ในโลกของมวยปล้ำ เรามักจะมีภาพจำเกี่ยวกับการต่อสู้ที่ดุเดือด ส่วนในโลกของไอดอลญี่ปุ่น สังคมเราก็มักมีภาพจำเกี่ยวกับความสดใสและน่ารัก ดูเหมือนว่าทั้งสองโลกนี้จะดูไกลห่างจากกันพอสมควร
อย่างไรก็ดี มีคนๆ หนึ่งที่เชื่อมต่อโลกทั้งสองนี้เข้าไว้ด้วยกัน นั่นคือ ‘Ladybeard’ (Richard Magarey)
เราขอใช้พื้นที่นี้แนะนำ Ladybeard ให้รู้จักกันสักหน่อย เขาคือเป็นนักมวยปล้ำมืออาชีพจากออสเตรเลีย เป็นนักร้อง และเคยเป็นสมาชิกของวงไอดอลญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน หนึ่งในสิ่งที่ทำให้เขาได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก นั่นคือความชื่นชอบในวัฒนธรรม crossdressing หรือการแต่งตัวข้ามเพศ
The MATTER ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ Ladybeard เกี่ยวกับความชื่นชอบในมวยปล้ำ วัฒนธรรม crossdressing และชีวิตในอุตสาหกรรมไอดอลญี่ปุ่น
คุณเริ่มสนใจกีฬามวยปล้ำครั้งแรกเมื่อไหร่
ฉันเริ่มสนใจกีฬามวยปล้ำตั้งแต่สมัยมัธยม ตอนนั้นฉันได้ฝึกศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวและได้เรียนศิลปะ การละคร ดังนั้นมวยปล้ำจึงดูเป็นอาชีพที่เหมาะกับฉัน แต่ ณ ที่ที่ฉันอาศัยอยู่ตอนนั้น การได้เข้าถึงการฝึกมวยปล้ำเป็นอะไรที่ยากมาก ฉันจึงต้องฝึกศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวและเริ่มต้นเป็นนักแสดงและสตันท์แมน ต่อมา เมื่อฉันอาศัยอยู่ที่ฮ่องกง ฉันได้พบกับนักมวยปล้ำจากสหพันธ์มวยปล้ำแห่งฮ่องกง และก็เป็นที่ฮ่องกง นี่ล่ะที่ทำให้ฉันได้มีโอกาสเข้าถึงกีฬามวยปล้ำเป็นครั้งแรก
คุณตัดสินใจเป็นนักมวยปล้ำอาชีพตั้งแต่เมื่อไหร่
เมื่อตอนที่ฉันเริ่มฝึกมวยปล้ำที่ฮ่องกง ฉันเรียนรู้เรื่องการเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างรวดเร็วจากพื้นฐาน การเป็นสตันท์แมน และได้เริ่มลงแข่งในแมตช์เปิดตัวครั้งแรกในเวลา 1 เดือนหลังจากที่เริ่มฝึก ในตอนที่ฉันกำลังออกแบบคาแรกเตอร์ของตัวเองอยู่นั้น ฉันบอกกับตัวเองว่าอยากแต่งกายข้ามเพศและเรียกตัวเองว่า Ladybeard ฉันได้ลงแข่งมวยปล้ำครั้งแรก และเพียงชั่วข้ามคืนฉันก็ได้เป็นนักมวยปล้ำที่มีชื่อเสียงที่สุดในฮ่องกง
คุณได้เข้ามาเป็นนักมวยปล้ำอาชีพได้อย่างไร การเป็นนักมวยปล้ำอาชีพนั้นยากแค่ไหน
แน่นอนว่ากีฬามวยปล้ำนั้นเป็นอะไรที่ยากมากในด้านร่างกาย คุณต้องฝึกฝนร่างกายและยกเวตมากๆ และแน่นอนว่าคุณต้องอึด ต้องแข็งแรงเพราะคุณจะต้องถูกโจมตีและถูกทุ่มลงพื้นอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ท้าทายที่สุดของการเป็นนักมวยปล้ำสำหรับฉันคือการเปลี่ยนกรอบความคิดของตัวเองจากการเป็นสตันท์แมนมาเป็นนักมวยปล้ำ ถึงแม้ว่าท่าทางการเคลื่อนไหวของมวยปล้ำจะใกล้เคียงกับของสตันท์แมนในบางครั้ง แต่จิตวิทยาและตรรกะของทั้งสองอย่างนั้นถือได้ว่าแตกต่างกันอย่างมาก นั่นทำให้การเปลี่ยนแปลงภายจิตใจนั้นเป็นส่วนที่ยากที่สุดสำหรับฉัน
การร่วงกระแทกพื้นของกีฬามวยปล้ำนั้นแตกต่างจากรูปแบบของสตันท์ เนื่องจากในส่วนของสตันท์นั้น พื้นส่วนมากจะแข็ง (พื้นคอนกรีต พื้นไม้ ฯลฯ) ในขณะที่เวทีมวยปล้ำนั้นมีความยืดหยุ่นและสามารถเด้งได้ คุณต้องใช้ประโยชน์จากความเด้งของมันเวลาคุณร่วงลงพื้นหรือถูกทุ่ม ในขณะที่การเป็นสตันท์แมนนั้น พื้นจะไม่เด้งแบบนั้น การตกลงพื้นในทั้งสองแบบนั้นต้องอาศัยเทคนิคที่แตกต่างกัน ฉันต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะชินกับการเปลี่ยนแปลงนี้
นอกจากนั้นแล้ว จากมุมมองของการต่อสู้จริง กีฬามวยปล้ำนั้นมีหลายอย่างมาก ที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผล การวิ่งไปยังเชือกและไม่สามารถโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยกำปั้นได้นั้นเป็นสองตัวอย่างของ ความไม่สมเหตุสมผลดังกล่าว ฉันใช้เวลาหลายปีกว่าจะปรับตัวเข้ากับธรรมเนียมปฏิบัติและตรรกะของมวยปล้ำ
คุณตัดสินใจเป็นนักกีฬามวยปล้ำอาชีพที่แต่งกายข้ามเพศตั้งแต่เริ่มต้นเลยไหม
ใช่ ตั้งแต่แมตช์แรกของฉันเลย ฉันเริ่มแต่งกายข้ามเพศในงานปาร์ตี้วันเกิดของเพื่อนฉัน เมื่อตอนที่ฉันอายุได้ 14 ปี แล้วฉันก็แต่งกายข้ามเพศเป็นครั้งคราวนับแต่นั้นเรื่อยมา ต่อมาเมื่อฉันได้ลงแข่งมวยปล้ำแมตช์แรก นั่นคือครั้งแรกที่ฉันได้แต่งกายข้ามเพศในโอกาสทางการต่างๆ
ทำไมคุณถึงรักในวัฒนธรรมการแต่งกายข้ามเพศเป็นอย่างมาก
มันสนุกมาก เมื่อคุณโผล่ไปที่งานปาร์ตี้ด้วยชุดข้ามเพศ ความมีชีวิตชีวาของทั้งห้องก็พุ่งทะยานถึงขีดสุด ปกติแล้วนั้นปาร์ตี้ทั่วไปจะใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าที่แต่ละคนจะพูดคุยกันและเริ่มรู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเอง พอคนที่แต่งกายข้ามเพศไปถึงงานปาร์ตี้ ปาร์ตี้นั้นก็จะไต่ระดับขึ้นจาก 1 ถึง 10 ในทันที!
คุณคิดว่าคนยังมีความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับการแต่งกายข้ามเพศอยู่ไหม คุณช่วยยกตัวอย่างจากประสบการณ์ส่วนตัวหน่อยได้ไหม
จริงๆ แล้ว การแต่งกายข้ามเพศนั้นไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าการที่ผู้ชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดถูกเชื่อมโยงว่าเป็นแฟชั่นของผู้หญิงตามขนบธรรมเนียมประเพณี (หรือกลับกันในกรณีของผู้หญิงที่แต่งกายข้ามเพศ) อย่างไรก็ตาม ฉันพบว่าทุกคนต่างก็มีสมมติฐานของตัวเองเกี่ยวกับผู้ชายที่ใส่ชุดเดรส บ้างก็เชื่อมโยงเข้ากับวัฒนธรรม LGBT บ้างก็เชื่อมโยงเข้ากับแดร็กควีน (Drag Queen) และวัฒนธรรมความงาม บ้างก็เชื่อมโยงเข้ากับการเป็นกบฏต่อบรรทัดฐานทางสังคม และบ้างก็คิดว่ามันเป็นแค่เรื่องสนุกสนาน
ประสบการณ์เกี่ยวกับการแต่งกายข้ามเพศที่ฉันพบเจอมากที่สุดคือการที่คนตะโกนใส่ฉันว่าให้โกนขนหน้าอกและขนหน้าแข้ง
ถ้าคุณสามารถอธิบายเกี่ยวกับคนที่รักวัฒนธรรมการแต่งกายข้ามเพศให้แก่ใครสักคนหนึ่ง คุณจะพูดกับเขาว่าอย่างไร
ฉันคงไม่พยายามจะอธิบายอะไร ฉันคงแต่งชุดเดรสและทำตัวตามปกติ หากอีกฝ่ายต้องการพูดถึงเรื่องการแต่งกายข้ามเพศ เราก็จะคุยกัน
ในปัจจุบันนี้ที่ใครหลายคนกลัวที่จะแตกต่าง คุณช่วยให้คำแนะนำกับพวกเขาหน่อยได้ไหม
ทำในสิ่งที่คุณเชื่อว่ามันใช่สำหรับคุณ ชีวิตเป็นของคุณ และฉันสนับสนุนให้คุณเข้าร่วมในกิจกรรมใดๆ ก็ตามที่คุณรู้สึกว่ามันสามารถทำให้ประสบการณ์ของคุณบนโลกใบนี้ดีขึ้นได้ และถ้าหากว่าคุณมีความฝันที่สูงส่ง แต่กลัวที่จะไขว่คว้ามัน ฉันเป็นกำลังใจให้คุณทำมันอย่างสุดความสามารถ หากฉันสามารถสร้างชีวิตและอาชีพของตัวเองให้ประสบความสำเร็จได้ ฉะนั้นแล้วสิ่งต่างๆ ที่คุณปรารถนาก็สามารถเป็นไปได้เช่นกัน คุณแค่เพียงต้องลุกขึ้นมาและไขว่คว้าเป้าหมายนั้นไว้
คุณได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากการเป็นนักกีฬามวยปล้ำอาชีพที่แต่งกายข้ามเพศในฮ่องกง และยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นอีกในญี่ปุ่น คุณคิดเห็นอย่างไรกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณในครั้งนี้
ยอดเยี่ยมมาก!
ความท้าทายที่คุณต้องเผชิญในฐานะนักกีฬามวยปล้ำอาชีพที่แต่งกายข้ามเพศในญี่ปุ่นคืออะไรบ้าง
แบบว่า…ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นมาก และถือว่าค่อนข้างเป็นไปได้ยากสำหรับชาวต่างชาติ ที่จะเข้าใจวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้อย่างถ่องแท้ ฉะนั้นแล้ว ฉันคิดว่าการก้าวข้ามความแตกต่างทางวัฒนธรรมและอุปสรรคในการสื่อสาร ทั้งในเรื่องกีฬามวยปล้ำและในชีวิตประจำวัน ต่างก็เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ฉันเคยเผชิญในญี่ปุ่น
คุณได้รับการสนับสนุนใดๆ จากคอมมูนิตี้ผู้แต่งกายข้ามเพศในญี่ปุ่นบ้างหรือไม่ และผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง
ใช่ พวกเขาให้การสนับสนุนฉันดีมาก ฉันแปลกใจมากในตอนที่พวกเขาสนับสนุนฉันเป็นครั้งแรก เพราะฉันกลัวว่าพวกเขา (รวมไปถึงคอมมูนิตี้ผู้แต่งกายข้ามเพศทั่วโลก) อาจจะรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับงานของฉัน ฉันกลัวว่าพวกเขาอาจะจะรู้สึกว่าฉันกำลังล้อเลียนทางเลือกในชีวิตที่บริสุทธิ์ของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ฉันได้รับคำวิจารณ์น้อยมากจากคอมมูนิตี้นี้ และฉันรู้สึกขอบคุณพวกเขามากสำหรับการสนับสนุนและความอบอุ่นที่มอบให้ฉัน
คุณมักจะเน้นย้ำในคติประจำตัวของคุณที่ว่า “ร้อง เต้น และทำลาย” คุณช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยได้ไหมว่าได้มันมาอย่างไร
ก็…นั่นเป็น 3 สิ่งที่ Ladybeard เชี่ยวชาญเป็นพิเศษใช่ไหมล่ะ จะมีสโลแกนไหนที่เหมาะกับฉันได้มากกว่านี้อีกล่ะ
ทำไมคุณถึงตัดสินใจเข้ามาในอุตสาหกรรมไอดอลญี่ปุ่น คุณสนใจหรือหลงใหลอะไรในอุตสาหกรรมนี้
จริงๆ แล้วฉันไม่ได้ตัดสินใจที่จะมาเป็นไอดอลอะไรขนาดนั้น จนกระทั่งเมื่อฉันมาถึงที่ญี่ปุ่น ฉันรู้สึกสนใจการแสดงเฮฟวีเมทัลในรูปแบบที่ทั้งน่ารักและตลก แต่กลายเป็นว่า โลกของ “ไอดอล” นั้นเป็นบริบทที่เหมาะสมที่สุดสำหรับฉันในการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ด้วยความที่มันขัดกับความเป็นเฮฟวีเมทัลหรือวัฒนธรรมย่อยอื่นๆ
คุณช่วยเล่าเกี่ยวกับโปรเจกต์ยูนิตไอดอลใหม่ของคุณหน่อยได้ไหมว่าชื่อยูนิตว่าอะไร และคุณเลือกคอนเซ็ปต์ อะไรให้กับยูนิตนี้
ใช่ ฉันได้เริ่มตั้งกลุ่มศิลปินไอดอลแนวเจป็อป (J-POP) กลุ่มใหม่ขึ้นมา และฉันตื่นเต้นมาก! เรายังไม่ได้ประกาศชื่อยูนิต แต่ว่ายูนิตเราจะมีสมาชิกด้วยกัน 3 คน มีฉัน และสาวน้อยอีก 2 คน ที่ชื่อสึซึ (Suzu) และ โคโตมิ (Kotomi) ทั้งสองสาวนั้นได้รับการคัดเลือกจากการออดิชั่นในระหว่างที่กำลังเกิดโรคระบาดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งทั้งคู่ก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
ทั้งสองคนนั้นน่ารักมาก และพวกเรากำลังทำเพลงแนวคาวาอี้เมทัล (Kawaii Metal) ด้วยกัน โดยเรากำลังทำเพลงร่วมกับทีมดนตรีที่เคยสร้างผลงานเพลงคาวาอี้เมทัลที่ ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นกันอยู่! ฉะนั้น ถ้าคุณลองจินตนาการถึงวงเบบี้เมทัล (BABYMETAL) ที่มี Ladybeard อยู่ตรงกลาง วงของเราจะออกมาเป็นแนวนั้นล่ะ คุณสามารถติดตามพัฒนาการของพวกเราได้ในหลายแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้งของพวกเราแต่ละคนและของวง เตรียมตัวตื่นเต้นกันได้เลยทุกคน วงของพวกเราจะออกมาปังแน่นอน!
เป้าหมายของคุณในยูนิตไอดอลนี้คืออะไร
เรากำลังนำสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของวัฒนธรรมป็อปญี่ปุ่นออกสู่สายตาชาวโลก หนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของชาวต่างชาติที่หลงใหลในวัฒนธรรมป็อปญี่ปุ่นคือการที่ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในญี่ปุ่น คุณไม่ได้พูดภาษาญี่ปุ่น และไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับญี่ปุ่นเลยว่าวัฒนธรรมของญี่ปุ่นนั้นเป็นอย่างไร วัฒนธรรมป็อปญี่ปุ่นนั้นก็จะอยู่เพียงแค่เพียงในฟองอากาศที่ไม่สามารถแทรกผ่านเข้าไปได้
พวกเราวางแผนที่จะระเบิดฟองอากาศนั้นด้วยการผสมผสานกันระหว่างเสียงร้องในรูปแบบเมทัลกับคาวาอี้น่ารักสดใส และปิดท้ายด้วยท่าเต้นสุดปัง เราจะนำความสุขที่เต็มไปด้วยพลังและสีสันของวัฒนธรรมป็อปญี่ปุ่นมีออกสู่สายตาชาวโลก!
สุดท้ายแล้วช่วยฝากอะไรถึงแฟนคลับชาวไทยหน่อย
ฉันขอขอบคุณแฟนคลับชาวไทยมากๆ สำหรับการสนับสนุนที่มีมาโดยตลอด แม้ว่าฉันจะไม่ได้ใช้เวลาที่ประเทศไทยมากนัก แต่ฉันก็หวังว่าจะได้พบคุณในอนาคตอันใกล้นี้ แล้วเราก็จะได้ใช้เวลาอันแสนสนุกสุดเหวี่ยงไปด้วยกัน
ขอให้แฟนคลับชาวไทยน่ารักแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะ และฉันหวังว่าจะได้แผดเสียงร้องไปพร้อมกับคุณเร็วๆ นี้!