“มึงเขียนเรื่องนักข่าวบ้างสิ”
เพื่อนนักสัมภาษณ์สายบันเทิงของฉันหล่นประโยคนี้ออกมาบนโต๊ะกินข้าว
“เขียนยังไงอะ กูเป็นดารา ไม่ได้เป็นนักข่าวนี่ ไม่เข้าใจหรอกว่ามึงโดนอะไรมาบ้าง” ฉันตอบ
เออ จริงนะ ‘พี่ๆ นักข่าว’ นี่อยู่กับฉันมาตลอดตั้งแต่เริ่มแรกทำงาน (เอาเข้าจริงก็ก่อนเริ่มทำงานด้วยซ้ำ เพราะพี่เขามาคุยกับพ่อ เรื่องมีลูกกี่คน ไหนดูซิชื่ออะไรกันบ้าง แล้วก็ถ่ายรูปฉันหน้าตาเด๋อด๋าลงหนังสือไป) แต่ด้วยความที่อยู่ใกล้กันเกินไป เหมือนแขนเหมือนขา จนบางทีฉันก็ลืมๆ ไปว่าองคาพยพของวงการบันเทิงนั้นประกอบไปด้วยพี่ๆ เขาเป็นส่วนสำคัญ ยิ่งพอมาหลังๆ นี่มันมีเพจ มีไลฟ์ มีไอจี จนบางทีฉันก็แยกไม่ออกว่าอันไหนสื่อมวลชนหรืออันไหนตั้งเพจเม้าท์เล่นกับเพื่อน ไหนจะมีคนที่รอเอาผลสืบจากนักสืบพันดริฟท์ไปทำข่าว หรือคนที่คอยแคปสเตตัสฉันไปออกออนไลน์ เส้นสื่อมวลชนตอนนี้เลยจะดูบางๆ เบลอๆ อยู่พอควร บ่อยครั้งที่ฉันแอบจับได้ ว่าเวลานักข่าวเกริ่นว่า ‘ที่มีคนบอกว่า’ ‘หลายคนสังเกตว่า’ หรืออะไรทำนองนี้น่ะ ไม่ได้มีใครเอิ้นถามขึ้นมาหรอก พี่เขาแอบไปรู้มาเองนั่นล่ะ
แต่โดยส่วนตัวฉันเองไม่มีปัญหาอะไรกับนักข่าวนะ รู้ว่างานใครงานมัน เขาถามฉันก็ตอบ อันไหนตอบไม่ได้ก็บอกว่าไม่ทราบค่ะ ก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร บางทียังโดนพี่ๆ สอนมวยให้ด้วยซ้ำ ว่าดาราที่ไหนเขาตอบกันลุ่นๆ แบบนี้เล่าเธอจ๋า เธอต้องหัดเชื่อมโยงประเด็นตีฟูเสียบ้าง เล่นตอบรวบตึงแบบนี้ ก็มีข่าวได้ไม่กี่วัน
“เออ มึงอะ ตอบแบบ–จบเลยอะ”
“เช่นยังไงวะ”
“อะ ก็เวลานักข่าวถามเรื่องความรัก แกจะตอบไง”
“ก็ถ้ามีก็บอกมีค่ะ สงบสุขดี ถ้าไม่มีก็บอกไม่มีค่ะ จบ”
“นี่ไง มึงอะ ไม่ได้เรื่องเลย ถ้านักข่าวถาม ขั้นแรกก็ต้องตอบว่า “ก็ไม่มีอะไรค่ะ เรื่อยๆ อยากโฟกัสที่งาน” จากนั้น นักข่าวจะได้ถามต่อได้ไง ว่า “เอ๊ะ แล้วที่มีคนเห็นลงรูปไปกินข้าวกับพระเอก ฟหกด เอกอาสวเมื่อวันก่อนล่ะคะ” แกก็ต้องตอบว่า”เพื่อนกันค่ะ” นักข่าวก็จะได้ถามต่อได้อีก ว่า “แหม แต่เห็นคุณฟหกดถ่ายรูปแล้วแทคมาถึงด้วยนะคะ” แกก็ต้องตอบว่า…..”
“กูก็ตอบว่าค่ะ”
“ไม่ได้โว้ย!! ต้องตอบยิ้มๆ ว่าไปถามฟหกดดีกว่าค่ะ อันนี้ไม่ทราบจริงๆ แล้วนักข่าวก็จะได้ไปถามฝ่ายชาย พอได้คำตอบอะไรก็จะได้กลับมาถามแกอีกทีไง เนี่ย ก็ได้พื้นที่ข่าวละ เล่นได้หลายวันหน่อย นี่มึงเป็นดาราจริงป่ะวะ ไม่รู้เรื่องเลย”
เออ ไม่รู้จริงๆ นี่นา งานอะไรฉันก็ไม่ค่อยออกกับใครเขา ใครกิ๊กใครรักใครเกาเหลาใครก็ไม่รู้เรื่องหรอก ถ้าไม่มีคนมาสรุปให้ฟังนี่ก็ต้องถือว่าหลังเขาอย่างไม่มีชิ้นดี
“แต่บางที ดาราเขาก็อยากให้สัมภาษณ์นะ”
“เอ้า แหงสิ เขาเห็นแกเป็นนักข่าว เขาก็ต้องอยากเล่าเรื่องงานงี้ไง”
“ไม่ใช่เลย กูนี่อยากถามเรื่องงานตัวสั่นริกๆ เขากลับตอบไปเรื่องอื่น ตอบจนรู้อะ ว่าอยากพูดเรื่องนั้นมากกว่า”
“ยังไงๆๆ เล่าสิๆๆ”
“อะ เป็นยังไงบ้างคะกับหนังเรื่องล่าสุด เขาก็ตอบมาว่า คงต้องรอดูก่อนค่ะ แต่ตอนนี้กำลังสนใจเรื่องสุขภาพ”
“อ้าว เขาก็ตอบแล้วนี่”
“นี่เรียกตอบเหรอ!! มึงต้องเข้าใจนะ ว่าการนัดสัมภาษณ์เนี่ย ประชาสัมพันธ์ของหนัง/ละครเรื่องนั้นเขานัดคิวให้ไง แล้วก็นั่งฟังอยู่ในห้องสัมฯด้วย คือกูก็ต้องถามถึงงานนั้น แล้วแม่งพูดเรื่องสุขภาพทำไมคะ!!”
“แล้วอย่างงี้ทำไงอะ”
“ก็ต้องตะล่อมถามไปเรื่อยอะ ค่ะๆ สุขภาพดีแบบนี้มีผลต่อการแสดงมั้ย อะไรก็ว่าไป อย่าให้ดารามันแฝงการขายวิตามินกลูต้าของส่วนตัวได้ บางทีกูแทบตบกับพีอาร์ จะหมดเวลาแล้ว ยังคุยไม่ได้เนื้อได้หนังเลย บางทีก็ตอบเรื่อยเปื่อยล่องลอย ต้องเอามาเขียนใหม่ก็มี โอ๊ย เยอะ”
ระหว่างเพื่อนกระฟัดกระเฟียดนั้น ฉันก็ถามกลับบ้าง
“แล้วแกเคยรู้สึกผิดกับดาราบ้างมั้ยวะ”
“ผิดยังไงอะ”
“เอ้า ก็กูยังเคยโดนนักข่าวโทรมาเว้ย โทรหาแม่กูตอนห้าทุ่มแล้วถามว่า ได้ข่าวว่าคุณทรายไปทำแท้ง ข่าวนี้มาได้ยังไง–อยู่ๆ มาถามแม่กูซะงั้น อีห่า ถามเหมือนกูไปทำเล็บมา แม่จะรู้มั้ยว่าข่าวมาจากไหน ซากเด็กมันร้องบอกหรือไง แล้วโทรมาตอนห้าทุ่มงี้ ควรจะรู้สึกผิดบ้างปะวะ”
“แหม ถ้าไม่โทรถามแล้วลงข่าวเลย มึงก็โกรธป่ะวะ”
‘”อ้า แต่โทรมาตอนห้าทุ่มเนี่ยนะ มึงทำข่าววันใหม่ตอนตี 4 เหรอ–สรุปคือไม่รู้สึกผิดใช่ปะ”
“อะ ขอโทษๆๆ แทนเพื่อนพ้องน้องพี่กูด้วยละกัน แล้วมีไรอีกมั้ย”
“มี! หลังๆ ชั้นเห็นใจเวลาไปสัมฯกันในงานเปิดกล้องอะไรงี้ ที่ดารายืนเรียงกันเยอะๆ แล้วไมโครโฟนเยอะๆ บางอันเป็นคลิป บางอันเป็นไวร์เลส บางอันไมค์สาย ต้องหันโลโก้ให้กล้องนะคะ พี่ยื่นไมค์ไปทางนั้นหน่อยค่ะ เอาชิดปากอีกนิดค่ะพี่”
“แล้วไง ไม่อยากถือเหรอ ฮู้ยยย เยอะนะมึงเนี่ย”
“ไม่ใช่โว้ย ถือได้สบายมาก ช่วยๆ กันไป แต่มันจะมีคนนึงไง ที่เป็นดารากำลังฮอต กำลังมีประเด็น พอคุยเรื่องงานแล้ว คนนั้นก็จะถูกขึงพืดสัมภาษณ์กันตรงนั้นเลย ดาราที่เหลือก็ยืนไฝแห้งอะค่ะ ต้องถือไมค์กันไป หน้าหงิกก็ไม่ได้เดี๋ยวมีข่าวเกาเหลากับเพื่อน ถือห่างก็ไม่ได้ เดี๋ยวพี่นักข่าวไม่ได้ยินคำตอบ เดินไปนั่งก็ไม่ได้ ยืนโชว์รอยเปียกตรงจั๊กกะแร้ไปงั้นอะ เกิ้มมาก”
“………………”
“อะไร”
“เอ๊ะ ตอนแรกกูบอกให้มึงเขียนเรื่องนักข่าวไม่ใช่เหรอ”
“ใช่”
“แล้วทำไมไปๆ มาๆ มึงมาระบายเรื่องนักข่าวใส่กูวะ”
เออ ลืม ขอโทษที
ไว้คราวหน้าจะเผางานคนกองสายอื่นๆ บ้างละกัน โปรดระวังตัว!!!