1
มีข่าวร่ำลือว่า เธอให้คนไปลักลอบขุดศพของพระและบาทหลวงที่ฝังไว้ใต้ดินในวิหารเวสต์มินสเตอร์ เพื่อนำออกมาทำพิธีเสน่ห์ยาแฝดเพื่อให้กษัตริย์ยังคงหลงรัก
ซามูเอล เปปิส (Samuel Pepys) บันทึกถึงเธอเอาไว้ค่อนข้างมาก ด้วยเหตุที่ชื่อของเธอลือกระฉ่อนไปทั้งราชสำนักอังกฤษในยุคนั้น
เธอคือ บาร์บารา พาล์มเมอร์ (Barbara Palmer) หรือเลดี้แคสเซิลเมน (Lady Castlemaine) สาวงามที่ต่อมาจะได้เป็นดัชเชสแห่งคลีฟแลนด์ (Duchess of Cleveland) ผู้ผงาดขึ้นมามีอำนาจในราชสำนักแทบจะเทียบเท่ากับพระเจ้าชาลส์ที่สอง
“เธอเป็นผู้หญิงที่สะสวยอย่างยิ่ง ทว่าก็ร้ายกาจและโลภโมโทสันอย่างยิ่ง โง่เง่า ทว่ายะโส”
บาทหลวงอีกรูปหนึ่งบันทึกถึงเธอไว้เช่นนั้น
มันคือบันทึกที่แสดงให้เห็นถึงความชิงชังเข้ากระดูกดำ
2
ในยุคของพระเจ้าชาลส์ที่สอง บาร์บารา พาล์มเมอร์ ทรงอำนาจอย่างยิ่ง เธอมีอำนาจเหนือกษัตริย์อย่างสมบูรณ์แบบ แต่อำนาจของเธอเป็นไปในแง่ลบ เนื่องจากความโลภไร้ที่สิ้นสุด อารมณ์อันร้ายกาจ และอาการขาดซึ่งศีลธรรมทั้งปวง
นักบันทึกพงศาวดารอีกคนหนึ่งถึงกับเรียกเธอว่าเป็น — คำสาปของแผ่นดิน
บาร์บาราเกิดในตระกูลวิลลิเยร์ (Villiers) อันเป็นครอบครัวเก่าแก่ รับใช้ใกล้ชิดในราชสำนักมานาน แต่กระนั้น เมื่อเธอเกิดมา ครอบครัวของเธอกลับตกต่ำทางการเงิน พ่อของเธอเสียชีวิตในสงครามกลางเมืองอังกฤษ และเนื่องจากเขาใช้จ่ายไปมากมายกับม้า กองทหาร และอาวุธ ครอบครัวจึงยากลำบาก
นั่นทำให้บาร์บารากลายเป็นเด็กที่กระหายหาความร่ำรวยหรูหรา เพราะเธอคิดว่านั่นคือสิ่งที่เธอควรได้รับแต่ขาดไป ดังนั้นเธอจึงทำทุกวิถีทางที่จะก้าวเข้าสู่แวดวงสังคมชั้นสูง ก้าวเข้าสู่ความร่ำรวย
ในวัยสิบแปดปี เธอแต่งงานกับโรเจอร์ พาล์มเมอร์ จากตระกูลคาวาลิเยร์ (Cavaliers) มันเป็นการแต่งงานที่ผู้ใหญ่เห็นชอบ แต่เธอกับสามีเข้ากันไม่ได้เลย บาร์บาราเป็นหญิงสาวกร้าวห้าวก๋ากั่น เธอเป็นเหมือนม้าพยศ ในขณะที่สามีของเธอเป็นผู้ชายเงียบขรึม รักการเรียน แถมยังเป็นคาทอลิกที่เคร่งศาสนาด้วย
สามีพาเธอไปอยู่บ้านไร่ไกลห่างแสงสี แต่บาร์บาราอยู่เฉยไม่ได้ เมื่อสบโอกาส บาร์บาราก็จัดการให้ตัวเองได้เข้าสู่ราชสำนัก
ประวัติศาสตร์อังกฤษช่วงนี้วุ่นวายยุ่งเหยิง พระเจ้าชาลส์ที่หนึ่งถูกโค่นล้มราชบัลลังก์ ผู้ปกครองบ้านเมืองแทนคือโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ (Oliver Cromwell) แต่แล้วฝ่ายนิยมกษัตริย์ก็กลับมาครองอำนาจได้ นั่นทำให้สามีของบาร์บาราต้องพาภรรยาวัยสิบเก้าปีของเขาเข้าเฝ้าพระเจ้าชาลส์ที่สอง ว่ากันว่า เธอมีทุกอย่างที่ผู้หญิงพึงมี เส้นผมยาวสีเกาลัด ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม รูปร่างยั่วยวน ทั้งหมดนี้ทำให้เธอกับพระเจ้าชาลส์ที่สองต้องใจกัน
แน่นอน — นี่คือการคบชู้ แต่เมื่อฝ่ายที่คบชู้คือกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจที่สุดในแผ่นดิน
สามีของบาร์บาราจะทำอะไรได้
ค่ำคืนแรกที่พระเจ้าชาลส์ที่สองเสด็จฯ คืนสู่อังกฤษพร้อมชัยชนะ พระองค์อยู่กับบาร์บารา และในที่สุด คนในราชสำนักก็เรียกขานเธอว่า ‘นางบำเรอที่ร่านที่สุดและสวยที่สุดของพระเจ้าชาลส์’
ในตอนแรก ไม่มีใครรู้เรื่องความสัมพันธ์นี้มากนัก แต่แล้วบาร์บาราก็ตั้งครรภ์ สิริรวมแล้ว เธอมีลูกกับพระเจ้าชาลส์ถึงหกคน แต่ที่พระเจ้าชาลส์รับรองว่าเป็นลูกมีอยู่ห้าคน โดยให้ใช้นามสกุลฟิตซ์รอย
ในเวลาเดียวกัน พระเจ้าชาลส์ที่สองเองก็เห็นใจสามีของบาร์บารา ด้วยความที่เขาไม่หือไม่อือ พระองค์จึงแต่งตั้งให้เป็นเอิร์ลแห่งแคสเซิลเมน ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งขุนนางไอริช นั่นทำให้บาร์บาราได้ตำแหน่งเป็นเลดี้แคสเซิลเมนไปด้วย สามีของเธอยอมรับตำแหน่ง แต่เขาไม่เคยเข้าไปทำงานในสภาไอริชเลย ส่วนบาร์บาราเองก็แสนสำราญกับตำแหน่งใหม่ เพราะทำให้เธอเข้านอกออกในวังได้ แต่ในที่สุดทั้งคู่ก็เลิกรากัน
แล้วในขณะที่ความสัมพันธ์กับกษัตริย์กำลังไปด้วยดีนั่นเอง พระเจ้าชาลส์ก็กลับมีดำริจะอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงแคเธอรีนแห่งบรากานซา (Catherine of Braganza) จากโปรตุเกส แน่นอนว่าบาร์บาราเจ็บปวด เธอเลือกจะหนีไปคลอดลูกที่พระราชวังแฮมป์ตันคอร์ท ปล่อยให้กษัตริย์กับราชินีองค์ใหม่ไปฮันนีมูน
หลายคนในราชสำนักคาดเดาว่า บาร์บาราต้องตกกระป๋องแน่ๆ แต่ไม่เลย — บาร์บาราไม่ยอมง่ายๆ ขนาดนั้น เธอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนางกำนัลประจำห้องบรรทม หรือ Lady of the Bedchamber ของราชินี ซึ่งสามารถเข้านอกออกในได้
แต่ราชินีมีหรือจะยอม แคเธอรีนแห่งบรากานซาดึงชื่อของบาร์บาราออกจากรายชื่อนางกำนัลในทันทีที่เห็น จึงเกิดเหตุการณ์ที่ ‘แซ่บ’ เอามากๆ ในราชสำนัก เพราะบาร์บาราไม่ยอมเช่นกัน เธอ ‘วัดใจ’ พระเจ้าชาลส์ที่สอง ด้วยการกราบบังคมทูลว่าราชินีปฏิบัติเช่นนี้กับเธอ
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ พระเจ้าชาลส์ที่สองพาตัวบาร์บาราไปพบกับราชินีด้วยตัวเอง พระองค์ให้บาร์บาราถวายตัวกับพระราชินี ว่ากันว่า แคเธอรีนแห่งบรากานซาถึงขั้นเป็นลมล้มลงและมีเลือดกำเดาไหลออกจากจมูก ซึ่งกลับยิ่งทำให้พระเจ้าชาลส์ที่สองกริ้วจัดเข้าไปใหญ่ เพราะเห็นว่านี่คือการขัดคำสั่งของพระองค์ สุดท้าย พระองค์จึงไล่นางกำนัลชาวโปรตุเกสทั้งหมดออกไป อนุญาตให้ราชินีมีผู้ติดตามไม่กี่คน เพื่อบีบให้พระนางต้องรับบาร์บาราไว้ สุดท้าย ราชินีก็ต้องยอมแพ้ และอนุญาตให้บาร์บาราได้เป็นนางกำนัลของพระนาง
นี่น่าจะเป็นเรื่องเจ็บปวดยิ่งของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่คือชัยชนะยิ่งใหญ่จนน่าลำพองใจของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
บาร์บารารุ่งโรจน์ขึ้นหม้อ ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีภาพเขียนของเธอมากที่สุด เพราะเธอมีเงินจ้างจิตรกรมาวาดรูปตัวเอง ว่ากันว่า เธอมีรายได้จาก ‘เงินปี’ ปีละถึงห้าพันปอนด์ (ซึ่งถือว่าเยอะมากในยุคนั้น) แต่แค่นั้นยังไม่พอ เธอ ‘ทำมาหากิน’ จากทุกสิ่งเท่าที่จะทำได้ เช่นเวลาที่ทูตจากต่างประเทศต้องเข้าเฝ้าพระเจ้าชาลส์ ก็ต้องจ่ายเบี้ยบ้ายรายทางให้เธอก่อน เป็นต้น
หลายคนวิเคราะห์ว่า คล้ายบาร์บารากำลัง ‘ชดเชย’ ตัวเองจากวัยเด็กที่ยากจน เธอใส่เครื่องเพชรมูลค่าสามหมื่นปอนด์ไปดูละคร รถม้าของเธอก็ต้องมีม้ามากกว่าคนอื่น รวมทั้งต้องมีเครื่องประดับหรูหรากว่าใครเพื่อน แม้พระเจ้าชาลส์จะยกวังหรูสไตล์ทิวดอร์ให้เธอเป็นของขวัญ แต่เมื่อได้รับวังมาแล้ว เธอก็รีบรื้อเอาข้าวของในวังออกมาขายเพื่อปรนเปรอตัวเองทันที
คำร่ำลือร้ายกาจที่สุดก็คือ เธอเป็นผู้หญิงที่มักมากในทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องของทรัพย์สินเงินทองเท่านั้น ว่ากันว่า เธอมีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงด้วยกัน และถึงขั้นสั่งให้ขุดศพของบาทหลวงในเวสมินสเตอร์ขึ้นมา แล้วเธอก็ใช้ปากกัดอวัยวะเพศของศพจนขาด เพื่อนำมาทำเสน่ห์ยาแฝด คำร่ำลือเหล่านี้เป็นจริงหรือไม่ — ไม่มีใครรู้, รู้แต่ว่ามันทำให้ภาพของเธอตกต่ำเลวร้าย และเธอก็มีศัตรูในราชสำนักมากมายพอๆ กับชู้รักหลากเพศของเธอ
3
บาร์บาราเป็นคนอาฆาตพยาบาท เธอกำจัดศัตรูในราชสำนักออกไปทีละคนๆ แม้กระทั่งคนที่เรืองอำนาจไม่แพ้เธออย่างเอิร์ลแห่งคลาเรนดอน (Earl of Clarendon) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาใหญ่ของกษัตริย์
การกำจัดคลาเรนดอนทำให้บาร์บาราเชื่อว่าเธออยู่เหนือทุกสิ่ง พระเจ้าชาลส์ที่สองอยู่ข้างเธอ และไม่มีใครทำอะไรเธอได้ บาร์บารานั้นแข็งแรง กล้าหาญ และไม่มีใครขวาง แต่ในเวลาเดียวกัน กษัตริย์ก็มีผู้หญิงมากหน้า เธอจึงไม่เห็นเหตุผลที่ต้องซื่อสัตย์ต่อชู้รักกษัตริย์ด้วยเช่นกัน
ที่จริงเธอกับพระเจ้าชาลส์ที่สองทะเลาะกันอย่างเผ็ดร้อนหลายครั้ง แต่เธอใช้วิธีหนีออกจากวัง แล้วรอให้กษัตริย์ตามมาง้อด้วยของขวัญราคาแพง เธอเคยขู่พระเจ้าชาลส์ด้วยว่า ถ้าพระองค์ไม่ยอมรับลูกที่เกิดมา เธอจะจัดการทุบกะโหลกเอาสมองของทารกออกมาต่อหน้าพระองค์ และครั้งหนึ่งก็มีรายงานว่า เธอบังคับให้พระองค์หมอบคลานอยู่แทบเท้าเธอต่อหน้าราชสำนักด้วย
นับเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
4
แต่ชีวิตไม่เคยมีอะไรแน่นอน ในปี ค.ศ. 1674 ความตกต่ำของเธอก็มาถึง เมื่อนางในคนใหม่ที่เป็นนักแสดงเลื่องชื่ออย่าง เนล กวิน (Nell Gwynne) เข้ามาสู่ราชสำนัก เธอถูกแทนที่ ความร้ายกาจของเธอทำให้พระเจ้าชาลส์เริ่มเบื่อหน่าย พระองค์ถอดเธอจากตำแหน่งนางกำนัลข้างพระที่ในห้องบรรทม แต่แต่งตั้งให้เป็นดัชเชสแห่งคลีฟแลนด์แทน
ความตกต่ำแท้จริงมาเยือนเมื่อพระเจ้าชาลส์สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1685 เมื่อปราศจากอำนาจกษัตริย์ หนี้พนันของเธอก้อนโตก็ดึงดูดเจ้าหนี้เข้ามาหา เธอต้องขายบ้าน ขายคฤหาสน์ แล้วสุดท้ายเธอก็เลือกแต่งงานกับ ‘นักฉวยโอกาส’ อีกคนหนึ่ง ซึ่งเมื่อเขารู้ว่าเธอไม่ได้มีสมบัติมากมายอย่างที่คาด เขาก็ซ้อมเธอ และสุดท้ายการแต่งงานก็กลายเป็นโมฆะ
บาร์บาราเสียชีวิตในวัย 68 ปี หลังป่วยด้วยโรคท้องมาน เธอใช้ช่วงสองสามปีสุดท้ายในบ้านที่ชิสวิค ว่ากันว่าวิญญาณของเธอยังคงร้อนรนไม่หยุดหย่อน และยังคงสิงสู่อยู่ที่นั่นมาจนปัจจุบัน
จะว่าไป ชีวิตของบาร์บารา พาล์มเมอร์ เป็นชีวิตที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง เธอคือนักการเมืองผู้เชี่ยวชาญ ผู้ปั่นหัวกษัตริย์และผู้คนมากมาย ไม่เคยมีนางในคนใดมีอิทธิพลต่อกษัตริย์มากเหมือนเธอมาก่อน
แต่กระนั้น เราก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องราวร้ายๆ ของเธอที่มีการบันทึกไว้ทั้งหลายนั้น คือเรื่องจริงหรือการป้ายสี ทั้งเรื่องชู้รัก ความโลภ ความงมงายต่างๆ แต่ที่เรารู้แน่ๆ ก็คือเธอเก่งนัก — ในการจัดการกับภัยคุกคามของศัตรู และดังนั้นจึงเรืองอำนาจอยู่ในราชสำนักได้จนถึงวาระสุดท้ายของกษัตริย์