีกฝ่ายได้ไหม หากรับได้และมั่นใจว่าคนนี้คือคู่ชีวิตฉัน ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะพูดว่า ‘ลุงโบ ฉันเลือกนาย’”
Suckky, 33 ปี, วิดีโอกราเฟอร์
“แต่งงานมันไม่ใช่เรื่องของคน 2 คน แต่มันก็คลิเช่อะนะ แต่มันก็คือเรื่องจริง มันจะเป็นเรื่องของพ่อแม่ฝั่งเราด้วย พ่อแม่ฝั่งเขาด้วย มันเป็นเรื่องของครอบครัว เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ มันเป็นเรื่องของหลายคน ไม่ใช่แค่รักกัน แต่งกัน แล้วก็จบ มันมีมากกว่านั้น”
“อย่างเราอยากจัดงานริมทะเลหรือในสวน แต่ว่าถ้าพ่อแม่เรามีญาติผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานด้วย แล้วเขาจะนั่งริมทะเลได้มั้ย จะนั่งในสวนร้อนๆ ได้รึเปล่า มันต้องคุยกันหลายอย่าง”
“อยากให้คิดดีๆ ก่อนแต่ง ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะ สนับสนุนให้ทุกคนแต่งงาน ตอนแรกก็จะทำตัวขบถ อยากเท่ ไม่อยากแต่ง รู้สึกว่าการแต่งงานมันสิ้นเปลือง แต่พอถึงวันแต่งงานจริง มันคือวันที่ทุกคนที่รักเรามางาน วันนั้นเป็นหนึ่งในวันที่มีความสุขที่สุดของชีวิตเลย”
“สนุกอีกทีก็ตอนเปิดซองเนี่ยแหละ อันนี้มันส์มาก”