“ประชาชนคือพระเจ้าของข้าพเจ้า”
8 กรกฎาคม 1994
จู่ๆ ผู้ที่ถือได้ว่าเป็น ‘พระเจ้า’ และ ‘พระอาทิตย์’ แห่งเกาหลีเหนือ ก็หัวใจวาย ล้มลง แล้วก็ตาย
เขามีอายุ 82 ปี
แต่นั่นไม่ใช่ความตายครั้งแรกของประธานาธิบดีแห่งเกาหลีเหนือ
ประวัติศาสตร์ของเกาหลีเหนือเต็มไปด้วยความลี้ลับมากมาย หลายเรื่องเป็นปริศนาที่ไม่เคยไข รวมถึงเรื่องราว ‘ความตาย’ ครั้งแรกของคิม อิลซุงด้วยเช่นกัน
ฟิโอดอร์ เทอร์ติตสกี้ (Fyodor Tertitskiy) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการเมืองและการทหารของเกาหลีเหนือ และร่ำเรียนจนจบปริญญาเอกด้านสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัย Seoul National รวมทั้งเป็นผู้เขียนหนังสือ North Korea Before Kim Il Sung เล่าไว้ในบทความที่เขียนให้กับสำนักข่าว NK News อันเป็นสำนักข่าวอเมริกันที่ตั้งอยู่ในเกาหลีใต้ และรายงานเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับเกาหลีเหนือโดยเฉพาะ—ถึงเหตุการณ์ลี้ลับในวันนั้น
นี่อาจเป็นเหตุการณ์แปลกประหลาดที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีเหนือก็ได้
เดือนพฤศจิกายน 1986 คือเดือนเรียบง่ายแสนธรรมดา ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเป็นพิเศษนัก สหรัฐอเมริกาอยู่ในยุคของโรนัลด์ เรแกน มีการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร ส่วนในสหภาพโซเวียต มิกาอิล กอร์บาชอฟ ก็กำลังดำเนินนโยบายต่อต้านการดื่มสุราอยู่ และในจีน เหมาเจ๋อตุงอยู่ในช่วงปฏิรูประบบตลาด ในขณะที่ประธานาธิบดีชุน ดูฮวาน แห่งเกาหลีใต้ เริ่มรู้สึกว่าประชาชนไม่พอใจตัวเอง เนื่องจากมีปัญหาคอร์รัปชั่น และอำนาจของเขาเริ่มจะอ่อนแอลง
เป็นวันธรรมดาๆ อย่างนี้นี่เอง ที่จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น
ในเช้าวันที่ 15 พฤศจิกายน 1986 จู่ๆ ก็มีรายงานข่าวชิ้นเล็กๆ ในหนังสือพิมพ์ของเกาหลีใต้ชื่อ Chosun Ilbo รายงานถึง ‘ข่าวลือ’ ในญี่ปุ่นว่า คิม อิลซุงเสียชีวิตแล้ว แต่ข่าวลือเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะลือกันมานานแล้ว ลือกันได้ลือกันดีว่าคิมอิลซุงตาย ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจเท่าไหร่
สิ่งที่ทำให้คนเริ่มสนใจขึ้นมาจริงจัง เริ่มขึ้นในวันถัดมา
และมาจากเกาหลีเหนือเอง!
เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เกิดขึ้นในปี 1953 หลังจากสงครามเกาหลี และทั้งสองฝั่งต่างก็มีทหารประจำการอยู่อย่างแข็งขันทั้งคู่ แน่นอน สองฟากฝั่งนี้ไม่ใช่ดินแดนธรรมดาๆ เมื่อมีทหารประจำการอยู่ตรงนั้น และทหารทัั้งสองฝั่งพูดภาษาเดียวกัน จึงเกิดการ ‘โฆษณาชวนเชื่อ’ ด้วยการส่งเสียงไปมาระหว่างกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะการโฆษณาชวนเชื่อของฝั่งเกาหลีเหนือ ซึ่งใช้ไมโครโฟนขนาดใหญ่คอยบอกเล่าเก้าสิบว่า เกาหลีเหนือกำลังรุดหน้าในเรื่องไหนอย่างไรบ้าง และ ‘อัจฉริยภาพ’ ที่ไม่อาจมีใครทัดเทียมได้ของคิมอิลซุงนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งฝั่งเกาหลีใต้ก็จะตอบโต้กลับไปด้วยการป่าวประกาศความเหนือกว่าของเสรีนิยมประชาธิปไตย
แต่ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 1986 เวลาเที่ยงสิบห้านาที จู่ๆ ฝั่งเกาหลีใต้ก็ได้ยินเสียงดนตรีเศร้าสร้อยดังมาจากฝั่งเกาหลีเหนือ มีแต่เสียงดนตรีเท่านั้น ไม่มีการประกาศอะไร
หลังจากนั้นไม่นานนัก ฝั่งเกาหลีเหนือก็เริ่มอ่านประวัติของคิม อิลซุง ผ่านไมโครโฟน บางครั้งก็ดังที่สถานีหนึ่ง บางครั้งก็ไปดังที่อีกสถานีหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างกันกว่า 100 กิโลเมตร เป็นการอ่านประวัติพร้อมกับสรรเสริญความยิ่งใหญ่ของผู้นำไปด้วย
ฝั่งเกาหลีใต้เริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วตอนค่ำวันนั้นเอง ข่าวที่ช็อกทุกคนก็ดังขึ้น นั่นคือเสียงนั้นประกาศว่า คิม อิลซุง ถูกยิงและเสียชีวิตแล้ว
คิม จองอิล ลูกชายคนโตจะขึ้นเถลิงอำนาจแทนพ่อ โดยได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีและจอมทัพแห่งเกาหลีเหนือในทันที พอถึงสี่ทุ่ม ก็มีการลดธงเพื่อแสดงความไว้อาลัย
แน่นอน 17 พฤศจิกายนย่อมกลายเป็นวันอันวุ่นวาย กระแสข่าวเรื่องคิม อิลซุง เสียชีวิตเริ่มแพร่กระจายไปทั่วโลก เกาหลีอยู่ในภาวะสับสนอลหม่าน มีการเตรียมพร้อมในทุกภาคส่วน รวมถึงการเรียกตัวทหารที่ไปศึกษาต่างแดนกลับประเทศด้วย
ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ต้องเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีด่วน เพื่อเช็กว่าข่าวนี้เป็นจริงหรือไม่ มีข่าวด้วยว่า นายพลอเมริกันคนหนึ่ง คือวิลเลียม จอห์น ลิฟซีย์ (William John Livsey) ซึ่งบัญชาการกองทหารในเกาหลี รายงานว่าในวันที่ 16 พฤศจิกายน วิทยุเกาหลีเหนือรายงานว่าคิม อิลซุง เสียชีวิต แต่ไม่ได้ถูกยิงอย่างที่มีประกาศ เขาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ต่างหาก
นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากสายลับญี่ปุ่นว่า หนึ่งถึงสองวันก่อนหน้านั้น มีคนระดับสูงในเกาหลีเหนือหลายคนหนีออกไปยังจีน และมีรายงานของสำนักข่าวเกียวโดว่า ทูตเกาหลีเหนือในจีนถูกเรียกตัวกลับบ้าน
ที่สำคัญ ยังมีรายงานจากนักธุรกิจญี่ปุ่นที่ไปทำงานอยู่ในเกาหลีเหนือช่วงนั้นด้วย นักธุรกิจรายนี้บอกว่า ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนเป็นต้นมา สื่อของรัฐหยุดเอ่ยถึงคิม อิลซุง อย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก เพราะปกติจะต้องมีการสรรเสริญผู้นำอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ นัดหมายที่นักธุรกิจจะเข้าพบกับคิม จองอิล ก็ถูกยกเลิกด้วย
ข่าวทั้งหมดนี้ทำให้คณะรัฐมนตรีเกาหลีใต้คิดว่าจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ เป็นไปได้ว่าเกาหลีเหนืออาจบุกเกาหลีใต้ได้ทุกเวลา ดังนั้น เกาหลีใต้จึงขมึงตึงเตรียมพร้อม
อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการจากฝั่งเกาหลีเหนือ เช่น การรายงานข่าวโทรทัศน์ถึงการตายของคิม อิลซุง แต่นั่นยิ่งทำให้ข่าวลือแพร่สะพัดไปอีก หนังสือพิมพ์เกาหลีใต้รายงานข่าวต่างๆ เกี่ยวกับการตายของคิม อิลซุง ผู้เชี่ยวชาญทุกสาขาต่างออกมาวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น
ยิ่งกว่านั้น ยังมีการสั่งการให้ยกเลิกเที่ยวบินที่บินเข้าออกเกาหลีเหนือด้วยในช่วงวันที่ 16-19 พฤศจิกายน มีเพียงเครื่องบินของโซเวียตลำเดียวที่เข้าไปได้ ที่สำคัญ สถานทูตเกาหลีเหนือในจีนก็ปิด ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้เข้าไปติดต่อสอบถามอะไรทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม สถานทูตเกาหลีเหนือในจีนและในอินเดีย มีการประกาศว่าข่าวลือเรื่องคิม อิลซุง เสียชีวิตนั้นไม่มีมูลอย่างสิ้นเชิง ทางเปียงยางไม่ได้ยืนยันข่าวอะไรทั้งนั้น แต่พร้อมกันนั้น ที่พรมแดนเกาหลีเหนือและใต้ ก็ยังมีการกระจายเสียงอ่านข้อความว่าด้วยการตายของคิม อิลซุง อยู่ตลอดเวลา แม้จะมีการหยุดเป็นพักๆ ก็ตาม
นี่คือสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่างมาก!
ในวันถัดมา สถานการณ์ยิ่งลี้ลับเป็นปริศนามากขึ้น เพราะเสียงตามสายที่ประกาศออกมานั้น ยิ่งฟังดูสับสนปนเปอลหม่าน เช่น บางครั้งก็ประกาศไว้อาลัยคิม อิลซุง แต่บางครั้งก็ประกาศว่าข่าวลือพวกนั้นไม่มีมูล อย่าไปเชื่อ แต่บางครั้งก็ประกาศว่าคิม จองอิล กำลังจะเป็นผู้นำประเทศ บางครั้งก็เล่นดนตรีเศร้าสร้อย แล้วประกาศว่าดวงดาวขนาดใหญ่กำลังร่วงหล่น บางครั้งก็ประกาศว่าคิม อิลซุง ลาออกจากตำแหน่งแล้ว และคิม จองอิล จะขึ้นมาสืบทอดอำนาจแทน
โลกงง!
ต้องรอจนถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน เวลาสิบโมงเช้านั่นแหละ ที่ข่าวลือทั้งหมดมาถึงอวสาน เพราะคิม อิลซุง ได้ปรากฏตัวที่สนามบินเปียงยางเพื่อต้อนรับตัวแทนจากประเทศมองโกเลียที่มาเยือนเกาหลีเหนือ
และในทันใดนั้น ประกาศเกี่ยวกับคิม อิลซุง ที่ชายแดนก็หยุดลง
หยุดลงโดยไร้คำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น
ครั้งหนึ่ง คิม อิลซุง เคยเขียนไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองว่า
พระเจ้าของข้าพเจ้าไม่ใช่อะไรเลยนอกจากประชาชน มีเพียงมวลชนเท่านั้นที่ยิ่งใหญ่ทรงอานุภาพและหาญกล้าบนผืนโลก ดังนั้น คติพจน์ชั่วชีวิตของข้าพเจ้าจึงคือ “ประชาชนคือพระเจ้าของข้าพเจ้า”
ไม่มีคำอธิบายใดๆ ต่อ ‘การตาย’ ของคิม อิลซุง ในปี 1986 ไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงการสันนิษฐานกันไปต่างๆ นานา เช่น ทั้งหมดนี้อาจเป็นความผิดพลาดในการรายงานข่าว โดยเฉพาะจากสำนักข่าวญี่ปุ่น แต่กระนั้นก็มีข้อโต้แย้งจากบันทึกของฝั่งเกาหลีใต้ ว่าคำประกาศเสียงตามสายต่างๆ จากเกาหลีเหนือที่บันทึกเอาไว้นั้น แม้จะมีมากมายเป็นสิบๆ จุด เรียงรายอยู่ตามพรมแดน แต่ทุกจุดประกาศแบบเดียวกัน พูดได้ว่ามีความพยายามจะส่ง ‘สาสน์’ แบบเดียวกันออกมา ก็แล้วจะเป็นการรายงานข่าวผิดพลาดถึงขั้นก่อให้เกิดความปั่นป่วนไปแทบจะทั่วโลกได้อย่างไรเล่า
ข้อสันนิษฐานที่สองก็คือ หรือนี่จะเป็นแผนลับของฝั่งเกาหลีใต้เอง เพราะตอนนั้น ประธานาธิบดีชุน ดูฮวาน กำลังย่ำแย่ ประชาชนเริ่มรู้สึกว่าเขาคอร์รัปชั่นและเป็นเผด็จการ เขาจึงต้องพยายาม ‘สร้างข่าว’ เพื่อกลบเกลื่อนบิดเบือนสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็ต้องร่วมมือกับผู้คนมากมายเกินกว่าจะปกปิดเป็นความลับได้ ที่สำคัญก็คือ แม้กระทั่งนักศึกษาของเกาหลีเหนือในจีน ในช่วงเวลานั้นก็ยังถอดเข็มกลัดรูปคิม อิลซุง ที่ต้องกลัดอยู่ตลอดเวลาออก ซึ่งก็แน่นอน—ไม่มีใครอธิบายอะไรให้ใครฟัง
ข้อสันนิษฐานที่สามก็คือ หรือในเกาหลีเหนือจะเกิดรัฐประหารเงียบขึ้นมา เป็นไปได้ไหมว่า อาจมีกองกำลังพยายามลุกขึ้นมาต่อต้านคิม หรืออาจเป็นคิมจองอิลเองนั่นแหละ ที่อยากได้อำนาจจากพ่อ แต่คนที่จะลุกขึ้นมาต่อต้านอำนาจของคิม อิลซุง ในเกาหลีเหนือได้ มีน้อยยิ่งกว่าน้อย คนที่เป็นไปได้ล้วนแล้วแต่ยังอยู่ในอำนาจร่วมกับคิม อิลซุง ต่อมาจนเขาเสียชีวิตจริงๆ ในปี 1994 และคิม จองอิล เองก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรที่เป็นปฏิปักษ์กับพ่อเลย ทั้งหมดนี้จึงน่าจะเป็นไปไม่ได้อีกนั่นแหละ
แล้วคำอธิบายที่เป็นไปได้คืออะไรเล่า?
ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะสรุปได้ที่คำคำเดียว นั่นคือเป็นไปได้ไหมว่า คิม อิลซุง กำลัง ‘ซ้อมตาย’ เพื่อจะลองตรวจสอบดูว่า โลกจะคิดเห็นอย่างไรกับการตายของเขา โดยเฉพาะเกาหลีใต้ เช่นหากรู้ว่าคิม อิลซุง เสียชีวิต เกาหลีใต้จะบุกเกาหลีเหนือเลยไหม และโลกจะตอบสนองอย่างไร
แต่กระนั้นก็ไม่เคยมีคำอธิบายอะไรออกมาจากเปียงยาง
ไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นในปี 1986
แต่ในวันที่ 8 กรกฎาคม 1994 เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อผู้ที่ถือได้ว่าเป็น ‘พระเจ้า’ และ ‘พระอาทิตย์’ แห่งเกาหลีเหนือ หัวใจวาย ล้มลง แล้วก็ตายอย่างกะทันหันในวัย 82 ปี เกาหลีเหนือใช้เวลาราวสามสิบกว่าชั่วโมง ก่อนจะประกาศความตายนั้นออกมาให้โลกได้รับรู้ งานศพของเขาที่เปียงยางคืองานศพที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุดงานหนึ่งในประวัติศาสตร์ ร่างของเขาวางอยู่ในโลงแก้ว มีการอาบน้ำยาอาบศพอย่างดีเพื่อให้ผู้คนได้เข้าร่วมคารวะและไว้อาลัย
นี่คือความตายที่แท้จริง—ไม่ใช่การ ‘ซ้อมตาย’ ใดๆ
มันเป็นการตายที่กะทันหัน เรียบง่าย เกิดขึ้นและจบลงเพื่อส่งต่อ ‘อำนาจ’ ให้กับลูกชายคนโต
ประชาชนอาจเป็นพระเจ้าของคิม อิลซุง แต่แท้จริงแล้ว พระเจ้าของเราทุกคนก็คือความตาย
เป็นความตายที่จะมาถึงเราทุกคนในสักวันหนึ่ง,
ไม่ว่าจะคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่หรือต่ำต้อยเพียงใดก็ตาม