ข่าวใหญ่ที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาของญี่ปุ่นคงหนีไม่พ้นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่โอซาก้า ทำเอาชาวญี่ปุ่นต้องพรั่นพรึงและเข้านอนอย่างไม่สบายใจกันไปอีกสักระยะ เพราะมีโอกาสที่ลูกใหญ่กว่าจะกลับมาไหวอีกครั้ง และข่าวที่ทีมชาติญี่ปุ่นเอาชนะโคลอมเบียได้ในฟุตบอลโลกที่ช่วยให้คนลืมเรื่องน่าเป็นห่วงได้ระยะหนึ่ง
กระนั้นก็มีข่าวหนึ่งที่เป็นหัวข้อข่าวรอง แต่อีกไม่นานคงมีผลกระทบต่อสังคมญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก นั่นคือ ข่าวที่สภาล่างของญี่ปุ่นผ่านกฎหมายอนุญาตให้ตั้งคาสิโนในญี่ปุ่นได้แล้ว
เรื่องคาสิโนในประเทศญี่ปุ่นเป็นเรื่องที่ถกกันมานาน หลายคนก็มองว่าเป็นลู่ทางในการหาเงินเข้าประเทศ แต่หลายคนก็เกรงกลัวว่าจะก่อให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา แต่ในแผนการณ์พลิกฟื้นประเทศญี่ปุ่นของรัฐบาลอาเบะที่ประกาศออกมาในปี 2015 ว่าหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิของเขาคือการดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศให้ได้มากขึ้น
โดยตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2030 ต้องมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวน 30 ล้านคนต่อปีให้ได้ และหนึ่งในวิธีการเพิ่มนักท่องเที่ยวที่เขาตั้งใจไว้ก็คือการเอาคาสิโนมาเป็นตัวชูโรง
ที่ผ่านมามีการถกเรื่องนี้กันมาหลายต่อหลายครั้ง มีความเห็นมากมาย แน่นอนว่ารัฐบาลอาเบะต้องอยากได้คาสิโนอยู่แล้ว การผ่านกฎหมายสำเร็จครั้งนี้ก็มีโอกาสที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวญี่ปุ่นครั้งใหญ่ และแน่นอนว่า ท้องถิ่นหลายพื้นที่ก็เข้ามาแสดงความสนใจให้เป็นที่ตั้งคาสิโน เพื่อหาโอกาสที่จะพัฒนาท้องถิ่นของตัวเอง หารายได้ใหม่ๆ เข้ารวมถึงการสร้างงานสร้างโอกาส พลิกฟื้นสภาพเมืองที่กำลังจะตายเพราะประชากรลดลงอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงเป็นห่วงจากทางประชาชนเช่นกัน
แต่ก่อนอื่นเลย เอาจริงๆ ญี่ปุ่นไม่ได้เรียกว่าการออกกฎหมายคาสิโนนะครับ เพราะฟังแล้วไม่ระรื่นหู เลยเรียกว่า การออกกฎหมายอนุญาตให้จัดตั้ง Integrated Resort (IR) หรือรีสอร์ตแบบครบวงจรแทน ไม่ได้มีแค่คาสิโน แต่มีทั้งโรงแรม ศูนย์จัดประชุม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร โรงละคร โรงภาพยนตร์ สวนสนุก รวมไปถึงสนามกีฬา อยู่ในที่เดียวกันให้ครบๆ แล้วมีคาสิโนไปแปะเป็น ‘ส่วนหนึ่ง’ ในนั้น ไม่ได้กะจะตั้งคาสิโนลุ่นๆ ลอยๆ ขึ้นมา มีอะไรให้คนไปได้ทั้งครอบครัว ไม่ใช่แค่ไปพนันอย่างเดียว
พอบอกว่าที่ญี่ปุ่นจะทำคือรูปแบบของ IR แล้ว วิธีที่คิดง่ายๆ ก็คือให้ไปดูแบบอย่างที่ Marina Bay Sands ประเทศสิงคโปร์ หรือ The Venetian Macau ที่มาเก๊า ซึ่งบริหารงานโดยเครือ Las Vegas Sands (LVS) เหมือนกันทั้งคู่ ไอเดียก็คล้ายๆ กับ entertainment complex ที่อดีตนายกของไทยรายหนึ่งเคยเสนอไปนั่นล่ะครับ อย่างน้อยก็ไม่ได้พนันอย่างเดียว แต่เป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายอย่างอื่นด้วย มาเป็นครอบครัวก็มีกิจกรรมให้ทำ อย่างตอนที่ครอบครัวผมไปมาเก๊าก็ปล่อยพี่เขยไปเล่นเต็มสูบ พี่สาวกับหลานก็ไปดูของเล่นกับตา ผมกับภรรยาก็เดินหาของอร่อยๆ กินในระหว่างที่ดูสินค้าต่างๆ ไปเรื่อยๆ มีกิจกรรมทำครบครันไม่ต้องออกไปไหน เงินก็ไหลอยู่ในนั้น
และก็เป็น LVS นี่ล่ะครับ ที่เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สนใจจะมาลงทุกในคาสิโนที่ประเทศญี่ปุ่น ถ้าหากเงื่อนไขน่าสนใจพอ LVS ก็ส่งข่าวมาทางญี่ปุ่นเรื่อยๆ แบะท่าว่าพร้อมลงทุน พร้อมเอา know-how เข้ามาช่วยบริหารจัดการให้ รับรองว่ารุ่งแน่นอน
พอรัฐบาลมีแนวทางเปิด IR ขึ้นมา โดยมีการกะเกณฑ์ว่าคงเปิด 3 แห่ง ก็มีสารพัดเมืองที่สนใจจะเอา IR มาลงในท้องที่ตัวเอง รวมไปถึงทางนักลงทุนด้วย ตัวอย่างเช่น โตเกียว หรือโยโกฮาม่า ที่เป็นเป้าหมายของ LVS เพราะน่าจะพร้อมที่สุด ทั้งเรื่องการคมนาคม และปริมาณการหมุนเวียนของนักท่องเที่ยว รวมไปถึงประชาชากร แต่สองเมืองนี้ปฏิเสธไป เพราะโตเกียวเองต้องไปโฟกัสกับการจัดโอลิมปิกที่จะถึง ส่วนโยโกฮาม่าก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนเท่าไหร่ แต่เมืองใหญ่ที่พยายามเสนอตัวอย่างเข้มข้นเอามากๆ และเป็นตัวเลือกที่มาแรงที่สุดคือโอซาก้า ที่เสนอจะสร้างขึ้นบน ยูเมะชิม่า (Yumeshima – เกาะแห่งความฝัน) เกาะที่เกิดจากการถมทะเล โดยปรับให้เป็น IR แบบเต็มตัว ทำรายได้เข้าจังหวัดแน่นอน แถมจุดเด่นคือมีเมืองใหญ่ ประชากรมาก และมีสนามบินขนาดใหญ่พร้อมรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติอยู่แล้ว เพียงแต่ติดอยู่ตรงที่โอซาก้ากำลังพยายามยื่นขอจัดงาน Expo ปี 2025 อยู่เช่นกัน หากได้งาน Expo เรื่องสถานที่ก็คงมีปัญหาไม่น้อย เพราะจะมี IR อยู่กับ Expo ก็คงไม่งาม
นอกจากโอซาก้าแล้วยังมีอีกหลายเมืองที่พยายามเสนอตัวเช่นกัน เช่นที่ วากายามะ (Wakayama) ไม่ไกลจากโอซาก้านัก ที่เสนอตัวว่าเป็นพื้นที่ที่พร้อมจะจัดงาน เมือง โทมาโกะไม (Tomakomai) เมืองท่าทางตอนใต้ของฮอกไกโดก็เสนอตัวเช่นกัน เพราะใช้เวลาเดินทางจากสนามบิน Shin Chitose ไม่นานนัก เป็นเมืองติดทะเล และที่สำคัญคือ เมืองต้องการกระตุ้นให้เมืองสดชื่นขึ้นบ้างหลังจากประชากรลดลงเรื่อยๆ ถ้าหากมีคาสิโนก็จะช่วยให้มีนักท่องเที่ยว มีการจ้างงานและรายรับเข้าเมือง
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ ซาเซโบะ (Sasebo) ในนางาซากิที่คุ้นกับการต้อนรับชาวต่างชาติมานาน เพราะในสมัยที่ญี่ปุ่นยังปิดประเทศ นางาซากิก็เป็นที่เดียวที่ยอมให้ชาวต่างชาติเข้ามา นอกจากนี้ก็ยังมีที่อื่นๆ ที่แสดงความสนใจอีกเช่น โทโกนาเมะ (Tokoname) ในจังหวัดไอจิ ที่อยู่ใกล้สนามบิน Chubu (Centrair) ทางเข้าไปสู่นาโกย่าเมืองใหญ่อันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นอีกเมืองเช่นกัน ทุกเมืองต่างพยายามแข่งกันเพื่อปลุกเมืองของตัวเองผ่านเศรษฐกิจ
และแน่นอนว่า คาสิโน ก็เป็นธุรกิจที่ประเทศญี่ปุ่นมีเคยจัดทำขึ้นมาก่อน เลยมีข้อเป็นห่วงมากมาย โดยเฉพาะเรื่องปัญหาการเสพติดการพนัน แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะทำตามแนวทางของ Marina Bay Sands คือมีการเก็บค่าเข้าสำหรับชาวญี่ปุ่น ครั้งละ 6,000 เยน เพื่อช่วยลดความอยากเข้าไปเล่นพนัน รวมไปถึงอนุญาตให้เข้าสูงสุดได้สัปดาห์ละ 3 ครั้ง หรือเดือนละ 10 ครั้งเท่านั้น และต้องโชว์บัตร My Number เพื่อแสดงตนก่อนเข้าไปเล่นเสมอ
แต่เอาเข้าจริงๆ หน่วยงานที่ดูแลเรื่องอาการเสพติดการพนันก็เป็นห่วงเอามากๆ เพราะว่า ถึงจะมีการป้องกันแบบนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะได้ผลจริงๆ คนจะติดมันก็ติด ลองคิดดูว่า ให้เข้าสัปดาห์ละ 3 ครั้ง แต่ไม่ได้บอกนี่ครับว่าให้ออกภายใน 24 ชั่วโมง แล้วคาสิโนนี่ยิ่งออกแบบให้คนข้างในไม่รู้วันเวลาอยู่แล้ว แถมมีของกิน มีเครื่องดื่มเสิร์ฟ ก็เล่นกันไปยาวๆ ไป อย่าได้ดูถูกความบ้าพนันของคนญี่ปุ่นนะครับ ขนาดปาจิงโกะนี่ผมยังเห็นคนไปยืนเข้าคิวรอเล่นกันตั้งแต่เช้า (แต่ก็งงว่า เขาไม่นับว่าเป็นการพนัน เลยไม่มีการบำบัดคนที่ติดปาจิงโกะเท่าไหร่) แถมคนชอบคาสิโนนี่ก็ข้ามฟากไปเล่นที่เกาหลีด้วย
เลยไม่แปลกใจที่แม้ภาครัฐจะอยากได้ แต่ภาคประชาชนหลายแห่งก็ต่อต้านด้วย เพราะกลัวเรื่องการติดการพนันของคนในท้องถิ่นนี่ล่ะครับ
แม้ตอนเสนอจะวาดภาพสวยงามว่า ปริมาณนักท่องเที่ยวที่จะมาเล่นคาสิโนจะสูงกว่าปริมาณคนท้องถิ่นชาวญี่ปุ่นแน่นอน แต่พอท้องถิ่นคำนวนไปคำนวนมา ตัวเลขส่วนใหญ่ก็ออกมาว่ารายได้หลัก 60-70% จะมาจากคนท้องถิ่น ปวดหัวกันเลยสิครับ แถมทำถึงขนาดนี้ ทางผู้บริหารของ LVS ก็ยังไม่ค่อยพอใจ คิดว่าไม่ควรมีการกีดกันคนท้องถิ่นขนาดนั้น ก็แหงล่ะ เขาไม่ได้สนว่าเป็นเงินใคร เพราะเงินที่เข้าคาสิโนไม่มีสัญชาติอยู่แล้ว ยังไม่นับว่าทาง LVS ไม่ค่อยพอใจที่ได้ขนาดพื้นที่ของคาสิโนแค่ 15,000 ตารางเมตร ที่แม้จะเท่ากับสองประเทศต้นแบบ แต่ประเด็นคือ เมื่อเทียบกับประชากรสิงคโปร์ประมาณ 6 ล้านคนแล้ว โอซาก้ามีประชากรถึง 8.8 ล้านคน และบวกกับจังหวัดใกล้เคียงกันเช่น เกียวโต 2.6 ล้านคน เฮียวโกะอีก 5.5 ล้านคน LVS มองว่า พื้นที่ 15,000 ตารางเมตรนั้นน้อยเกินเมื่อเทียบสัดส่วนประชากรท้องถิ่น ยังไม่นับรวมนักท่องเที่ยวเลยด้วยซ้ำ ทำให้มีเสียงแย้งว่าตกลงจะมาหากินกับคนในท้องถิ่นหรือดึงนักท่องเที่ยวกันแน่
และยังมีการตั้งคำถามอีกว่า คาสิโน หรือ IR จะมีพลังในการดึงนักท่องเที่ยวขนาดนั้นจริงๆ หรือ เพราะการสำรวจของ JNTO ในปี 2017 พบว่า ถ้าหากมี IR เกิดขึ้นในญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวแค่ 7% เท่านั้นที่สนใจจะใช้บริการคาสิโน ในขณะที่ 46% สนใจห้างสรรพสินค้า 43% สนใจการพักในโรงแรม และ 40% คือสวนสนุก บางทีญี่ปุ่นอาจจะมอง Marina Bay Sands และ The Venetian Macau ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่จุดที่ไม่ควรลืมเลยคือ นักพนันที่เข้าไปใช้บริการในสอง IR ที่ว่ามาคือมวลมหาประชาชนชาวจีนนั่นเอง และปัจจัยที่ทำให้ชาวจีนไปใช้บริการ คือนอกจากระยะทางที่ไม่ไกลมาก ยังสามารถสื่อสารกันด้วยภาษาจีนแมนดารินได้ ซึ่งตรงจุดนี้ญี่ปุ่นจะปรับตัวอย่างไรและดึงนักท่องเที่ยวได้แค่ไหน คงต้องทำการบ้านหนักแน่นอน
หนึ่งในความเห็นที่น่าสนใจเอามากๆ ก็คือว่า ทำไมอาเบะถึงได้พยายามผลักดันคาสิโนหนักขนาดนี้ แม้จะมีเสียงต่อต้าน รวมถึงมีข้อบ่งชี้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นหลายเรื่อง นักข่าวรุ่นใหญ่ คุณ Ikegami Akira ก็ได้เชื่อมต่อความสัมพันธ์อย่างน่าสนใจว่า เครือคาสิโนต่างชาติที่มีโอกาสเข้ามาเปิด IR ในญี่ปุ่นสูงมากคือ เครือ LVS ตามที่ได้กล่าวไว้ และเจ้าของเครือนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Sheldon Adelson หนี่งในผู้ให้การสนับสนุนหลักของแคมเปญเลือกตั้งของ ปธน. ทรัมป์ ด้วยการบริจาคเงินถึง 25 ล้านเหรียญ
แน่นอนว่าการทำให้มิตรสหายของทรัมป์มีความสุขก็คงช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างอาเบะและทรัมป์ได้ไม่มากก็น้อย
อ้างอิงข้อมูลจาก