แม้จะไม่ได้ติดตามวงการเพลงญี่ปุ่นมากนัก แต่เชื่อว่าเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมาคุณผู้อ่านน่าจะได้ผ่านตากับข่าวการอำลาวงการของนักร้องสาววัยสี่สิบปีอย่าง นามิเอะ อามุโระ ที่กลายวาระแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น
หนังสือพิมพ์ทุกฉบับและข่าวโทรทัศน์ทุกช่องรายงานถึงข่าวนี้ ในวันสุดท้ายของอาชีพมีการจุดพลุฉลองอย่างยิ่งใหญ่ที่โอนิกาวา (บ้านเกิดเธอ) มีแฟนเพลงมากมายหลั่งไหลไปร่วมงาน และหลายสื่อถึงขั้นกล่าวว่าการรีไทร์ของนามิเอะคือสัญลักษณ์การสิ้นสุดยุคเฮเซ
Namie Amuro
ทำไมคนญี่ปุ่นถึงรักนามิเอะขนาดนั้น? หากมองย้อนดูอาชีพของเธอแล้วแท้จริงมันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ นามิเอะโด่งดังขึ้นมาในยุค 90s ด้วยแนวเพลงแบบแดนซ์/ยูโรบีต เธอกลายเป็นผู้นำแฟชั่นมินิสเกิร์ตของสาววัยรุ่นยุคนั้น แต่หลังจากนั้นก็ประกาศว่าตั้งครรภ์แบบฟ้าฝ่า แต่งงานกับแฟนหนุ่ม และหย่าร้างกันในที่สุด ช่วงชีวิตยุค 00s ของนามิเอะก็เรียกได้ว่าเข้าหลุมดำ ยอดขายของเธอตกต่ำ ประกอบกับมีดาวรุ่งอย่าง อูทาดะ ฮิคารุ และอายูมิ ฮามาซากิ มาแทนที่
อย่างไรก็ดี ช่วงกลางยุค 00s นามิเอะก็สามารถกลับคืนสู่วงการได้ด้วยแนวเพลงที่เรียกว่า ฮิป-ป๊อป อันเป็นการผสมผสานแนวเพลงฮิปฮอปกับป๊อปเข้าด้วยกัน หลังจากที่เธอมีเพลงมาหลากหลายแนวแล้ว ทั้งอาร์แอนด์บีหรืออีดีเอ็ม แม้ว่านามิเอะจะไม่ได้เป็นคนแต่งเพลงเอง แต่กลยุทธ์ของเธอคือการร่วมงานกับเหล่านักแต่งเพลงและนักออกแบบท่าเต้นชื่อดัง โดยนามิเอะยังเซ็นสัญญา ‘ดีล’ พิเศษกับค่ายเพลงว่าเธอจะเป็นคนควบคุมคอนเซ็ปต์ทั้งหมด
ช่วงครึ่งหลังของอาชีพ นามิเอะทำตัวให้เป็นข่าวน้อยที่สุด โดยเธอแทบไม่ไปออกรายการโทรทัศน์เลย (ซึ่งผิดวิสัยของศิลปินญี่ปุ่นอย่างยิ่ง) สถานที่เดียวที่แฟนเพลงจะได้พบเธอคือคอนเสิร์ต นามิเอะทัวร์ต่อเนื่องทุกปี และบางทัวร์จัดมากกว่าร้อยรอบ ยิ่งไปกว่านั้นระหว่างเล่นคอนเสิร์ตเธอจะไม่พูดคุยใดๆ กับคนดูทั้งสิ้น เธอต้องการสื่อสารกับแฟนเพลงด้วยการร้องเพลงและเต้นเท่านั้น
ในขณะที่กราฟอาชีพเธอยังถือว่ารุ่งเรือง นามิเอะก็ช็อคแฟนเพลงด้วยการประกาศรีไทร์ เธอวางแผนการลงจากบัลลังก์อย่างรอบคอบ ทั้งอัลบั้มรวมฮิตชุดสุดท้ายที่ขายได้มากกว่าสองล้านแผ่น, ทัวร์คอนเสิร์ตอำลาที่บัตรขายหมดเกลี้ยงทุกรอบ, นิทรรศการของเธอที่จัดทั่วประเทศญี่ปุ่น และปิดท้ายด้วยการประกาศว่าช่วงปลายเดือนกันยายนนี้เธอจะลบเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเธอทิ้งทั้งหมด (คนจริง!)
เรามิอาจรู้ได้ว่านามิเอะจะหวนคืนเวทีหรือไม่ แต่อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เธอก็ได้ให้บทเรียนสำคัญกับเราสองข้อ คือหนึ่ง-คนเราล้มแล้วลุกได้ และสอง-วิธีการจบอาชีพตัวเองอย่างสง่างาม
Utada Hikaru
ในปี 1998 เพลง Automatic ของ อูทาดะ ฮิคารุ โด่งดังไปทั่วเอเชีย และอัลบั้มแรกอย่าง First Love ก็มียอดขายถึงแปดล้านแผ่น ครองตำแหน่งอัลบั้มยอดขายสูงสุดตลอดกาลของญี่ปุ่น ถึงกระนั้น อูทาดะก็แตกต่างจากนามิเอะอย่างสิ้นเชิง เธอไม่มีออร่าของความเป็นดีว่าเลย เธอมักแต่งตัวเฉิ่มๆ และมิวสิกวิดีโอช่วงแรกดูถ่ายทำแบบไม่ลงทุน
ทว่าจุดเด่นของอูทาดะคือเธอแต่งเพลงด้วยตัวเองทั้งทำนองและเนื้อร้อง ด้วยความที่มีพ่อแม่เป็นนักดนตรี และมีความสนใจในแนวเพลงที่หลากหลาย (ศิลปินโปรดของเธอมีทั้ง Aaliyah, Radiohead ไปจนถึง Led Zeppelin) เธอจึงมีความเป็น ‘ศิลปิน’ (artist) มากกว่านักร้องร่วมรุ่นคนอื่นๆ นอกจากนั้นเพลงของเธอยังมีสองโหมด โดยอัลบั้มภาษาญี่ปุ่นจะมีดนตรีเน้นไปทางป๊อปและเนื้อหาที่นามธรรมตามสไตล์เนื้อเพลงญี่ปุ่น ส่วนอัลบั้มภาษาอังกฤษจะมีแนวเพลงที่หนักแน่นขึ้นและพูดถึงเรื่องที่ดาร์กกว่าอย่างเงินหรือเซ็กซ์
ในด้านชีวิตส่วนตัว แม้จะผ่านการหย่าร้างมาแล้วสองครั้ง แต่อูทาดะไม่ค่อยตกเป็นข่าวฉาวเท่าไรนัก เธอถือเป็นศิลปินที่วางตัวได้ดีคนหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้คนรู้สึกเคารพเธอมากคือเมื่อปี 2010 อยู่ดีๆ เธอก็ประกาศอำลาวงการชั่วคราว ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า ‘อยากกลับไปใช้ชีวิต’
ปี 2016 อูทาดะกลับเข้าสู่วงการ ด้วยอัลบั้ม Fantome ส่วนอัลบั้มล่าสุดของเธอ Hatsukoi เพิ่งออกขายเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แนวเพลงของเธอป๊อปน้อยลงและมีเนื้อหาทางด้านจิตวิญญาณมากขึ้น ธีมหลักคือความตาย (แรงบันดาลใจจากการฆ่าตัวตายของแม่) และการเกิด (ของลูกชาย) นอกจากนั้นหลายเพลงยังมีโครงสร้างการร้องที่ท้าทาย จนแฟนเพลงแซวกันว่าอูทาดะทำเพลงแบบตัวเองร้องได้คนเดียว แฟนๆ ไม่ต้องร้องตาม
ช่วงปลายปีนี้อูทาดะกำลังจะมีทัวร์คอนเสิร์ตชื่อ Laughter in the Dark เป็นทัวร์ครั้งแรกในรอบ 12 ปีของเธอ ก็ต้องติดตามกันว่าโชว์จะออกมาเป็นอย่างไร แต่เราเชื่อว่าเส้นทางดนตรีของเธอยังไปได้อีกไกล
Ayumi Hamasaki
ศิลปินสาวที่โด่งดังไล่ๆ กับอูทาดะ จนถูกตั้งฉายาให้เป็นสองคู่แข่งสำคัญแห่งยุค 00s (แต่ทั้งสองยืนยันว่าไม่ได้เหม็นหน้ากันแต่อย่างใด) จุดเด่นของ อายูมิ ฮามาซากิ ในช่วงเริ่มต้นอาชีพคือลุคของสาวน้อยตาโตแต่มีความเซ็กซี่อยู่ในตัว และเสียงแหลมสูงที่บางคนทนฟังไม่ได้ อย่างไรก็ดี อายูมิแต่งเนื้อเพลงด้วยตัวเองทั้งหมด ซึ่งเนื้อหามักว่าด้วยเรื่องความสับสนของหนุ่มสาว จนกลายเป็นเพลงที่โดนใจคนทั้งประเทศ
แม้จะถูกค่อนขอดในช่วงแรกว่าร้องเพลงไม่ได้เรื่อง แต่ต่อมาอายูมิก็พัฒนาทักษะด้านการร้องให้ดีขึ้น นอกจากนั้นเธอยังเริ่มแต่งทำนองเองด้วย ในช่วงยุค 00s อัลบั้มของเธอมียอดขายเกินล้านแผ่นทุกชุด อายูมิยังโด่งดังจากความอลังการงานสร้างในคอนเสิร์ตของเธอ ทั้งกลุ่มแดนเซอร์มากมายหลายชีวิต โชว์พิเศษต่างๆ ทั้งการห้อยโหนเชือกชวนหวาดเสียว หรือบางครั้งก็เป็นธีมคณะละครสัตว์
อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายยุค 00s ยอดขายของอายูมิก็เริ่มลดน้อยถอยลง แถมตัวเธอเองก็เริ่มมีข่าวเสียหายอย่างต่อเนื่อง ทั้งไลฟ์สไตล์ที่หรูหราเกินเหตุ อาการเย่อหยิ่งเอาแต่ใจ ไล่แดนเซอร์ออกหลังเลิกรากัน หย่าร้างกับสามีหลังจากจับได้ว่าเขาเคยถ่ายรูปนู้ด ฯลฯ ประกอบกับเธอยังคงนำเสนอตัวเองในลุคดีว่าสาวเซ็กซี่เช่นเดิม แต่อายูมิในวัยใกล้สี่สิบก็ไม่อาจดึงดูดใจผู้ชมได้อีกต่อไปแล้ว โดยปัจจุบันอัลบั้มของเธอขายได้เพียงหลักหมื่นเท่านั้น
นอกจากนั้นยังมีเรื่องน่าเศร้าว่าหูของอายูมินั้นหนวกข้างหนึ่งตั้งแต่ปี 2008 ส่วนอีกข้างก็อาการไม่ค่อยสู้ดีนัก หลายคนภาวนาให้เธอหยุดพัก แต่เธอก็ยังคงออกผลงานและทัวร์คอนเสิร์ตอย่างต่อเนื่อง บ้างวิเคราะห์ว่าเธอเป็นพวกขาดแสงไฟไม่ได้ แต่อีกฝั่งมองว่าการร้องเพลงคือสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่เหลืออยู่ ดังนั้นเธอจึงไม่มีวันหยุดทำมัน