งานแต่งคราใด เป็นได้แค่แขกรับเชิญ อยากแต่งอย่างเขาเหลือเกิน… แต่ถ้าได้รู้ว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องเผชิญกับอะไรบ้าง เพื่อแลกกับโมเมนต์แห่งความสุขที่ปรากฏในวันแต่งงาน เราอาจจะอยากเป็นแค่แขกรับเชิญต่อไปก็เป็นได้
วินาทีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอ่ยปากขอแต่งงาน หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองก็เริ่มที่จะคิดแล้วว่าจะเอายังไงกันต่อดี เพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกินที่จะต้องจัดการเพื่อให้งานแต่งออกมาสมบูรณ์แบบ และเพื่อให้เป็นวันที่น่าจดจำที่สุด ทั้งเรื่องจะจัดงานที่ไหน เชิญใครมาบ้าง ใส่ชุดอะไร ไหนจะออกแบบการ์ดเชิญ ของชำร่วย อาหารและเครื่องดื่มในงาน การตกแต่งสถานที่ หรือแม้กระทั่งคู่บ่าวสาวบางคู่ที่ไม่อยากจัดงานเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องจัดเพราะพ่อแม่บังคับ มาดูกันว่า เบื้องหลังบรรยากาศอบอุ่นของงานแต่งงาน คู่บ่าวสาวต้องจัดการกับเรื่องอะไรบ้าง
อาชีพ : บรรณาธิการ
“เรื่องวันแต่งงานเราไม่ได้เป็นคนกำหนด พ่อแม่เป็นคนหาฤกษ์ให้ ส่วนตัวอยากจัดงานให้มันง่ายๆ มีแต่คนรู้จัก คนสนิท แต่เราก็เข้าใจพ่อแม่นะ เพราะงานแต่งไม่ใช่งานของเราอย่างเดียว มันเป็นงานที่พ่อแม่ พี่ๆ หรือคนรู้จักจะได้มาร่วมยินดี เราก็เลยมีอำนาจในการควบคุมได้ในประมาณนึง แล้วความยากก็คือ เราจะเชิญใครบ้าง เพราะที่พื้นจัดงานมันมีจำกัด”
อาชีพ : สเปเชียลคอนเทนต์ครีเอเตอร์
“เดิมเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องการแต่งงาน เรามองว่ามันเป็นแค่พิธีกรรมและฟังก์ชั่นของมันก็คือการประกาศสถานะทางสังคมเฉยๆ แต่เอาเข้าจริง มันเหมือนคำมั่นสัญญาที่เราให้ไว้ต่อสาธารณชน สิ่งเหล่านั้นจะเป็นเครื่องยึดความรู้สึกของเรา เพราะกว่าจะมาเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาว มันไม่ใช่แค่ว่าเรารักกันมากพอหรือเปล่า แต่มันคือการยอมรับซึ่งกันและกัน ซึ่งในที่นี้หมายถึงการยอมรับของสองครอบครัวด้วย”
อาชีพ : นักบัญชี
“ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการจัดการเรื่องแขกที่มาจากต่างจังหวัด เพราะกังวลว่าเค้าจะไปพักที่ไหน เดินทางมาสะดวกมั้ย เราก็อยากซัพพอร์ตให้เค้าสะดวกสบายมากที่สุด แล้วสถานที่จัดงานจะรองรับแขกได้เพียงพอมั้ย อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องเตรียมการให้ดี ทั้งเรื่องอาหาร เครื่องดื่ม เพลง ของชำร่วย อะไรพวกนี้ต้องใช้เวลาเลือกนิดนึง เพราะแขกที่มาก็จะมีหลายแบบ”
อาชีพ : อาจารย์มหาวิทยาลัย
“ตอนแรกก็ต่อต้านแหละ แต่พอทำๆ ไป มันก็มีทั้งความสุขและความทุกข์ปนๆ กัน ความทุกข์คือโดนขัดใจ โดนบังคับให้แต่งงาน เพราะมันเหนื่อย เปลืองเงิน จริงๆ อยากให้มันเหมือนงานแต่งฝรั่ง ที่มีแต่คนที่สนิทมาเข้าร่วมจริงๆ จะได้เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ แต่พอเราได้เห็นพ่อแม่และคนที่เรารักมีความสุข เราก็เลยมีความสุขไปด้วย แล้วการแต่งงานก็เหมือนบทพิสูจน์และแบบทดสอบแรกของชีวิตคู่ ว่าเราจะผ่านช่วงเตรียมงานนี้ไปด้วยกันได้มั้ย จะได้เห็นทั้งด้านดีและไม่ดีของอีกคนด้วย”
อาชีพ : วิศวกร
“ลำบากเรื่องสถานที่จัดงาน เพราะต้องให้สอดคล้องกับจำนวนแขกที่มาร่วมงาน แล้วก็ต้องมาคิดว่าความเหมาะสมของสถานที่กับราคาที่ต้องจ่ายไปมันคุ้มค่ามั้ย เพราะโรงแรมไม่อำนวยความสะดวกให้มากเท่าที่ควร ส่วนการเชิญแขกมาร่วมงานก็ลำบากเหมือนกัน เพราะถ้าเค้าอยู่ต่างจังหวัดก็จะรู้สึกเกรงใจ”
อาชีพ : เจ้าของธุรกิจ
“งานแต่งสำหรับเรามองว่ามันเป็นการจัดการ เพราะเราตัดสินใจทำเอง ไม่ได้จ้างออแกไนซ์ นั่นก็เท่ากับว่าเราต้องทำเองตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ เราเลยต้องมีสติมากๆ ทำไปทีละอย่างแบบรอบคอบ และต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด พิจารณาว่าอันไหนควรประหยัด อันไหนควรทำให้ดีไปเลย เราเลยนั่งลิสต์กับเจ้าสาวว่าจะต้องจัดการอะไรบ้าง จากเรื่องใหญ่ๆ ไปเรื่องเล็กๆ จนได้เจอกับปัญหาที่ทำให้การจัดการมันไม่ลื่นไหล อย่างเช่นการจัดการแขก อันนี้ปวดหัวเลย เพราะคนรอบตัวเยอะพอสมควร ไหนจะแขกฝั่งพ่อแม่อีก ใครจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว ใครเป็นประธาน ก็จะมีความรู้สึกกังวลว่าถ้าเชิญคนนั้นคนนี้ไม่ได้จะมีการน้อยใจมั้ย และก็เรื่องอื่นๆ ที่คิดไม่ออกว่าจะมาในรูปแบบไหน แต่ปัญหาก็จบได้ด้วยการให้เพื่อนๆ ช่วยและได้คำแนะนำจากโรงแรมที่มีประสบการณ์
“เคยมีช่วงนึงที่รู้สึกว่างานแต่งเป็นเรื่องสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ แต่พอได้เห็นรอยยิ้มพ่อแม่ เพื่อนๆ ที่มาแสดงความยินดี หรือความตั้งใจที่จะมาหาเราของเพื่อนและผู้ใหญ่ที่สนับสนุนเรามาตลอด เราก็รู้สึกว่ามันคือครั้งเดียวของชีวิตที่เราจะทำให้ใครหลายคนมีความสุขร่วมไปกับเรา”