1.
นับเป็นข่าวช็อกโลก เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 มกราคมตามเวลาในสหรัฐอเมริกา โคบี้ ไบรอัน (Kobe Bryant) วัย 41 ปีอดีตนักบาสเกตบอลระดับตำนานเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่ตอนเหนือของลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ระหว่างพาลูกสาววัย 13 ปีไปเข้าแข่งขันในรายการบาสเก็ตบอล โดยนอกจากเขากับลูกแล้ว ยังมีผู้เสียชีวิตอื่นอีก 7 รายด้วย นับเป็นการสูญเสียที่สร้างความโศกเศร้าให้กับโลกใบนี้อย่างมาก
หากถามว่า โคบี้ ไบรอัน ยิ่งใหญ่อย่างไร ก็ต้องตอบว่า ชายคนนี้เป็นนักบาสเกตบอลที่ทำแต้มได้สูงสุดเป็นลำดับที่ 4 โดยก่อนหน้านี้อยู่ลำดับที่ 3 แต่โดน เลบรอนด์ เจมส์ (LeBron James) แซงได้สำเร็จ ซึ่งโคบี้ยังทวีตชื่นชมความก้าวหน้าของนักบาสรุ่นน้องไว้ 15 ชั่วโมงก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ว่า “ลุยต่อไปเรื่อยๆ คิงส์เจมส์ (ชื่อทวิตเตอร์ของเลบรอนด์ เจมส์) พี่นับถือแกมากน้องชาย”
20 ฤดูกาลที่เขาโลดแล่นใน NBA เขาได้แหวนชนะเลิศทั้งหมด 5 วงจากสโมสรแอลเอ เลเกอส์ (Los Angeles Lakers) สโมสรเดียว และคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2 ครั้งให้กับทีมชาติสหรัฐอเมริกา ถูกเลือกให้อยู่ในทีมรวมดาราถึง 18 ฤดูกาล เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าในปี ค.ศ.2008 และในปี ค.ศ.2016 เกมส์สุดท้ายที่เล่นใน NBA เขาทำแต้มคนเดียว 60 แต้มในการปะทะกับทีมยูทาห์ แจ๊ส เป็นการปิดฉากชีวิตนักบาสเกตบอลที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง เป็นตำนานของแฟนๆ ทั่วทั้งโลกพร้อมกับที่สโมสรเลเกอส์รีไทร์เสื้อเบอร์ 8 กับ 24 ซึ่งเป็นเบอร์ที่โคบี้ใส่เป็นประจำทันทีที่เขาเลิกเล่น
ความเก่งกาจของเขามาจากความมุ่งมั่นในเส้นทางนักกีฬาอาชีพ โค้ชของไบรอันเคยบอกว่า “เขาไม่แคร์การเที่ยวกลางคืนหรือเรื่องอื่นเลย เขาสนใจเพียงสิ่งเดียว คือ ความมุ่งมั่นที่จะเทียบเคียงรัศมีของ ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) คนอาจเถียงกันว่าเขาเข้าใกล้รัศมีจอร์แดนแค่ไหน แต่ที่ทุกคนเห็นตรงกันอย่างเป็นเอกฉันท์ นั่นก็คือโคบี้ได้เติมเต็มทุกความฝันของเขาแล้ว”
เท่านั้นไม่พอหลังจากเลิกเล่นบาสเกตบอล ไบรอันยังเขียนบทกวีที่กลายมาเป็นแอนิเมชั่นประเภทหนังสั้น เรื่อง ‘Dear Basketball’ ซึ่งเขาได้ให้เสียงบรรยายด้วย และเรื่องนี้ก็ได้รางวัลออสการ์ในปี ค.ศ.2018 โคบี้จึงกลายเป็นนักบาสเกตบอลคนแรกของโลกที่ได้รางวัลภาพยนตร์อันทรงเกียรตินี้
เขาบอกว่าการได้รางวัลออสการ์ถือเป็นเรื่องน่าภูมิใจมากกว่าความสำเร็จที่เขาทำไว้กับทีมเลเกอส์เสียอีก เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะทำได้
เมจิก จอห์นสัน (Magic Johnson) ตำนานของวงการบาสเก็ตบอล ได้ทวิตถึงข่าวความตายของโคบี้ไว้ว่า “เพื่อนผม ตำนาน สามี พ่อ ลูก น้องชาย ผู้ชนะรางวัลออสการ์ และตำนานที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของแอลเอ เลเกอส์ จากไปแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับได้”
เป็นประโยคที่ถูกต้อง ‘ยากจะยอมรับได้จริงๆ’
2.
โคบี้ ไบรอัน เป็นลูกชายของ โจ ไบรอัน (Joe Bryant) อดีตนักบาสเกตบอล NBA สำหรับชื่อของเขานั้นมีที่มาจากเนื้อสเต็กโกเบ (Kobe) ที่พ่อกับแม่ไปกินในร้านอาหารและชอบเนื้อนี้มากจนนำไปตั้งเป็นชื่อลูกชายที่กำลังจะคลอดในเวลาต่อมา
หลังจากที่พ่อเลิกเล่นเอ็นบีเอ พ่อก็ไปเล่นบาสเกตบอลต่อในลีกระดับต่ำกว่าของอิตาลี ทำให้ตอนเด็กของเขา จึงใช้ชีวิตที่อิตาลี พูดภาษาอิตาลีได้คล่อง แถมยังคลั่งไคล้สโมสรฟุตบอลเอซี มิลานอีกด้วย
โคบี้เริ่มเล่นบาสเกตบอลตั้งแต่ 3 ขวบ ระหว่างนั้นเส้นทางอาชีพบาสเก็ตบอลของเขาเกือบเปลี่ยนไป เพราะที่อิตาลี โคบี้เกือบจะเอาดีทางฟุตบอลหรือซอคเกอร์เสียแล้ว โดยตอนนั้นเขาไปเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูเพราะมือยาวและพอซ้อมไปเรื่อยๆ โค้ชก็ขยับตำแหน่งไปเล่นกองกลาง จนเมื่อย้ายกลับไปสหรัฐอเมริกา เขาก็ไปสนใจกีฬาเบสบอลแทน ก่อนจะไปยึดมั่นในบาสเกตบอลอย่างจริงจังในเวลาต่อมา
สุดท้ายแม้เจ้าตัวจะไม่ได้เล่นซอคเกอร์เป็นอาชีพ แต่กีฬาชนิดนี้ส่งผลต่อการพัฒนาตัวเขากับการเล่นบาสอย่างมาก เพราะการเปลี่ยนจังหวะความเร็วของเท้า รวมถึงการโยกเท้าซ้ายขวาได้อย่างคล่องแคล่วนั้น มีพื้นฐานมาจากการเล่นซอคเกอร์นี่เอง
การใช้ชีวิตต่างแดนได้สอนบทเรียนสำคัญแก่โคบี้ว่า “ผมโชคดีที่โตมาในอิตาลี ที่นั่นสอนความจริงสำคัญให้กับผมได้รู้จักตัวเองว่าไม่ได้เป็นคนแกร่งสุด เร็วสุด หรือเป็นสุดยอดนักกีฬา บางทีผมแค่มีทักษะดีสุด ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย
ต่อมาพออายุได้ 11 ปี ทางครอบครัวได้ย้ายกลับมาที่สหรัฐอเมริกา ลงหลักปักฐานที่เมืองฟิลาเดเฟีย โคบี้หันไปมุ่งมั่นในบาสเกตบอล เมื่ออายุได้ 13 ปีก็ฉายแววเก่งกาจ โค้ชในโรงเรียนมัธยมปลายบอกว่า แค่เห็นเขาเล่นแค่ 5 นาทีก็รู้แล้วว่าเด็กคนนี้จะต้องเทิร์นโปรได้ เพราะโค้ชเองไม่เคยเห็นเด็กอายุเท่านี้เก่งขนาดนั้นมาก่อน
โคบี้กลายเป็นปรากฏการณ์ในปี ค.ศ.1996
เขาได้เปลี่ยนแปลงวงการบาสเก็ตบอลไปตลอดกาล
เมื่อข้ามชั้นในช่วงม.ปลาย เขาก็เข้าสู่ลีกอาชีพ NBA ด้วยวัยเพียง 17 ปีเท่านั้น และลงเล่นเกมส์แรกตอนอายุ 18 ปี ด้วยความมั่นใจในความสามารถ พอมีโอกาสมาถึงเขาก็ฉวยไว้
ในตอนนั้นทาง NBA ยังไม่ค่อยอนุญาตให้เด็กหนุ่มก้าวกระโดดขนาดนี้ ถ้าคุณเล่นในระดับมัธยมปลาย คุณก็ต้องไปเล่นระดับมหาวิทยาลัยก่อน ถึงจะเข้าสู่ลีกอาชีพได้ แต่โคบี้คือความแตกต่าง เขาเก่งจนได้รับคำชมจากทั้งโค้ชและเพื่อนร่วมทีม ทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ได้ก้าวกระโดดครั้งสำคัญและเปลี่ยนโฉมหน้า NBA ไปตลอดกาล
เพราะหลังจากนั้น โคบี้กลายเป็นต้นแบบให้กับนักบาสเกตบอลฝีมือดีในรุ่นหลังได้เจริญรอยตามโดยการข้ามชีวิตมหาวิทยาลัยและมุ่งหน้าเข้าสู่ลีกอาชีพในทันที เพราะความสำเร็จของโคบี้นี่เองถึงทำให้เกิดตำนานอีกหลายตำนานผุดขึ้นมา
ตอนเข้าร่วมทีมแอลเอ เลเกอส์ใหม่ๆ เพื่อนร่วมทีมเห็นว่าเขาเป็นเพียงเด็กม.ปลายเท่านั้น แต่เมื่อเขาได้ลงเล่นเท่านั้น ทุกคนก็อ้าปากค้าง ด้วยทักษะที่โคบี้แสดงให้เห็น จากการเป็นเพียง ‘เด็กม.ปลาย’ ที่เพื่อนร่วมทีมมองตอนแรกก็เริ่มเปลี่ยนไป
เขากลายเป็นอนาคตดาวรุ่งแห่ง NBA ไปแล้ว
3.
ตลอดเส้นทางอาชีพ โคบี้สร้างปรากฏการณ์มากมาย ด้วยนิสัยมั่นใจในตัวเอง นั่นทำให้เขาแสดงความสามารถอย่างล้นเหลือ จวบจนเมื่อเลิกเล่น แฟนๆ ก็ยังคิดว่าเขาจะกลับใจมาเล่นบาสอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมา NBA คือตัวตนของนักบาสเกตบอล และนักบาสที่เลิกเล่นไปแล้วจะไม่สามารถทำอะไรต่อได้อีก หากปราศจากบาสเก็ตบอล
มันเหมือนความกลัวที่นักบาสจำนวนมากไม่กล้าก้าวข้ามหลังจากเลิกเล่นไปแล้ว มันเหมือนบาสเก็ตบอลและ NBA คือโลกทั้งใบของพวกเขา หากไม่มีมัน ชีวิตก็ไม่มีความหมาย
แต่ไม่ใช่กับโคบี้ เขาก้าวข้ามมันไปได้อย่างสบายๆ เดินหน้าสู่เส้นทางอื่นของตัวเอง
หลังจากเลิกเล่น เขาไปเป็นนักวิเคราะห์ที่ประสบความสำเร็จให้กับช่องกีฬาอย่าง ESPN รวมถึงทำพอดแคสต์เรื่องกีฬาเกี่ยวกับเด็กอีกด้วย โคบี้บอกว่ามีคนจำนวนมากเป็นห่วงเขาหลังการเลิกเล่นว่าจะหดหู่ หรือสับสนมึนงงไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ซึ่งเขาเล่าว่ามีคนจำนวนมากเป็นห่วงถามไถ่ด้วยความจริงใจถึงเส้นทางหลังเลิกเล่นเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้โคบี้เองได้ออกหนังสือเรื่องราวของตัวเองกับเส้นทางอาชีพ เปิดบริษัทเกี่ยวกับแบรนด์ด้านกีฬา ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี หรือการมีทีมบาสเกตบอลของตัวเอง ซึ่งเขาเป็นโค้ชและมีลูกสาวอยู่ในทีม โดยโคบี้มีลูกทั้งหมด 4 คนเป็นผู้หญิงทั้งหมด สำหรับ เจียนนา ไบรอัน (Gianna Bryant) วัย 13 ปีนั้น เป็นลูกสาวที่มีแววด้านบาสเกตบอลที่สุด โดยโคบี้เคยให้สัมภาษณ์อย่างมั่นใจว่าลูกคนนี้จะได้เล่นในลีกบาสเก็ตบอลของผู้หญิงอย่างแน่นอน
หากไม่มีอุบัติเหตุครั้งนี้ เขากับลูกสาวก็จะไปแข่งขันบาสเกตบอลในวันดังกล่าว
แต่การแข่งขันนัดนั้นก็ไม่เกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุสุดสลดนี้
โคบี้เรียกตัวเองว่า Black Mamba เสมอ ซึ่งมาจากรหัสนักฆ่าในภาพยนตร์เรื่อง Kill Bill ของผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน่ (Quentin Tarantino) ที่จริงเขามีหลากหลายฉายา แต่ Black Mamba ดูจะเป็นฉายาที่คนรู้จักและใช้เรียกโคบี้มากที่สุด
อย่างไรก็ดี รอยด่างพร้อยในชีวิตของโคบี้ก็คือการที่เขาถูกจับและตั้งข้อหาทางเพศในปี ค.ศ.2003 จากเหตุการณ์ที่โรงแรมโคโลราโด ซึ่งเขาถูกกล่าวหาว่าข่มขืนหญิงสาววัย 19 ปี ซึ่งเธอทำงานในโรงแรม ต่อมาทางอัยการได้ถอนข้อกล่าวหานี้ หลังจากหญิงสาวไม่ขอขึ้นให้การในชั้นศาล ว่ากันว่าเธอโดนกดดันจากสังคมรวมถึงทนายความของโคบี้ด้วย หลังเกิดเรื่องทางโคบี้ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษ ตอนนั้นเขาคิดไปเองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวคือการมีเพศสัมพันธ์แบบสมยอม แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ ต่อมาทนายความของผู้เสียหายได้ทำข้อตกลงกับโคบี้นอกชั้นศาล
เส้นทางตลอด 41 ปีแห่งชีวิตของชายคนนี้ เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องเดียวที่โคบี้ด่างพร้อยที่สุด และมันสะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์เรานั้นก็มีเรื่องราวมากมายในชีวิตตัวเอง อยู่ที่ว่าตอนจากไปทุกคนจะเล่าขานว่าอย่างไร
แน่นอนภายหลังการเสียชีวิตของเขา เวทีประกวดรางวัลแกรมมี่ ศิลปินจำนวนมากต่างอุทิศร้องเพลงแสดงความอาลัยให้ ไม่เพียงแต่แฟนๆ บาสเกตบอลหรือเพื่อนร่วมอาชีพเท่านั้น นักกีฬาคนอื่นๆ ต่างตกตะลึงกับอุบัติเหตุครั้งนี้ และต่างพูดแสดงความเสียใจ พร้อมกับยกย่องความสามารถของโคบี้
เขาจากไปอย่างเศร้าสลด แต่ก็เป็นการจากไป ที่มีแต่คนโศกเศร้าคิดถึงและพูดถึงคุณงามความดี ความสามารถของโคบี้ หลายคนต่างรู้สึกเสียดายต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของชายคนนี้
4.
สุดท้ายนี้ชีวิตของโคบี้อาจสรุปได้ด้วยบทสัมภาษณ์สั้นๆ ที่เขาพูดถึงอาชีพที่ตัวเองประสบความสำเร็จไว้ว่า
“บาสเกตบอลที่รัก ผมตกหลุมรักคุณ รักสุดใจ และผมทุ่มให้คุณทั้งหมดทั้งมวล ตั้งแต่จิตใจไปถึงร่างกาย สู่ตัวตนและจิตวิญญาณ”