“วันนี้ครบรอบ 16 ปี ที่แมเดลีนถูกลักพาตัว พวกเรายังคงคิดถึงลูกอยู่เสมอนะ”
1.
วันที่ 3 พฤษภาคม ปี 2007 ครอบครัวแมคแคน อันประกอบด้วย เคท และเจอร์รี่ แมคแคน (Kate and Gerry McCann) พร้อมลูกทั้ง 3 คน คือ ด.ญ.แมเดลีน แมคแคน (Madeleine Mcann) อายุ 3 ขวบ และน้องฝาแฝด อายุ 2 ขวบ รวมทั้งหมด 5 ชีวิตสุขสันต์ จะได้อยู่พร้อมหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต
ตอนนั้นครอบครัวแมคแคนไปเที่ยวพักร้อนที่โปรตุเกส ในคืนดังกล่าว เคทและเจอร์รี่มากินอาหารเย็นกับเพื่อนๆ ที่คลับแห่งหนึ่ง อยู่ห่างจากที่พัก ไม่ถึง 100 เมตร โดยแมเดลีนและน้องฝาแฝดพักอยู่ในห้อง ทางพ่อและแม่ตกลงกันว่า จะเปลี่ยนเวรไปดูลูกๆ ทุกชั่วโมง
เจอร์รี่ไปดูลูกๆ ก่อน ตอน 3 ทุ่ม ที่ห้อง เด็กๆ ยังอยู่กันปกติ นอนหลับกันหมด ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
แต่แล้วอีกชั่วโมงต่อมา เคทผลัดเวรไปดูลูก เธอก็ส่งเสียงร้องสุดขีด พร้อมแจ้งสามี และทางโรงแรม เพราะปรากฏว่า หนูน้อยแมเดลีนหายตัวไปอย่างลึกลับ ไร้ร่องรอย
พลันที่โรงแรมได้รับแจ้งข่าว ก็แจ้งกับทางตำรวจโปรตุเกส ระดมกำลังสืบสวนปูพรมค้นหาหนูน้อยทันที เหตุการณ์นี้เป็นข่าวใหญ่ถึงในอังกฤษ มีการส่งนักสืบมาช่วยทางโปรตุเกส เหล่าคนดังดารา และสำนักข่าว ต่างฉายภาพหนูน้อยแมเดลีนไปทั้งประเทศ ทีวีเอาภาพเด็กขึ้นตลอดเวลา โลกออนไลน์ก็แห่แชร์รูปของแมเดลีนในอิริยาบทต่างๆ ดูน่ารักน่าชัง ทุกคนต่างเอาใจช่วย หวังจะได้พบเด็กคนนี้ไวๆ
รัฐบาลอังกฤษทุ่มเทอย่างเต็มที่ ถึงขนาดนายกรัฐมนตรีต้องออกโรงสั่งการให้ตำรวจส่งทรัพยากรทุกอย่างไปสนับสนุนการทำงานของทางการโปรตุเกส
อย่างไรก็ดีนานวันเข้าและนานวันไปเรื่อยๆ จากนาที เป็นชั่วโมง กลายเป็นวัน เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน เป็นปี ดูเหมือนความหวังของครอบครัวแมคแคนจะแหลกสลายลงไปทีละนิด ทีละหน่อย ไม่มีใครพบร่างหนูน้อย ไม่มีใครรู้ชะตากรรมและความจริงแต่อย่างใด
ปีแล้วปีเล่า วันเวลาผ่านไปกว่า 16 ปี สังคมเริ่มหลงลืมเลือนกับคดีนี้ ทุกคนแทบจะเลิกหวังกันแล้ว ทำได้เพียงจัดงานรำลึก แม้ทางครอบครัวแมคเคนจะย้ำอยู่เสมอว่า ยังคงคิดถึงลูกสาวคนนี้ตลอดเวลา แต่ 16 ปีแห่งความหาย หนูน้อยแมเดลีนค่อยๆ เป็นที่จดจำและสนใจจากสังคมน้อยลงไปเรื่อยๆ และพ่อแม่ก็เริ่มยอมรับฝันร้ายในชีวิตจริงนี้แล้วว่า คงไม่มีวันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกในวันนั้น
แต่แล้ว อยู่ดีๆ ก็เหมือนไฟแห่งความหวังถูกจุดสว่างมาในถ้ำที่มืดบอด เมื่อทางการได้รับแจ้งเบาะแสสำคัญอย่างหนึ่งขึ้นมา โดยตำรวจโปรตุเกสได้ปูพรมค้นพื้นที่ป่าแห่งหนึ่ง ห่างจากจุดที่แมเดลีนถูกพบเห็น ครั้งสุดท้ายถึง 48 กิโลเมตร
สิ่งนี้ปลุกให้พ่อแม่ของแมเดลีนมีความหวังขึ้นมานิดหนึ่ง แม้สุดท้ายพวกเขาจะยอมรับความจริงว่าคงไม่ได้เห็นลูกในสภาพมีลมหายใจอีกแล้ว
แต่หัวอกของบุพการี ก็หวังจะได้รู้ว่าร่างหนูน้อยของพวกเขา ถูกฝังอยู่ ณ ที่ใด บนโลกใบนี้ พวกเขาหวังว่าคำตอบที่โหยหามานาน จะได้รับการคลี่คลาย
แล้วฝันร้ายจะได้สิ้นสุดกันสักที
2.
ตอนที่แมเดลีนหายตัวไป 10 กว่าวัน ตำรวจโปรตุเกส เชื่อว่าเด็กคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ หลังโดนลักพาตัวไป และน่าจะยังอยู่ในประเทศนี้ โดยคดีนี้ ทางการอังกฤษส่งสุนัขตำรวจร่วมค้นหา มีการปูพรมค้นไปทั่วทั้งโรงแรม และรอบจุดเกิดเหตุ ใครที่ต้องสงสัย หรือมีพฤติกรรมที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้ ถูกนำตัวมาสอบสวนทั้งหมด
ตลอด 16 ปีแห่งการค้นหา มีเอกสารนับหมื่นหน้า ตำรวจสอบสวนเบาะแสไปถึง 8 พันชิ้น มีหลักฐานนับพัน บุคคลที่มีความผิดเกี่ยวกับคดีทางเพศโดนคุมตัวมาพบเจ้าหน้าที่ไปแล้วถึง 650 ราย และมีผู้ต้องสงสัยในคดีนี้กว่า 60 คนด้วยกัน
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ขาดซึ่งเพียงสิ่งเดียว นั่นก็คือความจริง ไม่มีสิ่งนี้หลุดออกมา เพื่อไขคำถามในคดีได้เลยว่า ใครคือคนร้ายที่ลักพาตัวแมเดลีน
หลังเกิดเหตุ ทางการได้เข้าเก็บหลักฐานในห้องที่แมเดลีนพัก แต่ปรากฏว่าตำรวจโปรตุเกส กลับเก็บดีเอ็นเอไม่ละเอียด นั่นทำให้หลักฐานที่พบ ไม่สามารถระบุตัวได้ชัดว่า ผู้ก่อเหตุเป็นใครกันแน่ แถมห้องพักยังถูกเจ้าหน้าที่เข้าไปเดินจนหลักฐานแทบจะใช้การอะไรไม่ได้ ไม่อาจไขไปได้ว่าส่วนไหนเป็นดีเอ็นเอคนร้ายหรือตำรวจกันแน่ ซึ่งเหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจให้กับครอบครัวแมคแคน และทางการอังกฤษอย่างมาก
เมื่อเป็นดังนี้ ทางตำรวจอังกฤษจึงต้องควักเงินหลวงในการสืบสวนเองทั้งหมด พวกเขาตรวจสอบจุดเกิดเหตุโดยรอบ เบ็ดเสร็จกว่า 16 ปี ใช้เงินไปถึง 12 ล้านปอนด์
สุดท้ายก็ไม่สามารถหาระบุตัวได้ว่าใครคืออาชญากรที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญนี้ได้อยู่ดี
แต่เหล่านักสืบเชื่อว่าผู้ก่อเหตุ ก็น่าจะเป็นผู้ต้องสงสัยที่เคยถูกนำตัวมาสอบ ถูกรวบรวมข้อมูลไว้แน่นอน แต่มันยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าใครคือฆาตกรฉาวในเหตุการณ์นี้
อย่างไรก็ดีทางการโปรตุเกส กลับมาเหนือเมฆ หลังพวกเขาใช้เวลาหลายปีในการสืบสวนหาตัวหนูน้อยแมเดลีน เมื่อการควานหาเลือนราง เป็นปริศนามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ทางตำรวจก็ใช้วิธีการเดิม ที่มักเกิดขึ้นแทบทุกครั้งในคดีลักพาตัว เมื่อหาศพไม่เจอ เมื่อไม่พบผู้ต้องสงสัย เมื่อหาคนร้ายไม่ได้ เมื่อความจริงดูมืดมน
เจ้าหน้าที่ก็หันกลับมาและชี้ว่า คนที่มีส่วนร่วมในคดีแมเดลีนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้
นอกจากเคท และเจอร์รี่
พ่อและแม่ของเด็กนั่นเอง
3.
1 ปีหลังการหายตัว สื่อหัวสีในอังกฤษ ก็นำเสนอข่าวเดี่ยวมาแรงแซงทุกทางโค้งว่า คดีแมเดลีนนี้ ฆาตกรคนก่อเหตุหาใช่ใครที่ไหน แต่คือพ่อและแม่ของเด็กนั่นเอง ข่าวนี้ทำเอาสังคมแตกตื่นกันเป็นการใหญ่ อลหม่านวายป่วงอย่างมาก
ต้นเหตุของเรื่อง เกิดจากตำรวจโปรตุเกสไปรวบรวมข้อมูล โดยเก็บดีเอ็นรถเช่าของครอบครัวแมคแคนหลังเกิดเหตุ แล้วพบลายนิ้วมือเคท ก่อนจะไปโยงอีท่าไหนไม่รู้สุดจะมั่วว่า พ่อแม่ของเด็ก น่าจะพลาดพลั้งทำลูกตาย ก่อนนำไปฝังอำพรางไว้ แล้วแต่งเรื่องว่าลูกหายตัวไป
พลันที่ปรากฏข่าวนี้ พ่อแม่ของแมเดลีนยืนกรานปฏิเสธ ย้ำว่าไม่ใช่ฆาตกรสังหารลูกแน่ ก่อนทำการฟ้องหมิ่นประมาทแก่สื่อที่นำเสนอข่าวนี้ รวมถึงตำรวจโปรตุเกสที่ให้ข้อมูล จนต้องมีการชดใช้เงินกันเป็นหลักล้านเลยด้วย
ความวุ่นวายของตำรวจโปรตุเกสยังไม่จบเพียงเท่านี้ หลังจากโยงหลักฐานมั่ว แต่หาหลักฐานเอาผิดพ่อแม่ของแมเดลีนไม่ได้ ในเวลาต่อมา พวกเขาก็ยุติการสืบสวนคดีเสียดื้อๆ โดยได้มอบสำนวนคดี แก่ครอบครัวแมคแคน ทนายและนักสืบเอกชน ที่อยากจะเอาข้อมูลไปขยายผลตามหาตัวเด็กต่อได้
เหตุการณ์นี้ยิ่งตอกย้ำความจริงอันเจ็บปวดว่า คงไม่มีใครบนโลกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแมเดลีน ทุกอย่างดูมืดมนเต็มไปด้วยปริศนาทั้งสิ้น จนสังคมก็เริ่มสร่างซากับเรื่องนี้ ทางโปรตุเกสวางมือไปแล้ว ส่วนทางการอังกฤษที่เคยส่งทีมมาช่วยเหลือสืบคดี ก็ค่อยๆ สร่างซาลงไป
ดูเหมือนว่าทุกสิ่งจะยังคงเป็นความลับอื้อฉาวดำมืดต่อไป
จนกระทั่งถึงปี 2020 ทางอัยการเยอรมันก็ได้แจ้งข้อมูลมายังทางการโปรตุเกส และทางการอังกฤษ ว่าพวกเขามีผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่จะเป็นฆาตกรสังหารหนูน้อยแมเดลีน
4.
13 ปี หลังเหตุอื้อฉาวนี้ อยู่ดีๆ ทางการเยอรมันก็แย้มข้อมูลออกมาว่า พวกเขาพบผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งชื่อว่า คริสเตียน บรึคเนอร์ (Christian Brueckner) ชาวเยอรมัน อายุ 44 ปี โดยตอนแจ้งข้อมูลนี้ ชายคนดังกล่าวติดคุกในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงในเยอรมันอยู่
ทีแรกทางการอังกฤษและโปรตุเกส ก็งงเป็นไก่ตาแตกว่า ทำไมบรึคเนอร์ ถึงเข้าข่ายผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ได้ แต่เมื่อกลับไปงมข้อมูลคดีนี้ พวกเขาก็พบว่า บรึคเนอร์อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุที่แมเดลีนหายตัวไปด้วย
อย่างไรก็ดีข้อมูลแค่นี้ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะตำรวจก็มีรายชื่อผู้ต้องสงสัยเป็นจำนวนมาก ที่เกี่ยวข้องกับคดีทางเพศต่อเด็ก และอยู่ละแวกจุดเกิดเหตุ แต่ก็ยังไม่อาจฟันธงได้ว่า คนกลุ่มนี้ จะเป็นผู้ต้องหาในคดีได้
อย่างไรก็ดีทางการเยอรมันให้ข้อมูลมาว่า พวกเขามีพยานที่เชื่อถือได้ ยืนยันว่าบรึคเนอร์เคยโม้ในวงเหล้าว่า รู้เรื่องหนูน้อยแมเดลีนเป็นอย่างดี แต่แค่คำพูดเพียงนี้ ก็ยังไม่อาจโน้มน้าวใจทางการได้
แต่ข้อมูลต่อไปนี้สิ คือทีเด็ดของเรื่องทั้งมวล เพราะอัยการเยอรมันยืนยันว่ามีหลักฐานเป็นเสื้อผ้าเด็กในรถแวนสีเหลืองของบรึคเนอร์ ซึ่งเชื่อได้ว่าเสื้อผ้านี้ เป็นของหนูน้อยแมเดลีน
ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อนของผู้ต้องหาคนนี้ เคยย่องเบาบ้านของบรึคเนอร์ตอนติดคุก แล้วพวกเขาพบปืน และกล้องวีดีโอ ซึ่งในนั้น มีภาพของเด็กหญิงจำนวนหนึ่ง และหนึ่งในนั้นมีภาพของหนูน้อยแมเดลีนด้วย ซึ่งเวลาต่อมา เพื่อนเหล่านี้ก็คาบข่าวไปหาตำรวจ มันจึงนำไปสู่การสอบสวน และรื้อฟื้นคดีนี้มาใหม่ด้วย
โดยตำรวจเช็กมือถือบรึคเนอร์ ช่วงวันที่แมเดลีนหายตัว พวกเขาพบว่า ชายคนนี้อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมาก และเมื่อลงมือสืบสวนเข้าไปอีก ก็มีพยานเห็นบรึคเนอร์พาเด็กสาวรายหนึ่งไปร้านสะดวกซื้อที่โปรตุเกส หลังการหายตัวไปด้วย
ทั้งนี้บรึคเนอร์เป็นเด็กมีปัญหา ที่ครอบครัวแตกแยก มีประวัติล่วงละเมิดทางเพศเด็กสาวและหญิงชรา ซึ่งช่วงที่แมเดลีนหายตัวนั้น เขามาตระเวนขายยาในโปรตุเกส ก่อนกลับไปยังบ้านเกิด และอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเด็กหญิงคนหนึ่งในเยอรมัน ซึ่งสื่อในประเทศได้เรียกว่า เป็นแมเดลีนของเยอรมันอีกด้วย
ขณะนี้บรึคเนอร์ยังให้การปฏิเสธ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของแมเดลีน เขายืนกรานว่าไม่รู้เรื่องเหตุการณ์นี้โดยเด็ดขาด อย่างไรก็ดีทางการ 3 ประเทศ ได้รวบรวมพยานกว่า 3 ปี จนล่าสุดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลัง 16 ปีแห่งการหายตัว ตำรวจได้ส่งทีมไปค้นจุดที่คาดว่ารถแวนของบรึคเนอร์ไปจอดไว้ในที่ลับตาคน ณ ประเทศโปรตุเกส และอาจเป็นสถานที่ฝังร่างหนูน้อยแมเดลีนด้วย
ขณะนี้ทุกอย่างอยู่ระหว่างการสืบสวน แม้หลักฐานหลายอย่างจะยังไม่แน่ชัด และไม่อาจฟันธงได้ว่าชายคนนี้เกี่ยวข้องกับคดีแมเดลีนจริงหรือไม่
แต่ทางการได้ยืนยันแบบ 100% แล้วว่า
“เราเชื่อว่าเขาคือฆาตกรในคดีนี้แน่”
5.
เวลานี้ ต้องยอมรับว่า เจ้าหน้าที่เร่งหาหลักฐานทั้งกล้องวีดีโอ ที่บรึคเนอร์เก็บไว้แล้วมีภาพแมเดลีน รวมถึงโครงกระดูกของหนูน้อย ซึ่งหากพบศพ มีหลักฐานแน่ชัด รวมถึงเจอเสื้อผ้าของเด็กสาวรายนี้ มันจะค่อยๆ ร้อยรัดเป็นอณูเดียว แล้วจะได้ไปเค้นบรึคเนอร์ให้มั่น ซึ่งสุดท้าย เขาอาจจะรับสารภาพขึ้นมาได้ว่า ตัวเองคือฆาตกรในคดีนั้น
อย่างไรก็ดี หากหลักฐานยังคลุมเครือ มันก็ยากมากที่จะเอาผิดเขาได้ โดยเฉพาะการที่ไม่ได้พบศพของแมเดลีน จึงเป็นอุปสรรคที่หนักหนามาก ว่าจะสาวถึงบรึคเนอร์ได้จริงหรือไม่ เนื่องจากหลักฐานดีเอ็นเอในจุดเกิดเหตุ ก็เก็บมาไม่ละเอียด จึงไม่อาจใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์เอาผิดได้ งานนี้จึงต้องใช้รูปแบบการสืบสวนแบบโบราณ หาศพ หาหลักฐานให้แน่นพอจะรีดคำรับสารภาพจากผู้ต้องสงสัยนั่นเอง
แน่นอนว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ ต่างหวังว่าความจริงจะกระจ่างแจ้งในเร็ววัน
หากแมเดลีนยังมีชีวิตอยู่ เธอจะอายุ 19 ปี ถึงวันนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่า ปริศนาในเหตุการณ์นี้ จะได้รับการไขกระจ่างแจ้งในเร็ววันไหม หรือสุดท้าย คดีนี้จะกลายเป็นปริศนาไขไม่ได้ไปอีกนานแสนนาน
ความหวาดหวั่นนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ซึ่งสืบสวนเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน ได้ออกมายืนยันให้คำมั่นสัญญาแก่ครอบครัวแมคแคนและคนทั้งโลกไว้ว่า “เรายังมีความหวังที่จะพบเธอในสภาพมีชีวิตอยู่ และไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เราก็พร้อมยอมรับมัน และมุ่งมั่นจะหาให้ได้ว่าความจริงคืออะไร
“และสุดท้ายเมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว เราจะนำคนที่ก่อเหตุ มารับโทษตามกฎหมายได้อย่างแน่นอน”
อ้างอิงจาก