สัปดาห์ก่อน ผมเพิ่งแวะไปทำธุระที่โตเกียวมากับครอบครัว เป็นครั้งแรกที่พาลูกชายอายุหกเดือนไปเดบิวต์ขึ้นรถไฟในโตเกียว ผลก็คือ เออ แน่นจริงๆ ครับ แน่นแบบยอมใจเลย สมกับที่เวลาเร่งด่วนนี่ขึ้นรถไฟไม่ต้องเอื้อมมือไปจับราวอะไรหรอกครับ เพราะว่ารถมันแน่นขนาดที่เรายืนเฉยๆ ก็ดันกันจนไม่มีที่ให้ล้มไปทางไหนเลย แต่ เอาจริงๆ แล้ว ก็มีคนเตือนกันเสมอว่า ท่านชายทั้งหลาย เวลาขึ้นรถไฟ ให้ยกมือขึ้นข้างบนเสมอ ไม่อย่างนั้นอาจจะซวย ตกเป็นเป้าหมายของคนที่จะหาเรื่องฟ้องว่าเราล่วงละเมิดทางเพศ หารายรับสบายๆไปอีกทาง
แต่ถึงจะว่างั้น จริงๆ แล้ว ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในรถไฟของญี่ปุ่นนี่ก็หนักเอาเรื่องนะครับ คือฝ่ายชายนี่ล่ะที่มีโอกาสก็แต๊ะอั๋งผู้หญิง เอามือลูบนั่นนี่ ยังไม่นับว่ามีหนังเอวีแนวนี้มาเพื่อตอบสนองแฟนตาซีของคนที่ชอบกระทำแบบนี้ไม่น้อยเลย จนพยายามหาทางแก้ทั้งหลายทั้งปวง นอกจากโปสเตอร์รณรงค์ที่มาหลายแนว ทั้งแนะนำว่าไม่ควรทำบ้าง ขู่ว่าทำแล้วจะโดนตำรวจจับบ้าง หรือมีแนวทางเช่น ตู้รถไฟหญิงล้วนในช่วงเวลาเร่งด่วน ที่ช่วยลดปัญหาได้ แต่ก็ยังมีปัญหานี้เรื้อรังอยู่ดี และเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไป ก็มีการล่วงละเมิดทางเพศแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ และรอบนี้กลายเป็นการใช้เทคโนโลยี AirDrop ของ iOS ในการล่วงละเมิดทางเพศ
ที่ผ่านมาตั้งแต่โทรศัพท์มือถือเริ่มมีกล้องถ่ายรูปตั้งแต่ต้นยุค 2000s ก็มีปัญหาการแอบถ่ายใต้กระโปรงตามมา ซึ่งก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ของญี่ปุ่น ยิ่งยุคมือถือฝาพับเครื่องเล็กๆ นี่สะดวกเลยครับ แอบถ่ายได้ง่ายมาก เลยเป็นเงื่อนไขของโทรศัพท์มือถือญี่ปุ่นว่าต้องมีเสียงชัตเตอร์เวลากดถ่ายรูปทุกครั้ง มือถือที่ผมใช้ก็เหมือนกันครับ แต่สุดท้ายแล้ว ของแบบนี้พอเป็นสมาร์ตโฟนก็ไม่ได้ยากอะไรที่จะหาแอพที่ปิดเสียงเวลาถ่ายรูปมาใช้ (ผมเองก็ใช้ แต่ไม่ได้เพื่อแอบถ่ายนะครับ แต่เสียงชัตเตอร์มันทำให้ลูกผมตื่นประจำ เลยต้องเปลี่ยนมาใช้แอพแบบนี้ล่ะครับ)
แต่ว่าการแอบถ่ายเป็นการเอารูปไปเพื่อความฟินของตัวเอง คือเก็บรูปใต้กระโปรงสาวๆ ไปใช้ตามสะดวก
แต่การใช้ AirDrop ในการละเมิดสาวๆ นี่มันต่างออกไปครับ
ก่อนอื่นมาคุยกันเรื่องฟังก์ชั่นนี้ก่อนดีกว่า AirDrop ก็คือฟังชั่นของ iOS ที่ทำให้เราสามารถส่งไฟล์ต่างๆ จาก iPhone หรือ iPad รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ OS X ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันได้ ซึ่งก็สะดวกกว่าการไล่ส่งผ่านเมลหรือทางอื่นๆ อันนี้แค่อยู่ใกล้ๆ กัน เลือกไฟล์ที่จะส่ง แล้วคนที่รอรับก็จะเห็นการแจ้งเตือนว่ามีคนจะส่งไฟล์มาให้ ก็กดรับ เท่านี้เอง สะดวกมากๆ ครับ
แล้วมันกลายมาเป็นการล่วงละเมิดทางเพศได้อย่างไร?
ปัญหาคือ เวลาส่งไฟล์ แล้วมันขึ้นหน้าจอแจ้งเตือนที่คนรับนั่นล่ะครับ มันจะมีภาพพรีวิวเล็กๆ ว่าคนที่ส่งเขาส่งอะไรมา พวกโรคจิตก็อาศัยระบบภาพพรีวิวนี่ล่ะครับ พยายามส่งรูปลามกต่างๆ ไปยังมือถือของสาวๆ ที่อยู่บริเวณรอบๆ ตัวในรถไฟ ส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นกระจู๋ตัวเองนั่นล่ะครับ ส่วนใหญ่พวกนี้ก็จะมีความสุขกับการที่สาวๆ ได้เห็นรูปกระจู๋ตัวเองแล้วตกใจ หรือประหม่าทำท่าอาย ซึ่งส่วนใหญ่เขาไม่รู้หรอกครับว่า ส่งไปแล้วจะไปถึงมือถือใคร ก็มักจะส่งแล้วคอยชะเง้อหาว่าสาวๆ คนไหนมีท่าทางแปลกๆ ควักมือถือมาดูแล้วรีบเก็บ พูดง่ายๆ พวกนี้คือพวกสายชอบโชว์ Exhibitionism หรือ Flasher ที่แต่ก่อนชอบคอยแอบอยู่มุมตึกแล้วงัดเอากระจู๋มาอวดสาวๆ ให้ร้องกรี๊ดนั่นล่ะครับ
แต่พวกนี้พัฒนาตัวเองตามเทคโนโลยี
หรือเราควรจะเรียกว่า E-Exhibitionist หรือ E-Flasher ดี
จริงๆ ผมเห็นเทรนด์ (จะเรียกว่าเทรนด์ดีมั้ย) นี้เป็นที่พูดถึงมาซักระยะนึงแล้ว โดยมีแฮชแท็ก #エアドロップ痴漢 หรือ พวกโรคจิต AirDrop ในทวิตเตอร์มาซักระยะนึงแล้ว แต่ตอนนั้นก็ยังเป็นเหมือนเรื่องฮือฮากันในเน็ต บางคนก็เอาไปเล่นตลกฮาๆ เช่นส่งรูปกวนๆ ตลกๆ พร้อมแคปชั่นฮาๆ ส่งไปให้คนอื่น หรือแกล้งทำเป็นส่งกันเอง แล้วใส่แคปชั่นฮาตอบกลับ เพื่อเรียกรีทวิตกันในทวิตเตอร์เท่านั้น
หลังจากเป็นเรื่องฮือฮาในเน็ตมาระยะหนึ่ง ซึ่งก็ไม่มีการดำเนินคดีใดๆ เพราะบางคนก็ไม่ได้มองเป็นเรื่องใหญ่ แถมตามหาตัวคนร้ายยากอีก เพราะมันมาแบบลอยๆ ไม่เหมือนพวกยืนแก้ผ้าโชว์จริง แต่ในที่สุดก็มีคดีที่เป็นเรื่องเป็นราวเสียที เนื่องจากในจังหวัดฟุกุโอกะ วันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีพนักงานบริษัทชายวัย 37 ปีคนหนึ่ง ถูกดำเนินคดีข้อหาอนาจารด้วยการส่งภาพผู้หญิงเปลือยทาง AirDrop นี่ล่ะครับ ซึ่งเขาก็ก่อคดีตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม แต่ที่จะเรียกว่าเป็นความโง่หรือความซวยของอีตานี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ
เนื่องจากความพยายามจะส่งรูปภาพผู้หญิงเปลือยไปให้สาวๆ ในรถไฟ กลายเป็นความวิบัติ แต่ดันไปเข้ามือถือของพนักงานบริษัทชายวัย 34 แทน ซึ่งชายคนนี้ก็ไม่ปล่อยเฉยครับ เขาไม่พอใจที่มีคนทำแบบนี้ เลยพยายามไล่ตามหาคนที่พยายามสอดส่องหาสาวทำหน้าเขินอยู่ พอเจอก็ตามลงสถานีเดียวกันแล้วเรียกตำรวจมา สุดท้ายผู้ต้องหาก็ยอมรับว่า ส่งรูปโป๊เพราะอยากจะเห็นปฎิกริยาของสาวๆ แล้วก็โดนดำเนินคดี เป็นคดีแรกของญี่ปุ่นเลยทีเดียวครับ (จะดีใจไหมหว่า)
จริงๆ ฟังก์ชั่นนี้มันก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนนะครับ แค่รู้การตั้งค่านิดหน่อย ให้รับเฉพาะคนในลิสต์ Contact List ของตัวเองเท่านั้นก็ได้ หรือไม่ต้องรับเลยก็ได้ แบบนี้ก็ไม่มีใครเห็นว่าเราเปิดรับอยู่ ช่วยปิดเส้นทางที่คนอื่นจะส่งมาได้ แต่ปัญหาคือ หลายคนก็ไม่ได้สนใจตรงนี้มาก่อน หรือไม่ได้รู้เกี่ยวกับฟังชั่นนี้มาก่อน อาจจะเพราะแค่อยากใช้ไอโฟน หรือซื้อเพราะแอพ เพราะกล้องถูกใจเท่านั้น ทำให้หลังๆ ก็มีเว็บหรือคลิปสอนวิธีการป้องกันตรงนี้มากขึ้น แต่คิดอีกทีมันก็ไม่เหมาะอยู่ดี เพราะมันก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ (โอเค อย่างน้อยก็ช่วยลดปัญหาได้อยู่)
แต่คนโรคจิตที่พยายามหาทางโชว์ของกับคนอื่นอย่างนี้ก็ยังลอยนวลสบายๆ
เท่าที่ไปอ่านมา ก็เจอไอเดียน่าสนเหมือนกัน เช่น แทนที่จะตั้งค่ามือถือของตัวเองตามชื่อตัวเอง ทำให้คนประสงค์ร้ายรู้ว่าเป็นมือถือของสาวๆ ก็เปลี่ยนไปตั้งชื่อแบบ แมนๆ ดุๆ แทน จะได้ถูกมองข้ามได้ง่ายๆ หรือบางคนก็เล่นหนักเข้าไปอีก คือตั้งชื่อเป็นมือถือของสถานีตำรวจ หรือของแก๊งยากุซ่าไปเลย เช่น สถานีตำรวจมินาโตะเครื่อง2 หรือ กลุ่มยามากุจิสาขาโกเบ893 เป็นต้น คนอยากจะส่งรูปเห็นชื่อก็คงต้องสะอึกไปทีนึงล่ะครับ
แต่ของแบบนี้ มันก็เหมือนแมวจับหนู ได้ข่าวว่า ในแวดวงพวกโรคจิตเขาก็มีเครือข่ายแชร์โนว์ฮาวความรู้ในการหาทางปลดเปลื้องความหื่นของตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีการกระทำอนาจารอะไรใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีใหม่ๆ อะไรอีกบ้าง คิดว่าคงไม่มีทางหมดไปได้ง่ายๆ หรอกครับ แต่อย่างน้อยอยากให้เข้าใจก่อนว่า เทคโนโลยีไม่ได้ผิด แต่เป็นการเอาไปใช้ผิดๆ ทำให้มันเกิดปัญหาครับ แต่คิดแล้วก็เหนื่อยนะครับ เฮ้อ
อ้างอิงข้อมูลจาก