การถูกตั้งข้อสงสัยในเรื่องเพศสภาพนั้นอยู่คู่สังคมเรามาช้านาน
ยิ่งเป็นบุคคลในวงการบันเทิงที่แสงไฟส่องหา เรื่องนี้ยิ่งดูเป็นประเด็น เขามีแฟนหรือยัง ทำไมยังไม่มี เอ๊ะ หรือไม่ได้ชอบเพศตรงข้าม อุ๊ย คนนี้มีเมียด้วยเหรอ มีบังหน้าล่ะสิ และอีกสารพัดจะตั้งข้อสงสัย
แม้ว่าในยุคนี้ที่นักแสดงหรือผู้มีชื่อเสียงหลายๆ คนออกมาเปิดเผยเพศสภาพของตนเอง อย่างที่ต้องการจะให้เห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดา และเพื่อบอกว่าตัวตนนั้นก็เป็นคนละเรื่องกับผลงาน แต่ก็ยังไม่วายมีชนกลุ่มน้อยที่ยังสนุกสนานกับการล้อเลียนเพศสภาพต่างๆ อยู่ดี
ฉันเองเคยโดนเข้าใจผิดอยู่เหมือนกัน เพราะเคยแสดงละครเรื่องหนึ่งเป็นผู้ชาย ในช่วงที่ฉันตัดผมสั้น บวกกับความไม่หวานของกริยา หลายคนเลยเข้าใจไปว่าฉันเป็นผู้ชาย หรือไม่ก็เข้าใจว่าฉันสามารถมีความรักในแบบคู่รักกับผู้หญิงได้
ซึ่งเข้าใจอะไรแบบนั้นฉันก็ไม่ได้เดือดร้อน ดีเสียอีกว่าเราแสดงแล้วสมบทบาท ไม่เป็นอย่างที่คนชอบล้อว่าพระเอกละครไทยนี่ตาบอดหรือไง แค่ผู้หญิงใส่หมวก ติดหนวด พูดฮะ ก็พร้อมใจกันเชื่อแล้วว่านี่คือผู้ชาย (แหม คลาร์ก เคนต์ยังใส่แว่นสายตาอันเดียวเลย ตอนแปลงร่างกลับจากการเป็นซูเปอร์แมนมาเป็นชายหนุ่มทั่วไป) ก็ไม่ได้เดือดร้อนจนมีน้องผู้หญิงวัยมัธยมมาดักรอขอความรักหน้าบ้านฉันตลอดคืนนั่นล่ะ ถึงต้องออกมาอธิบายน้องให้เข้าใจ ว่ารักของเราคงเป็นไปไม่ได้จริงๆ จ้ะ กลับบ้านเถอะหนูเอ๋ย
ของแบบนี้มันอยู่คู่วงการมาตลอดนั่นล่ะ ตั้งแต่ยุคที่มีแฟนแล้วต้องปิดบัง ห้ามบอกใครว่าแต่งงาน จนมาถึงตอนนี้ที่แต่งงานกันทีละสามวัน คนตามก็ช่วยลุ้นกันสนุกกับสารพัดธีมงานและความงามของผู้ร่วมงาน
ประเด็นอ่อนไหวพวกนี้ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เปลี่ยนแปลงและสร้างความเข้าใจใหม่ๆ อะไรที่เคยเป็นที่นิยมในสมัยหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่ามันจะยืนยาวไปจนสิ้นโลก แต่ก่อนฝรั่งก็เอาคนผิวสีมาทำตลกล้อเลียนเป็นที่เอิกเกริก ผับบาร์สระว่ายน้ำเขาก็ไม่ให้ใช้ร่วมกัน เรื่องจะมาเป็นดารานำในหนังขายฝีมือนั้นเป็นอันเลิกหวังได้เลย แต่มาถึงทุกวันนี้ เราก็ผ่านมาหลายการเคลื่อนไหว เห็นนักแสดงนำชายและหญิงที่เป็นคนผิวสีขึ้นรับรางวัลใหญ่ เห็นแคมเปญออสการ์ โซ ไวต์ เห็นการตั้งคำถามว่าทำไมผู้หญิงจึงมีที่ทางในอุตสาหกรรมนี้น้อยนัก เห็นคนแต่งดำครึ่ดไปทั้งงานเพื่อแสดงจุดยืนเรื่อง Me Too ผ่านยุคนางงามเด็กและน้องฮันนี่บูบูมาสู่พ่อแม่ดาราที่ปกป้องลูกไม่ให้ออกสื่ออย่างสุดชีวิต
แต่เรื่องเพศสภาพนี่ออกจะใกล้ตัวชาวไทยหน่อย เพราะเมืองเราก็ไม่ได้มีการเหยียดผิด บวกกับความเชื่อบางประการ (ซึ่งฉันไม่รู้ว่าเริ่มมาจากไหน) ว่าเกย์หรือกะเทย (คนจะจัดกลุ่มมาทางนี้มากกว่ากลุ่มเลสเบี้ยนหรือหญิงรักหญิงแฮะ ซึ่งฉันก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าเพราะอะไร) เป็นกลุ่มคนที่มีอยู่เยอะในวงการ ถึงขั้นมีนักแสดงรุ่นใหญ่ลายครามท่านหนึ่ง เมื่อรู้ว่าต้องรับบทแสดงร่วมกับเกย์ ก็มาถามฉันว่า, ปกติพวกกะเทยเขาชุมนุมกันอยู่ตรงไหน แล้วเขาทำอะไรกันเวลาว่างๆ?
ฉันไม่ได้มองว่าคำถามของคุณอา (เรียกคุณอาละกันเพราะอายุแกเกินห้าสิบไปไม่มากเท่าไหร่ในวันที่ถาม) เป็นการเหยียดหรือเมคโจ๊กแต่อย่างใดนะ เพราะคุณอาก็ถามอย่างธรรมดา ถามฉันและช่างแต่งหน้าทำผมที่ทึ้งหัวฉันไปพร้อมๆ กันนั่นแหละ ถามเพราะอยากรู้เพื่อเอาไปศึกษาจริงๆ ไม่มีอะไรเคลือบแฝง ซึ่งช่างหน้า ช่างผมและฉันก็พร้อมใจกันหัวร่อและตอบคุณอาว่ามีทุกที่ล่ะค่า ไม่ได้ต้องนัดชุมนุมพลกันอย่างลูกเสือสำรอง และพี่ๆ ทั้งสองก็ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องร้านเรื่องโซนที่นิยมเที่ยวให้กับคุณอา ซึ่งคุณอาก็ขอบอกขอบใจเป็นอย่างดี พร้อมถามด้วยว่าถ้าอาไปดูเขาจะไม่รังเกียจอาใช่ไหม
ฉันว่าอะไรอย่างนี้ล่ะที่สำคัญ มันเป็นเรื่องของท่าทีและทัศนคติที่คุณมีต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งอาจจะมาจากการเรียนรู้หรือปลูกฝังมาก็ได้ หรืออาจจะมาจากประสบการณ์ในชีวิต
เพราะเอาจริงๆ ตอนนี้ถึงโลกจะอ่อนไหว หรือมีข้อมารยาทให้คำนึงมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเหล่าผู้เหยียดผิวสุดขั้ว ผู้นิยมไรเฟิล เฟมินิสม์หัวรุนแรง วีแกนที่โกรธกระทั่งคนที่ซื้อไอติมให้เด็กกิน (เพราะมีส่วนผสมของนมในไอศครีมนั้น -*-) โฮโมโฟเบีย หรือแอนตี้ชาวต่างชาติจะไม่มีที่ยืนในสังคม เขาก็มีพื้นที่ของเขาชัดเจนขึ้นไปเสียอีกด้วยซ้ำ ว่าเขาได้เลือกและสมาทานความเชื่อนั้นๆ แล้ว อยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อนตามประเภทความเชื่อ
ดังนั้นคุณจะไม่แคร์อะไรเลยก็ได้ จะล้อเลียนก็ได้ จะด่าก็ได้ หรือจะทำเอาแบบที่ตัวเองคิดว่าทำขำๆ ก็ได้ แต่ก็ต้องยอมรับด้วย ว่าจะมีคนที่ไม่ขำ ไม่ตลก และด่ากลับเช่นกัน
ยกตัวอย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวจากต่างประเทศก็แล้วกัน (อันนี้มีพี่ที่น่ารักยิ่งคนหนึ่งยกมาเผยแพร่ในแอคเคาท์เฟซบุ๊กส่วนตัวนะคะ ฉันเพิ่มคำตามอรรถรสไปนิดหน่อย แต่ไม่เสียเนื้อหาแน่นอน)
โรซานน์ บาร์ ดาราตลกชื่อดังผู้ออกตัวสนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ ทวิตเหยียด วาเลรี จาร์เร็ต อดีตที่ปรึกษาของบารัก โอบามา ว่าเป็นส่วนผสมของ Muslim Brotherhood + Planet of the Apes (ฉันไม่กล้าแปลเลย เอาเป็นว่าคุณลองจินตนาการกันถึงสองส่วนผสมนี้ก็แล้วกัน ถ้านึกไม่ออก เข้ากูเกิลหารูป หาความหมายก็ได้ ว่ามันเหยียดในเหยียดยังไง)
และเมื่อชาวทวิตเข้ามาโต้ เธอก็ด่าตอบจนบานปลายไปกันใหญ่
ผลก็คือโรซานน์กำลังโดนแทบทั้งวงการบันเทิงด่าเช็ด และโดนสถานี ABC สั่งถอดซีรีส์ Rosanne ซีซั่นใหม่ทิ้งทันที (ทั้งที่เพิ่งทำเสร็จ เพิ่งออกอากาศ และไม่ใช่ซีซั่นแรก แต่เป็นการกลับมาออกอากาศที่ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดียิ่งด้วยซ้ำ) จนเธอต้องยอมขอโทษประชาชน และขอโทษทีมงานซีรีส์นับร้อยชีวิตที่ต้องตกงานทันควันเพราะปากของเธอ แล้วลบแอคเคาต์ทิ้งไปในที่สุด
ลาก่อนค่ะโรซานน์
วาเลรี จาร์เร็ต เป้าของการโดนเหยียดครั้งนี้ให้สัมภาษณ์ว่า นี่เป็นการสั่งสอนที่ดี ประโยชน์ไม่ได้ตกแค่กับเธอ แต่กับคนอีกมากมายที่ถูกเหยียดผิวทุกวันโดยไม่มีใครรับรู้หรือปกป้อง และเธอบอกว่า แม้การสนับสนุนผู้นำประเทศจะเป็นสิทธิส่วนตัวและบ่งบอกว่าคุณเชื่อและยึดมั่นในค่านิยมแบบใด แต่คุณต้องมีความรับผิดชอบในฐานะปัจเจกด้วยที่จะไม่แสดงทัศนคติเลวร้ายต่อคนอื่นออกมา เพียงเพราะผู้นำของคุณเป็นคนแบบนั้น และเราต้องร่วมกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่ผิดนี่ให้ได้ ทั้งจากคนภายในและจากสังคมภายนอก
ดังนั้น ในกรณีของดารานักแสดง แม่แห่งชาติ ลูกแห่งชาติ ผัวแห่งจักรวาล หรือแด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่ออะไรก็ตาม การที่แฟนคลับเห็นงามไปด้วยก็อาจจะสร้างความมั่นใจในอะไรได้หลายอย่าง แต่มันก็เป็นภาพสะท้อนกันและกันอยู่ไปมาระหว่างคนที่เขาชอบ และกลุ่มคนที่ชอบเขา ว่ารักว่าชอบกันโดยไม่สนความเป็นจริงของโลกหรือเปล่า
ความอ่อนไหวนี้ อาจเป็นเรื่องสมัยนิยมหรือจะอะไรก็ตามแต่ แต่โลกมันก็มาตรงนี้แล้วน่ะคุณ ไม่เชื่อแนวคิดยังไงก็ควรมีมารยาทสังคม
ไม่งั้นคุณจะกลายเป็นมนุษย์ถ้ำบาบาเรี่ยน ถือหอกออกล่าแมมมอธ ใช้ไม้แห้งถูกันให้เกิดไฟ ในยุคที่ทุกคนมีน้ำมีไฟและใช้ไลน์แมนไปรับอาหารน่ะ
ก็คิดเอาละกันว่าอยากเป็นแบบไหน