Brick & Mortar Business หรือ ร้านค้าที่เป็นตึก เป็นร้านที่มีหน้าร้านจริงๆ ตลอดครึ่งทศวรรษหลังเรียกได้ว่าเจอผลกระทบที่หนักมาก ตัวเลขการปิดตัวของร้านค้าในอเมริกาที่มีหน้าร้านปีที่แล้วจากรายงานของ Business Insider บอกว่าสูงถึง 12,000 ร้านค้า มากกว่าปีก่อนหน้าถึง 30% ทั้งการถูก disrupt ด้วยแพลตฟอร์ม e-Commerce มากมาย พฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นหันไปซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น แต่ถ้านั่นยังไม่หนักพอ ไวรัส COVID-19 ที่ระบาดไปทั่วโลกได้ย่นเวลาให้คนหันไปช้อปปิ้งออนไลน์กันเร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ถึง 5 ปี เลยจากรายงานของ IBM
Chip Bergh, CEO ของแบรนด์กางเกงยีนส์ Levi’s, เคยกล่าวไว้ในรายการ Mad Money เมื่อปลายปี ค.ศ.2019 ว่า
“เรื่องไซส์จะกลายเป็นเรื่องของอดีตภายใน 10 ปีต่อจากนี้ เมื่อทุกคนสามารถแสกนร่างกายตัวเองได้ด้วยกล้องบนมือถือ”
Augmented Reality (AR) แอพพลิเคชั่นนั้นเริ่มกลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมมากขึ้นจากเทรนด์ “try-before-you-buy” หรือการได้ลองก่อนแล้วค่อยตัดสินใจซื้อ เพราะถึงแม้ว่าลูกค้าหลายคนหันไปใช้บริการ e-Commerce กันมากขึ้น ด้วยความสะดวกสบายและรวดเร็ว แต่พวกเขาก็มีปัญหาอันหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งก็คือเวลาซื้อของจากร้านค้าออนไลน์เราไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อมาอยู่ตรงหน้าจริงๆ แล้วมันจะเป็นยังไง
ด้วยเหตุนี้เองเราก็จะเริ่มเห็นธุรกิจต่างๆ เริ่มนำเทคโนโลยีโลกเสมือนอย่าง Augmented Reality มาผสมผสานเข้ากับ e-Commerce จนกลายเป็น Augmented Shopping ที่มีตั้งแต่การลองเอาเฟอร์นิเจอร์มาวางในบ้านอย่าง IKEA หรือ Home Depot ไปจนไฮเอนด์แฟชั่นอย่าง Louis Vuitton และ Gucci มาสวมใส่ดูว่าเหมาะกับเรารึเปล่าโดยการใช้กล้องมือถือและสมาร์ทโฟน ซึ่งก่อนที่ไวรัสโควิดระบาดนั้นฟีเจอร์เหล่านี้ถือว่า “nice-to-have” หรือมีก็ดี ไม่มีก็ไม่ได้เสียหาย
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า AR จะกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจเหล่านี้ไปเสียแล้ว
ข้อมูลจากเว็บไซต์ e-Commerce อย่าง Shopify
บอกว่าการใช้เทคโนโลยี AR นั้นทำโอกาส
ในการขายเพิ่มสูงขึ้นถึง 94%
ต่อไปในอนาคตสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นคือธุรกิจทั้งหลายจะเริ่มหันมาใช้ AR เพื่อเพิ่มประสบการณ์ช้อปปิ้งของลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะสร้างคุณค่าและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตัวธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาของการซื้อของออนไลน์ได้อย่างตรงจุด
Eden Chen ผู้ร่วมก่อตังบริษัทสตาร์ทอัพ Fishermen Labs ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเทคโนโลยี Augmented Reality ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ New York Times ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาอยากจะไปซื้อรองเท้ากีฬาสักคู่หนึ่ง เขาก็แค่เอาสมาร์ทโฟนในกระเป๋าออกมา เปิดกล้อง ส่องไปที่เท้าของเขาแล้วสักพักก็จะมีรองเท้าคู่หนึ่งโผล่ขึ้นมาทาบบนเท้าของคุณ ซ้ายเป็นยังไง ขวาเป็นยังไง
“รองเท้าบางทีวางอยู่หน้าตู้กระจกก็ดูสวยดี แต่พอมาใส่ดูจริงๆ แล้วเป็นอีกเรื่องไปเลย”
Nike คือหนึ่งในหลากหลายแบรนด์ที่ใช้เทคโนโลยีของ Chen เมื่อเราอยากลองรองเท้าสักคู่หนึ่งก็เปิดแอพพลิเคชั่นแล้วก็ลองสวมได้เลย ไม่ต้องออกจากบ้าน แถมยังแชร์ไปบนโซเชียลมีเดียทั้งหลายได้โดยตรงเลย Facebook กับ Snapchat ที่กำลังสร้างเทคโนโลยีที่คุณสามารถแสกนร่างกายของตัวเองแล้วลองใส่เสื้อยืดบนตัวของคุณได้เลย
เราอาจคุ้นเคยดีกับพวกฟิลเตอร์ต่างๆ บนแอพแชตหรือวีดีโอ ที่เปลี่ยนให้หน้าเราเป็นหมีโคอาล่า หรือเติมหนวด ใส่หมวกตลกๆ เพื่อเพิ่มสีสันในการพูดคุยกันอยู่แล้ว ซึ่งบริษัทเครื่องสำอางค์ต่างๆ
อย่าง Sephora ในยุค COVID-19 ก็ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้
เพื่อให้ลูกค้าได้ลองและซื้อเครื่องสำอางค์ทั้งที่ยังใส่ชุดนอนอยู่บ้านได้เลย
ธุรกิจอื่นๆ ที่อยากมีเทคโนโลยี AR ให้กับสินค้าของตัวเองก็เริ่มติดต่อ Snapchat ที่เพิ่มฟีเจอร์อย่าง Augmented Shopping เข้าไปในแอพพลิเคชั่นของตัวเองเรียบร้อย แบรนด์อย่าง Gucci หรือ Dior ก็เริ่มใช้ AR เพื่อให้ลูกค้าได้ลองสินค้าของตัวเองเช่นเดียวกัน ซึ่ง Augmented Shopping นั้นนอกจากจะช่วยให้เราเห็นภาพแล้ว มันยังส่งเสริมให้คนแชร์รูปภาพเหล่านี้ออนไลน์เพิ่มมากขึ้นเพื่ออวดเพื่อนๆ ของเขาด้วย จากสถิติเพียงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Snapchat บอกว่ามีผู้ใช้งานกว่า 19 ล้านคนที่ลองหยิบสินค้าของแบรนด์ Gucci ออกมาลองสวมเล่นบนโลกเสมือน (แต่ก็แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะซื้อ, แค่ลองเล่นดูเฉยๆ ซะมากกว่า)
เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว Snapchat ได้ร่วมมือกับร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ Kohl แล้วสร้าง AR Virtual Closet ขึ้นมา ลูกค้าสามารถเปิดแอพพลิเคชั่น Snapchat แล้วก็เสมือนว่าเดินเข้าไปในห้องลองเสื้อ ได้ลองเสื้อผ้าต่างๆ ตามที่ตัวเองต้องการแถมยังกดซื้อได้เลยจากตรงนั้น ซึ่งคอลเล็กชั่นต่างๆใน AR Virtual Closet จะมีการอัพเดทเรื่อยๆตามฤดูกาลและความต้องการของลูกค้า แม้แต่ Levi’s ก็นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ให้ล้ำขึ้นอีกด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า Squad ซึ่งเป็นการแชร์วีดีโอกันระหว่างเพื่อนประหนึ่งว่ากำลังลองเสื้อผ้าด้วยกันอยู่ที่ร้านเลย ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในความพยายามสร้างปฎิสัมพันธ์ที่ขาดหายไปในช่วงปิดเมืองและการระบาดของCOVID-19
ในยุคที่ทุกอย่างยากลำบาก ธุรกิจมากมายถูกกดดันให้สร้างกำไรอย่างต่อเนื่องเพื่อการเติบโตของธุรกิจ มันยากที่จะชี้นิ้วบอกได้เลยว่าต้องทำอย่างนู้นอย่างนี้ โดยเฉพาะกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังเริ่มก่อตัวเป็นกระแส แต่เทรนด์การใช้งาน Augmented Shopping แสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่ามันได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าจริงๆ และถึงแม้ว่ามันจะยังใหม่อยู่ แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่จะตอบแทนเป็นผลกำไรกลับมาในอนาคต
โลกของการช้อปปิ้งออนไลน์ยุคใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว ถ้าคุณอยู่ในสายงานนี้หรือธุรกิจกำลังหาช่องทางใหม่ๆในการเข้าถึงลูกค้า นี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีในการก้าวต่อไปข้างหน้าก็ได้ แน่นอนต้องดูที่บริบทว่าสินค้าของคุณเป็นอะไร สามารถนำ AR มาสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าของคุณได้แบบไหน อาจจะลองเอามาทดลองกับสินค้าเฉพาะลูกค้ากลุ่มเล็กๆ เช่น ถ้าคุณเป็นร้านขายเสื้อผ้าก็อาจจะโฟกัสที่เสื้อยืดไปก่อนแล้วค่อยไปกางเกง รองเท้า ฯลฯ สิ่งสำคัญคืออย่าลืมวัดผลว่าหลังจากทำไปแล้วได้ผลออกมาเป็นยังไง ลูกค้าซื้อเพิ่มมากขึ้นไหม คืนของน้อยลงไหม (เพราะเหมือนได้ลองแล้วไง)
ความซับซ้อนของมันอาจจะทำให้คุณรู้สึกยังไม่อยากทำ รอก่อนให้ทุกอย่างมันดูแน่นอนกว่านี้ แต่ในมุมของธุรกิจแล้วตอนนี้ทุกอย่างที่เป็นช่องทางและโอกาส ควรทุ่มเทพยายามศึกษาและนำมาปรับใช้ เพราะมันอาจเป็นประโยชน์ ช่วยทำให้คุณสร้างฐานลูกค้าในกลุ่มใหม่ๆ ในโลกที่เทคโนโลยีหมุนเร็วและถูกเร่งด้วย Covid-19 การช้าไปเพียงแค่นิดเดียวอาจจะหมายถึงความอยู่รอดของธุรกิจคุณเลยก็ได้
อ้างอิงข้อมูลจาก