ช่วงเดือนที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวใหญ่ของวงการบันเทิงของญี่ปุ่นก็คือ กรณีที่ดาราตลกของค่าย Yoshimoto ของญี่ปุ่น ถูกนิตยสาร Friday (เจ้าเก่า) แฉว่า แอบไปรับงานโดยไม่ผ่านต้นสังกัด ซึ่งถ้าเรื่องแค่นั้นก็คงเป็นเรื่องลงโทษตักเตือนกันในบริษัท แต่ปัญหาก็คือ งานที่ไปรับ ก็คืองานเล่นตลกในงานเลี้ยงของบริษัทที่ถูกแฉว่าเป็นมิจฉาชีพ ต้มตุ๋นคนแก่ทางโทรศัพท์ ก็เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเท่ากับรับเงินผิดกฎหมายที่มาจากการหลอกคนนั่นล่ะครับ
ผลก็คือ ดาราตลกที่ไปร่วมงานทุกคน ก็โดนค่ายสั่งพักงานกันยาวๆ บางคนก็ออกมาประกาศว่าจะเป็นอาสาสมัครเพื่อสังคมเพื่อชดใช้สิ่งที่ตัวเองทำลงไป ส่วนตัวการที่เป็นคนรับงานมาและชวนเพื่อนร่วมค่ายไปหาลำไพ่พิเศษ ก็โดนค่ายยกเลิกสัญญาทันที ส่งผลกระทบต่อวงการบันเทิงเป็นอย่างมาก เพราะบางรายการก็ต้องมาปวดหัวที่พิธีกรหลักโดนพักงาน แต่ก็เป็นตัวอย่างของความเข้มงวดของวงการบันเทิงญี่ปุ่น
ถ้าใครตามวงการบันเทิงญี่ปุ่นก็คงผ่านตาความเข้มงวดที่มีต่อคนดังทั้งหลาย ซึ่งในโลกที่โทรทัศน์คือสื่อหลัก ช่องทางที่เหล่าคนดังจะได้พบกับคนดู ก็กลายเป็นมีตัวกลางคอยควบคุมอยู่เสมอ และในวงการบันเทิงญี่ปุ่นที่มีคนมากหน้าหลายตาเยอะเหลือเกิน หลายต่อหลายครั้งที่เราก็มักจะได้เห็นคนที่ดังเป็นพลุอยู่ซักปีสองปี แล้วจู่ๆ ก็หายไป ซึ่งก็เป็นสัจธรรมของวงการว่ามีขึ้นก็มีลง (คนที่อยู่ทนก็ทนเหลือเกิน) หลายครั้งก็เป็นเพียงเพราะเทรนด์ ตอนนี้ฮิต ขายดี แต่พอคนเบื่อเขาก็ไปเฮคนอื่นกันหมด จนไม่มีใครเสนองาน แต่หลายต่อหลายครั้งที่ดาราหลายๆ คน ต้องหายจากหน้าจอเร็วกว่าที่คิด ตัวอย่างก็ดาราตลกค่าย Yoshimoto อย่างที่บอกไปนั่นเอง แต่จริงๆ แล้ว การหายจากหน้าจอของดาราญี่ปุ่นเขาก็มีหลายสาเหตุเหมือนกัน
ตัวอย่างแรกก็คือ ต้นสังกัดสั่งแบน แบบของชาว Yoshimoto นั่นล่ะครับ ซึ่งจริงๆ แล้ว ส่วนใหญ่ก็มักจะก่อเรื่องก่อราว ทำให้ต้นสังกัดต้องสั่งพักงานตามความเหมาะสม ต่อให้ไม่ใช่คดีที่มีความผิดทางกฎหมาย แต่ถือว่าเป็นคนสาธารณะ ก็ต้องรับผิดชอบต่อสังคม เช่นกรณีของ Kanou Eiko ที่โดนพักงานไปช่วงนึงเพราะถูกแฉว่าคบเด็กมัธยมปลาย โดยที่เจ้าตัวอ้างว่าครอบครัวเด็กไม่ได้บอกเลยว่าอายุเท่าไหร่ หรือถ้าเป็นคดีความขึ้นมา แม้จะไม่มีผู้เสียหายก็โดนพักงานได้เช่นกัน เช่นกรณีของ Kusanagi Tsuyoshi อดีตสมาชิกวง SMAP ที่เคยโดนพักงานเพราะว่าเมาแล้วแก้ผ้าในสวนสาธารณะจนโดนตำรวจกุมตัว หรือต่อให้เป็นกรณีเล็กๆ น้อยๆ เช่นทำผิดกฎจราจร ฝ่าไฟแดง จอดรถในที่ห้ามจอด พวกนี้ก็โดนพักงานได้ง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงกรณีเมาแล้วขับ ชนแล้วหนี ของ Yoshizawa Hitomi อดีตสมาชิกวงไอดอล Morning Musume ที่แถลงออกจากวงการบันเทิงไปเลย
ยิ่งถ้าเป็นไอดอล ไม่ว่าจะฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง
ถ้าเกิดเรื่องราวขึ้นระหว่างที่ยังเป็นไอดอลอยู่
ก็โดนพักงานหรือไล่ออกจากต้นสังกัดได้ง่ายๆ
เพราะวงการนี้มักจะเข้มงวดกว่าปกติเสมอเพื่อรักษาภาพพจน์ ไม่ใช่แค่เรื่องคบเพศตรงข้าม (ซึ่งฝ่ายหญิงมักจะถูกคาดหวังหนักกว่า) แต่ถ้าหากเป็นเรื่องไม่เหมาะสม พฤติกรรมไม่ควร และผิดกฎหมาย แม้จะเป็นเรื่องไม่ใหญ่โต เช่น สูบบุหรี่ หรือดื่มเหล้าตอนอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ตามกฎหมาย ก็สามารถหมดอนาคตในวงการไปได้เลย และบางครั้ง การขัดแย้งกับต้นสังกัด อยากจะออกจากบริษัท แม้จะทำได้สำเร็จ แต่ถ้าต้นสังกัดเดิมมีอิทธิพลในวงการสูงมาก ก็พร้อมที่จะขยี้อดีตเด็กในสังกัดของตัวเอง หรือบางที ฝ่ายบริษัทโปรดักชั่น หรือสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ก็ไม่กล้าเลือกคนๆ นั้นมาใช้งาน เพราะกลัวทำให้ต้นสังกัดเดิมไม่พอใจเปล่าๆ เพราะการตัดดาราคนนึงออกไป ง่ายกว่าต้องรบกับค่ายใหญ่ๆ นั่นเอง
ดาราบางคนก็จบกับบริษัทเดิมไม่สวย เช่น Nishiuchi Mariya ที่อยากจะเป็นศิลปิน แต่ต้นสังกัดกลับดันไปทางสายนักแสดงสาววัยใส ไปๆ มาๆ ทะเลาะกันจนมีข่าวว่าเธอต่อยประธานบริษัทของตัวเอง สุดท้ายแม้จะย้ายบริษัทได้ แต่ก็ไม่มีงานเข้าเพราะไม่มีใครกล้าร่วมงานด้วย หรือ Inoue Mao ที่หลังจากได้งานใหญ่อย่างละครพีเรียดของ NHK ก็ออกจากต้นสังกัดเดิมเพราะว่ากันว่ามีปัญหาเรื่องค่าตัว แต่ถึงจะบอกว่า จบกันด้วยดี แต่สุดท้ายก็ไม่ค่อยมีคนกล้าให้งานใหญ่เพราะกลัวต้นสังกัดเดิม
คล้ายกับกรณีของ Nounen Rena ที่ออกจากต้นสังกัดเดิมมาตั้งบริษัทของตัวเอง แต่จบไม่สวย โดยต้นสังกัดเดิมยังไม่ถือว่าเธอออกจากบริษัท แม้จะมีที่รับงานเอง แต่ก็ไม่มีสถานีไหนกล้าดึงมารับงานแสดง เพราะเกรงใจต้นสังกัดเดิมที่มีอิทธิพลในวงการสูง สุดท้ายก็ต้องรับงานกับสื่อใหม่อย่าง Line ไปก่อน พลังของต้นสังกัดที่สามารถส่งให้คนๆ นึงดังได้ ก็พร้อมที่จะทำให้คนๆ นั้นดับสนิทได้เช่นกัน เรียกได้ว่า ไม่ต้องไปผุดไปเกิดกันเลย (แต่ในหลายกรณี ก็ต้องมองเรื่องความไม่แฟร์ในสัญญาของต้นสังกัดด้วย)
ไม่ใช่แค่ต้นสังกัดเท่านั้นที่มีอำนาจในการตัดสินอนาคตของดารา
แต่ยังรวมไปถึงเหล่าดารารุ่นใหญ่เอง
ที่มีอำนาจในการขยี้รุ่นน้องอีกด้วย
ถ้าหากทำอะไรที่ขวางหูขวางตา เช่นกรณีของ Hiromi ที่เป็นดาวตลกรุ่นใหม่ไฟแรงเมื่อหลายปีก่อน แต่ดันไปเกรียนตีซี้กับรุ่นใหญ่อย่าง Sakai Masaaki จนรุ่นใหญ่โกรธทำให้บริษัทต่างๆ ไม่กล้าเรียกใช้งานเพราะกลัวถูกมองว่าเข้าข้าง Hiromi หรือ Serina อดีต SDN48 ที่ชอบพูดสร้างกระแสให้ตัวเองว่า ถูกดาราคนนั้นคนนี้ชวนไปกินข้าว ไปๆ มาๆ ชักจะเยอะ และกลายเป็นว่ามีชื่อพิธีกรดังอยู่ในชื่อที่ยกมาด้วย สุดท้ายจากที่งานรุ่งๆ กลับกลายเป็นว่า หายจากหน้าจอไปในทันที
และอีกหนึ่งฝ่ายที่มีส่วนตัดสินว่าใครจะได้ออกโทรทัศน์แค่ไหน ก็ฝ่ายโปรดักชั่นผลิตรายการนี่ล่ะครับ นอกจากจะไม่กล้าดึงดาราบางคนก็เพราะกลัวรุ่นใหญ่ ดาราบางคนก็ติดแบล็กลิสต์ของฝ่ายผลิตแทน ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงดังอย่าง Ueno Juri ที่แม้จะดังจากเรื่อง Nodame แต่กลับไม่ค่อยมีงานแสดงสำคัญหลังจากนั้น เพราะมีรายงานว่า ไม่ค่อยจำบทของตัวเอง พูดจากับทีมงานไม่ดี แล้วยังเอาแต่ใจ บางคนก็ทำให้บริษัทไม่กล้าเลือกใช้งานเพราะเคยเป็นข่าวในทางไม่ดี เช่น Ryucheru ที่เคยดังมาก ออกรายการแทบทุกวัน แต่พอประกาศว่าสักรอยสักชื่อลูกตัวเอง ชาวเน็ตก็ถกเถียงกันใหญ่ว่าเหมาะสมหรือไม่ กลายเป็นติดภาพดารามีประเด็นติดตัว ทางสถานทีต่างๆ เลยถอยออกมา เพราะหาคนอื่นมาแทนง่ายกว่า
แต่ในหลายๆ กรณี ที่หายไปจากหน้าจอ ก็เพราะว่าหมดอายุการใช้งาน หรือเพราะว่าศักยภาพไม่เพียงพอ หรือแค่คนเบื่อเท่านั้นเอง กรณีนี้เกิดได้บ่อยกับดาวตลกที่มักจะดังจากมุกตลกมุกเดียวแต่เป็นที่นิยมอย่างมาก เล่นซ้ำไปมา ถึงจุดนึงคนก็เบื่อ ถ้าไม่สามารถพลิกไปเล่นอย่างอื่นหรือหาทักษะอื่นเสริมมาด้วย ก็เตรียมใจได้เลย เพราะเป็นวัฏจักรจริงๆ รวมไปถึงดาราสายที่ไม่ได้มีทักษะการแสดงหรืออย่างอื่น เป็นเพียงคนดัง ที่ไม่มีมุกใหม่ๆ หรือเรื่องใหม่ๆ มาคุยในรายการวาไรตี้ ก็หายตัวได้ง่ายๆ และช่วงหลังๆ ที่เห็นบ่อยก็คือ ดาราลูกครึ่งที่เป็นนางแบบด้วย หลายคนก็มักจะมาแบบเดิมๆ เหมือนๆ กัน เรียกได้ว่า คาแรกเตอร์ทับไลน์กัน บางทีฝ่ายผลิตก็หันไปเรียกตัวหน้าใหม่แทน เพราะสดกว่า ค่าตัวถูกกว่า มันก็แบบนี้ล่ะครับ
แต่ในทางกลับกัน ด้วยความที่โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ดาราหลายต่อหลายคนที่ห่างหายไปจากหน้าจอโทรทัศน์ กลับสามารถสร้างพื้นที่ใหม่ๆ ที่เรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องง้อโทรทัศน์อีกต่อไป เมื่อโลกนี้มันมีช่องทางใหม่ๆ ที่เปิดให้สื่อสารกับผู้คนมากมาย ยิ่งถ้าคนที่มีคนที่มีฐานแฟนของตัวเองอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องห่วงอะไร แต่เดิมดาราญี่ปุ่นเขามักจะจัดอีเวนต์ดินเนอร์โชว์ คือขายโต๊ะจีนหาเงินเขาพรรค เอ๊ย หาเงินใช้นี่ล่ะครับ แล้วในอีเวนต์ก็ออกมาทักทาย พูดคุยแฟนๆ คนที่เป็นนักร้องก็มักจะร้องเพลงแถม เหมือนอีเวนต์ Meet and Greet ที่หรูกว่าเดิม คนเก่งๆ จัดอีเวนต์แบบนี้เมื่อไหร่ก็ขายหมดเสมอ
และในปัจจุบัน โซเชียลเน็ตเวิร์ก
คือช่องทางที่ดาราเหล่านี้เอาไว้ใช้สื่อสาร
กับแฟนๆ และสร้างรายได้
เท่าที่ทราบก็อย่างเช่น อดีตสมาชิก Morning Musume อย่าง Tsuchi Nozomi หรืออดีตนางแบบกราเวียร์ Yasuda Misako ต่างก็สร้างรายได้ผ่านทาง Instagram ไม่น้อย บางคนก็อาศัย Line Blog บ้าง เรียกได้ว่าแต่ละคนก็เน้นสื่อสารกับแฟนตัวเองโดยตรง แถมในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่โทรทัศน์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีแอพต่างๆ ที่เป็นแพลตฟอร์มให้ทำรายการใหม่ๆ ของตนเองได้ แบบบ้านเราก็คงเป็น YouTube เป็นหลัก แต่ญี่ปุ่นเขามีอีกเพียบที่แข่งกันหนัก ทั้ง Showroom, AbemaTV รวมไปถึงแอพดังข้ามชาติต่างๆ อีกด้วย ทำให้อำนาจต่อรองของโทรทัศน์รวมไปถึงต้นสังกัดลดลงกว่าเดิม
กรณีที่น่าสนใจและจัดว่าเป็นตัวอย่างที่ดีก็คือ อดีต SMAP สามคน Inagaki Gorou, Kusanagi Tsuyoshi และ Katori Shingou ที่หลังจาก SMAP ยุบวงจนเป็นข่าวใหญ่ ทั้งสามคนที่สนิทกันอยู่แล้วก็มาร่วมงานกันอีกครั้ง ถ้าเป็นอดีต การยุบวงที่เป็นข่าวฮือฮาในวงการแบบ SMAP ก็มีโอกาสที่ทั้งสามคนจะหมดอนาคตในวงการเพราะว่าอิทธิพลของค่าย Johnny’s ซึ่งก็มีตัวอย่างที่ผ่านมาให้เห็นไม่น้อย แต่ทั้งสามกลับรวมตัวกัน เริ่มต้นกิจกรรมกันเอง และที่เป็นที่ฮือฮาในช่วงแรกคือจัดรายการสดยาวๆ ผ่านแอพ AbemaTV แถมในรายการยังไปหาอดีตสมาชิกที่ออกจาก Smap ไปก่อนอย่าง Mori Katsuyuki ซึ่งที่ผ่านมาแทบจะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครกล้าคิดว่าจะได้เห็นภาพนี้มาก่อนเลย
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามยังรับงานโฆษณากันแบบรัวๆ ทำงานเพลงกับ Amazon Music ล่าสุด Katori Shingou ยังมาโปรดิวซ์เครื่องดื่มสำเร็จรูปให้กับ Family Mart เรียกได้ว่า แม้จะไม่ได้เห็นหน้าทางรายการโทรทัศน์ แต่ใช่ว่าพวกเขาจะหายไปไหน แถมยังได้เปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับตัวเองได้มากขึ้นอีกด้วย (แต่ผมเสียดายรายการ Pussuma ที่ชอบดูเพราะความฮา)
ด้วยความที่โลกเปลี่ยนไป พื้นที่แสดงออกใหม่ๆ ก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้อิทธิพลของโทรทัศน์และต้นสังกัดลดลง ทำให้เราได้เห็นอะไรใหม่ๆ ในวงการบันเทิงได้มากขึ้นอย่างน่าสนใจ แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าเกิดทำเรื่องผิดกฎหมาย หรือใช้พื้นที่สื่อใหม่ไม่ถูกทาง ก็ยังมีโอกาสที่จะโดนกระแสตีกลับได้อยู่ดี ของแบบนี้ ไม่ว่าจะสื่อใหม่หรือสื่อเก่า คนดังทั้งหลายก็ควรระวังตัวเช่นเคย ไม่อย่างนั้นอาจจะไม่ใช่แค่หายจากหน้าจอ แต่จะไม่มีพื้นที่ให้ได้แสดงออกเลยนั่นล่ะครับ