เมื่อตอนยังเด็ก เราพากันสะพายกระติกน้ำไปโรงเรียน เด็กส่วนใหญ่จะเลือกกระติกน้ำที่คิดว่าเก๋ที่สุด สวยที่สุด เหมาะกับตัวเองที่สุด
พอโตขึ้น ค่านิยมที่คิดว่าความเท่เกิดจากการดื่มน้ำจากกระติกกลับค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความสะดวกสบายของการดื่มน้ำจากขวดพลาสติก ยิ่งตอนทำงานหรือเดินทางไปไหนต่อไหนที่ต้องเร่งรีบและเรียกร้องความคล่องตัว คงจะไม่แปลกอะไรที่คนส่วนใหญ่จะซื้อน้ำดื่มจากร้านค้าที่มาในบรรจุพลาสติก
แต่เมื่อคิดให้ดี โลกนี้คงจะประหลาดอย่างที่วงสุนทราภรณ์บอกไว้ อะไรที่เหมือนกับว่ากำลังจะเลือนหายไป อยู่ๆ ก็กลับกลายเป็นเทรนด์ฮิตติดกระแสกลับขึ้นมา เหมือนกระแสการดื่มน้ำจากกระติก ที่เดี๋ยวนี้กลายมาเป็นเทรนด์ฮิต และแทนที่ด้วยสิ่งที่คล้ายกับกระติก แต่เรากลับเรียกมันว่า ‘กระบอกน้ำ’ ที่ตอนนี้ไม่ได้นิยมเฉพาะในหมู่เด็กน้อยวัยอนุบาลอีกต่อไป แต่กำลังเป็นที่สนใจในหมู่วัยุร่น และผู้ใหญ่วัยทำงาน รวมถึงนักกีฬาสายสปอร์ต หรือแม้กระทั่งคนที่รักสิ่งแวดล้อม
การดื่มน้ำจากกระบอกที่กลับมาฮิตในหมู่คนทั่วไปในช่วงหลังนี้ นอกจากจะเกิดจากเทรนด์การรักโลก รักสิ่งแวดล้อม อยากจะช่วยให้โลกใบนี้ขยะน้อยลงแม้จะแค่ 1 ชิ้นก็ยังดี ตามประสาคนหัวใจสีเขียวที่รักสิ่งแวดล้อม เราคงต้องยอมรับกันตามตรงว่า เทคโนโลยีและดีไซน์ คือสององค์ประกอบที่สำคัญที่นำพาให้ การดื่มน้ำจากกระบอกมาได้ไกลขนาดนี้
หนึ่งในแบรนด์กระบอกน้ำที่มาได้ไกลมากๆ คือ
Hydro Flask
ถึงขนาดที่ว่า CNN เคยเขียนถึงกระบอกน้ำ Hydro Flask เอาไว้ว่าเป็นกระบอกน้ำที่คนเจน Z กำลังฮิตกันแบบสุดๆ แบบหันซ้ายมองขวาคนเจนนี้แทบจะไม่มีใครไม่มีกระบอกน้ำยี่ห้อนี้เลย
ที่ว่าเทคโนโลยีและดีไซน์ที่ช่วยนำพา Hydro Flask ให้เป็นที่นิยมได้ก็มาจาก เทคโนโลยีที่เรียกว่า TempShield ที่ทำให้ Hydro Flask เป็นกระบอกน้ำที่มีฉนวนสุญญากาศ 2 ชั้นช่วยรักษาอุณหภูมิ ความเย็นได้ถึง 24 ชั่วโมงและความร้อนได้ถึง 12 ชั่วโมง
ลองคิดูว่าคุณชงกาแฟร้อนๆ เทใส่ลงไปในกระบอก Hydro Flask ในตอนเช้า และสมมติว่างานคุณยุ่งจนหัวหมุน คุณกลับมาเปิด Hydro Flask อีกทีตอน 5 โมงเย็น แต่กาแฟของคุณยังร้อนอยู่!
คุณยังคงได้กลิ่นกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ๆ จากไอร้อนของกาแฟที่ตีเข้าหน้าทันทีหลังเปิดฝากระบอกออกมาตอนห้าโมงเย็น! ลองนึกภาพตามดูว่าความรู้สึกแบบนั้นมันจะทำให้คุณรู้สึกดีขนาดไหน
เช่นเดียวกันกับการไปออกกำลังกายหรือจำต้องเดินทางไปที่แดดร้อนๆ ในตอนกลางวัน แต่คุณเตรียมน้ำเย็นๆ ใส่น้ำแข็งเอาไว้ใส่ Hydro Flask เพื่อพกติดตัวไปด้วย และปรากฏว่าท่ามกลางอุณหภูมิที่ระอุจนทะเลทรายยังต้องเรียกพี่ หรือนรกยังต้องเรียกพ่อ แล้วคุณเปิดกระบอก Hydro Flask ออกมาแล้วเจอน้ำแข็งที่ยังลอยอยู่พร้อมน้ำเย็นชื่นใจรอให้คุณดื่ม ความรู้สึกแบบนี้บางทีมีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้ (ถ้าไม่ได้เอาเงินไปซื้อกระบอกน้ำยี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ Hydro Flask มาถือไว้ในมือ ตอนอากาศร้อนๆ อะนะ)
ประเด็นที่สองที่สำคัญไม่แพ้กันคือ
ดีไซน์
เทคโนโลยีที่ดีจะมีประโยชน์อะไรถ้ามันไม่ด้ดึงดูดใจให้คนที่ใช้มันรู้สึกภูมิใจ
Hydro Flask เข้าใจประเด็นนี้เป็นอย่างดีจึงออกแบบมาให้เข้ากับยุคสมัย คือเรียบง่าย แต่เฉพาะบุคคล
ไม่เพียงเท่านั้น แบรนด์นี้ยังมีสีสันให้เลือกตามแต่ใจจะอยากออกแบบ จะอยากได้สีแบบไหน สีแบบเอิร์ธโทนหรือสีเข้มๆ หรือสีสันสดใสก็มีทั้งนั้น หรือจะเป็นเรื่องของขนาด Hydro Flask ก็มีขนาดให้เลือกอีกเพียบ ทั้งแบบ 20, 21, 28 และ 32 ออนซ์ อยากได้แบบกระบอกน้ำ หรือแบบถ้วยน้ำแล้วมีฝาปิดก็มีให้เลือกทั้งนั้น
สรุปคือ Hydro Flask คิดมาให้หมดแล้วถึงความเป็นไปได้ที่คนแต่ละคนจะมีความชอบดื่มน้ำจากรูปทรงของกระบอกหรือแก้วที่ต่างกันคือ ดีไซน์มาเผื่อให้ทุกคนหมดแล้วทั้งสิ้น
Hydro Flask จึงเป็นกระบอกน้ำที่ลงตัวไปทุกอย่างสำหรับคนรุ่นใหม่ ทั้งเทคโนโลยีที่อนุญาตให้คนสามารถเก็บเครื่องดื่มได้ทั้งอุณหภูมิร้อน อุณหภูมิเย็น ทั้งดีไซน์ที่เลือกได้ตามใจอยาก แถมพอเวลาถือ Hydro Flask ก็จะดูเป็นคนดีรักสิ่งแวดล้อมไปอีกสัก 20 เปอร์เซ็นต์ เพราะแค่ถือก็รู้แล้วว่าคุณเป็นคนที่ใช้พลาสติกในการกินน้ำ หรือดื่มเครื่องดื่มน้อยลงแน่ๆ เพราะคุณใช้ภาชนะที่พกมาเองจากบ้านนี่นา
ทั้งเก๋ ทั้งสะดวก ทั้งช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นด้วยเพราะช่วยเราเก็บอุณหภูมิเครื่องดื่ม แถมใช้แล้วยังดูเป็นคนดีอีก
ใครจะไปคิดว่าแค่ยกกระบอกน้ำขึ้นมาดื่มก็ทำให้ดูดีขึ้นได้ อันที่จริง เพียงคิดว่าเราช่วยลดให้ขวดหรือแก้วพลาสติกบนโลกนี้ถูกใช้ลดลงแค่ 1 ใบจากการใช้กระบอกน้ำ แค่คิดแบบนี้เราก็ดูมีเมตตากับโลกนี้ขึ้นแล้วหลายเปอร์เซ็นต์แล้ว
อ้างอิงจาก