ในขณะที่เราสนุกสนานกับเพื่อนฝูงหลากหลายเพศวิถี เปิดเผยเพศสภาพเพศวิถีของเราในแต่ละบริบทจะอำนวย เสพวัฒนธรรมบันเทิงตามแต่ละเพศสภาพและรสนิยม ออกเดทไม่ว่าจะรักเพศเดียวกันหรือต่างเพศ อ่านนิยายการ์ตูนวาย จิ้นดาราชายเป็นแฟนกัน ดูละครเด็กหนุ่มจุมพิตกันอย่างเพลิดเพลิน ยังมีเกย์ในบางพื้นที่กำลังถูกซ้อม
เพื่อนหรือชายคนรักของพวกเขาถูกเจ้าหน้าที่รัฐลักพาตัวไปไม่ทราบชะตากรรม บ้างถูกทรมานถูกฆ่าให้ตาย พวกเขาต้องอยู่อย่างหวาดระแวงและหลบซ่อนตัวเพื่อไม่ให้ถูกตำรวจจับกุม ต้องปิดแอคเคาท์ที่จะติดต่อกับโลกออนไลน์เพื่อป้องกันไม่ให้ใครรู้ว่าเขาเป็นเกย์หรือขณะนี้อยู่ที่ไหน ไม่สามารถเชื่อใจใครได้และผวาว่าสักวันคนในครอบครัวจะฆ่าเขาเมื่อรู้ว่าเขาเป็นเกย์
ใช่…เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในค.ศ. 2017 และที่นั่นก็เกิดขึ้นในประเทศที่ชื่อว่า “เชชเนีย”
เชชเนีย ประเทศอะไรวะ มันอยู่ส่วนไหนของแผนที่โลก?
เอาเป็นว่า เชชเนีย (Chechnya) มีชื่อทางการคือ สาธารณรัฐเชเชน (Chechen Republic) สาธารณรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ใต้สุดของยุโรปตะวันออก เป็นรัฐใหม่หลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย แต่ก็ยังคงอยู่ภายใต้อำนาจรัสเซีย
ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกเขาให้คนเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรส รับรองบุตรร่วมกันแล้ว เชชเนียกำลังกวาดล้างคนรักเพศเดียวกันในฐานะเขื้อโรคที่ต้องขจัดเมื่อ รามซาน คาดิรอฟ (Ramzan Kadyrov) ผู้นำเผด็จการมีกองกำลังติดอาวุธส่วนตัว แต่ยังจงรักภักดีต่อประธานาธิบดี Vladimir Putin อยู่ มีนโยบายสร้างรัฐอิสลามอันบริสุทธิ์ ปราบปรามคนรักเพศเดียวกันภายในสาธารณรัฐเชเชนที่เขาปกครอง โดยเฉพาะผู้ชาย ทำให้เกย์ ชายไบเซ็กชวล และชายต้องสงสัยว่าเป็นเกย์จำนวนมาก เป็นหลักร้อยถูกกวาดต้อนลักพาตัวไปคุมขังในค่ายกักกัน บางคนเป็นที่รู้จักในสังคม ทั้งผู้นำทางศาสนาหรือเคยออกรายการทีวีท้องถิ่น
ภายในคุกลับนั้น ต่างถูกทรมานทุกวัน วันละหลายๆครั้ง ตามอำเภอใจ ทุบตีด้วยท่อพลาสติก เฆี่ยนด้วยสายเคเบิ้ล จับนั่งเก้าอี้ไฟฟ้าที่ทำขึ้นเอง ช็อตไฟฟ้าจนสลบแล้วเมื่อคืนสติก็ช็อตซ้ำ บางรายถูกกระทำซ้ำถึง 7 ครั้ง บางคนถูกทารุณเพื่อให้เผยชื่อเกย์คนอื่นๆ ที่อยู่ภายนอกค่ายกักกัน เกย์ 30 กว่าคนถูกขังเบียดกันในกรงเดียว บางคนรอดออกมาได้เนื่องจากจ่ายค่าไถ่ราคาแพง บางคนก็ถูกฆ่าตายไปแล้ว
จากการสัมภาษณ์ผู้รอดออกมาจากค่ายกักกันคนนึง เขาถูกจับกุมท่ามกลางสาธารณชน เพียงเพราะเบอร์โทรศัพท์ของเขาปรากฎอยู่ในมือถือของเกย์ที่ถูกจับกุมไปค่ายกักกันก่อนหน้านั้น
และที่เขารอดเป็นอิสระก็เพราะว่าเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมเบื่อทารุณแล้วก็ปล่อยมาดื้อๆ แล้วก็ไปหาเกย์เพิ่มมาทารุณต่อ
ขณะเดียวกันผู้ที่ถูกปล่อยออกมาจากค่ายทรมาน ก็ถูกสังคมรังเกียจ สมาชิกในชุมชน เพื่อนบ้านโจมตีแสดงท่าทีขยะแขยงว่าเป็นความอัปยศอดสูของชาติและความเป็นชาย หลักศาสนาเป็นกลไกและเครื่องมือสร้างความชอบธรรมในความรุนแรงครั้งนี้ มุลลาห์ (Mullah) หรือครูผู้รู้ผู้สอนศาสนา กีดกันไม่ให้เข้ามัสยิด ด่าทอ และไล่ให้เขาออกนอกประเทศ
เกย์ที่ยังรอดอยู่ต่างตกอยู่ในความหวาดกลัว หลายคนต้องหลบซ่อนเพศสภาพเพศวิถี หรืออพยพหลบหนีออกจากเชชเนียเพื่อแลกกับชีวิต เพราะการใช้ชีวิตอยู่ที่จึงไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากโกหกหรือตาย พ่อแม่ของเกย์ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจข่มขู่ ให้ฆ่าลูกเกย์ของตัวเองทิ้ง ถือว่าเป็นการชำระศักดิ์ศรีด้วยเลือด ไม่เช่นนั้นจะฆ่าเอง
และเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา เด็กหนุ่มวัย 17 ปี ก็ถูกลุงของเขาจับโยนลงจากระเบียง 9 ชั้น หลังจากเปิดเผยตนเองว่าเป็นเกย์
ลำพังเกย์ก็ไม่ได้มีตัวตนบนพื้นที่ทางสังคมอยู่แล้ว พวกเขาต้องเก็บซ่อนรสนิยมและเพศวิถีแม้แต่กับสมาชิกที่ใกล้ชิดที่สุดในครอบครัว ดำเนินชีวิตเหมือนชายหญิง บางบ้านตัดสัมพันธ์เยื่อใยเมื่อรู้ว่าลูกเป็นเกย์ เกย์บางคนก็ถูกไล่ออกจากบ้าน หลายคนจำต้องแต่งงานสร้างครอบครัวตามที่วัฒนธรรมบังคับ กว่าจะเปิดเผยความต้องการเบื้องลึกของชีวิตได้ก็ต่อเมื่อเจอเกย์ด้วยกัน ซึ่งก็เผชิญชะตาชีวิตเช่นเดียวกัน ตามปรกติก็ในแอพลิเคชั่นหรือโซเชียลมีเดียสำหรับเกย์เท่านั้น ชีวิตที่เหลือของพวกเขาต้องหลบซ่อนปิดบัง
แม้โฆษกของคาดิรอฟ ออกมาแถลงว่า เป็นการให้ข้อมูลที่ผิดและคำโกหกล้วนๆ เพราะไม่มีพวกเกย์อยู่ในรัฐของเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไปจับกุมคนที่ไม่มีตัวตนอยู่ในรัฐนั้นๆ แน่นอนไม่มีใครโง่พอจะเชื่อว่าเค้าตอหลดตอแหล
รัฐบาลปูตินยังคงโนสนโนแคร์ เงียบกริบไร้ท่าทีจะหยุดยั้งความรุนแรงครั้งนี้ และอันที่จริงชาว LGBT ถูกคุกคามหนักมากขึ้นหลังจากปูตินลงนามผ่านกฎหมายต่อต้าน LGBT ในปี 2013 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ทำให้ LGBT เป็นพลเมืองชั้นสอง ในฐานะความสัมพันธ์ทางเพศที่ผิดจากจารีตประเพณีอันดีงาม การเลือกปฎิบัติต่อคนรักเพศเดียวกันทำได้อย่างถูกกฎหมาย การแสดงออกถึงเพศสภาพเพศวิถีของพวกเขาและเธอบนที่สาธารณะทำให้ถูกทำร้ายร่างกาย ด่าทอผรุสวาทง่ายขึ้น และเกย์ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายแรกแห่งการถูกคุกคาม ครูบาอาจารย์บางคนที่เป็นเกย์ก็ถูกบังคับให้ออกจากงาน
การจับกุมปราบปรามเกย์ในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มเกย์ยื่นขออนุญาตจัดเกย์ไพรด์ แต่ถูกปฏิเสธจากทางการ กลุ่ม LGBT จึงยื่นขอใหม่อีกครั้ง และมีการเดินขบวนแสดงอารยะขัดขืนต่อกฎหมายต่อต้าน LGBT พร้อมดำเนินเรื่องฟ้องศาลสิทธิมนนุษยชนแห่งยุโรป เพราะเพศสภาพเพศวิถีเป็นสิทธิเสรีภาพที่พวกเขาและเธอต้องได้รับอยู่แล้ว
การแบนเกย์ของรัสเซียทำให้ทั่วโลกไม่พอใจ แต่ในเมืองใหญ่อย่างมอสโกวและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ก็มีเกย์อยู่เยอะ และบรรดาเกย์ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กก็ได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือทางโทรศัพท์สำหรับคู่เกย์ในเชสเนีย เพื่อช่วยเหลือกรณีที่ต้องการออกจากเมือง พร้อมทั้งจัดหาเซฟเฮาส์ เจรจาทางการฑูตเพื่อให้อนุมัติวีซ่าในการเดินทางหลบหนี อนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศ หรือให้สถานะผู้ลี้ภัย และเมื่อวันแรงงานที่ผ่านมา ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมีนักกิจกรรม LGBT จัดกิจกรรมสร้างตระหนักรู้ถึงปัญหาความรุนแรงที่เชชเนีย พวกเขาและเธออกมาเดินขบวน นอนเลอะเลือดปลอมบนถนนประหนึ่งตาย ถูกคลุมศพด้วยธงสีรุ้งสัญลักษณ์ LGBTI และธงเชชเนีย ทว่านักกิจกรรมจำนวนหนึ่งถูกจับกุมที่สะพานม้าอะนีชคอฟ แลนด์มาร์คสำคัญของเมือง [1]
ฟังดูอนารยะ ป่าเถื่อน ไม่ศิวิไลซ์ ราวกับจักรวาลคู่ขนานกับสากลโลก เพียงเพราะความแตกต่างทางอัตลักษณ์ ตัวตนของคนๆ หนึ่ง ทำไมต้องทำกันขนาดนี้
แต่อย่าเพิ่งแสดงอาการโล่งอกที่ไทยยังไม่เกิดเหตุการณ์นี้ มันแค่ยังไม่เกิดกับ LGBT หากแต่มันไปเกิดกับกลุ่มอัตลักษณ์อื่นแทน
การบังคับบุคคลให้สูญหาย เกิดขึ้นสม่ำเสมอในประเทศนี้โดยเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่อยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการ กองกำลังของรัฐบาลสามารถทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ เช่นหะยีสุหลง อับดุลกาแดร์ ผู้นำศาสนาอิสลาม ปัญญาชนในจังหวัดชายแดนใต้และพร้อมด้วยลูกชายและเพื่อนพ้องทั้งหมด 4 คน ถูกอุ้มฆ่าในปี 2498, สมชาย นีละไพจิตร ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ถูกอุ้มสูญหายไปเมื่อ 2547, บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยง ณ บ้านบางกลอย ถูกอุ้มหายตัวไปตั้งแต่ 2557, เด่น คำแหล้ ประธานโฉนดชุมชนโคกยาวผู้ต่อสู้ในประเด็นที่ทำกิน ถูกอุ้มหายตัวไปเมื่อ 2559 [2] และนี่ยังไม่รวมการลักพาตัว การจับกุมโดยพลการของเจ้าหน้าที่รัฐหลายครั้งหลายครา เพียงเพราะแสดงความคิดต่างทางการเมือง ปฏิเสธระบอบเผด็จการ ก่อนจะปล่อยตัวโดยตั้งเงื่อนไขต่างๆ นานา และค่าไถ่ในนามการประกันตัว
ขณะเดียวกันการฆาตรกรรมซึ่งๆ หน้าโดยเจ้าหน้าที่รัฐและอาสาสมัครก็เกิดขึ้นอยู่ตลอดไล่ย้อนไปจาก พ.ศ. 2553 บริเวณราชประสงค์และสี่แยกคอกวัว, 2547 มัสยิดกรือเซะและตากใบ, 2535 บนราชดำเนิน , 2519 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ และนครปฐม ที่พนักงานการไฟฟ้าถูกซ้อมจนตายระหว่างติดโปสเตอร์ประท้วง แล้วนำศพไปแขวนโชว์หรากลางย่านชุมชน, 2518 ทหารนาวิกโยธินจับกุม ทารุณและวิสามัญฆาตกรรมชาวบ้าน 5 คนแล้วโยนทิ้งแม่น้ำสายบุรี ณ สะพานกอตอ [3] ,2516 สังหารหมู่บนถนนราชดำเนิน หรือสังหารเดี่ยว ตัวอย่างบางเสี้ยวเช่น จิตร ภูมิศักดิ์ ปัญญาชนที่ถูกข้าราชการ อาสาสมัคร และทหาร ล้อมยิงจนตายใน 2509
หรือล่าสุดอย่าง ชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมเยาวชนชาติพันธุ์ลาหู่ ถูกวิสามัญฆาตกรรมโดยทหารและปราศจากการตรวจสอบอย่างโปร่งใสและอิสระ
นี่ยังไม่รวมเจ้าหน้าที่รัฐและอาสาสมัครเที่ยวข่มขู่ คุกคาม ทำให้หวาดกลัว รู้สึกไม่ปลอดภัย ทว่าเราถูกทำให้ไม่รู้ว่ามันเคยเกิดขึ้นในประเทศนี้ ถูกทำให้รู้สึกเป็นเรื่องไกลตัว ฟุ่มเฟือยที่จะใส่ใจจดจำ
พอๆ กับที่เราไม่รู้ว่าเชชเนียมันตั้งอยู่ที่ไหน ประชากรหน้าตาดำรงชีวิตอย่างไร
[1] อ่านข่าวเพิ่มเติมที่
อ้างอิงข้อมูลจาก
[2] Amnesty International Thailand. Freedom. ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2559.