ขาดไปอีกไม่กี่เรื่อง ละครที่ฉันเคยแสดงก็จะถูกนำมารี เมคเกือบครบแล้ว
แต่เรื่องล่าสุดนี้ที่พิเศษจนต้ องนำมาเขียนถึงก็เพราะเป็ นละครที่ฉันแสดงเป็นเรื่ องแรกในชีวิต
ถูกต้องแล้วค่ะคุณผู้ชม, นั่นก็คือละครเรื่อง ‘ล่า’ นั่ นเอง
คือไม่ใช่แค่ละครเรื่องแรกในชี วิตอย่างเดียว แต่เป็นการทำงานครั้งแรกในชีวิ ตของฉันเลย
ก็ถือว่าประหลาดอยู่ เพราะฉันนั้นเป็นเด็กไม่มี
อาจจะมีว้อบแว้บหลงแสงสีไปบ้
แล้วยังไงล่ะ ทำไมอยู่ๆ มาเล่นละครได้
เด็กเส้นล่ะเสะ!!
ก็ไม่เส้นนะคุณ–คือ ยังไงดี…
อะ เล่าเลยละกัน
คือฉันนั้นโตในกองถ่ายตั้งแต่
-แล้วยังไงต่อ-
ก็พอฉันโตขึ้น พ่อก็กำกับภาพยนตร์น้อยลง หันมาทำงานโทรทัศน์มากขึ้น ทั้งกำกับและแสดง โดยเน้นเป็นพิเศษไปที่บทคุณพ่
“เออ วันนี้ที่กองเค้าถามด้วย ว่าพี่ทรายอายุเท่าไหร่แล้ว”
ฉัน-ซึ่งตอนนั้นเพิ่งขึ้นม.2 อายุย่าง 14 ก็งงๆ ว่าอายุฉันมันไปเป็นหัวข้อคุ
“พอดีเขาจะเปิดกล้องละคร อยากได้เด็กใหม่ไปแคสต์เอามาเล่
แหม่ พ่อคะ
ดูถูกลูกอะ
ตอนนั้นฉันคิดแบบนี้จริงๆ นะ ว่ายังไม่ทันลองทำอะไรเลย รู้ได้ไงว่าฉันจะเล่นไม่ได้ (ซึ่งไอ้นิสัยขี้เอาชนะนี่ก็สร้
างความลำบากให้ฉันอี กมากมายในอนาคต) อยู่ๆ พ่อตัดสิ นใจแทนฉันได้ไงเนี่ย โหย ไรอ่าาาาาา (เสียงวัยรุ่นฮอร์ โมนพลุ่งพล่าน ปากคว่ำ)
“พี่ทรายสนใจ ต้องทำยังไงบ้าง”
อึ้งสิ อึ้งสิ อึ้งไปเลย
“ก็–ไม่รู้ นี่พี่ทรายจะไปลองจริงเหรอ”
“จริงค่ะ ก็แค่ลองเอง ไม่ได้ก็จะได้รู้ว่าไม่ได้”
เท่เนอะฉันเนี่ย คือตอนนั้นคิดแค่ว่า ถ้าจะทำไม่ได้ ก็ขอให้เป็นคนอื่นบอกเถอะอย่าให้เป็นพ่อตัวเองเลย คือตอนนั้นฉันก็มั่นใจอะไรก็ไม่
พ่อก็เลยต้องกลับไปถามมาให้ แล้วมาบอกฉันว่าไม่ใช่เล่นเลยนะ ต้องไปแคสต์นะ
ค่ะ
บทมันยากนะ
ค่ะ
ถ้าเล่นไม่ได้ ต้องเปลี่ยนตัว ผู้ใหญ่ที่ยังต้องทำงานกันอยู่
ค่ะ
….ตามใจละกัน….
แล้วฉันก็ไปแคสต์ ไปกับแม่หลังเลิกเรียนนี่ล่ะ ใส่ชุดมัธยมคอบัวไปเลยจ้าหน้าตาไม่ได้แต่ง นั่งตัวสูงโด่งรอเขาเรียก
พอเขาเรียกก็เข้าไป ฉันหันไปมองแม่นิดหน่อย แม่โบกๆ มือไล่ว่าไปเถอะ จะได้กลับบ้านกันซักที
เข้าไปก็เจอพี่สองคนยิ้มให้อย่
เอ้า นี่บทจ้ะ เดี๋ยวพี่เล่นเป็นแม่ พี่งัดเล่นเป็นพ่อ ทรายเป็นน้องผึ้งนะ
ค่ะ
พร้อมมั้ย
ค่ะ
-แล้วพี่สองคนก็ทะเลาะกัน-
ทะเลาะกันจริงๆ คุณเอ๋ย ถลึงตา ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ชี้หน้า แผดเสียงตะโกนใส่กันหน้าดำหน้
แง~~~
-แล้วฉันก็ร้องไห้ออกมาตรงนั้
คือฉันไม่ชอบการที่คนเสียงดั
งใส่กันน่ะ มันน่ากลัวเวลาต้องอยู่ใกล้ ๆ อะไรแบบนี้แล้วฉันก็อึดอัด เดินหนีก็ไม่ได้ ปกติเวลาพ่อแม่ฉันวี้ดใส่กั นในเรื่องงานแบบบ้านแทบแตกนั้น ฉันก็ใช้วิธีเดินหนีไปอ่านหนั งสือเอาดื้อๆ จนกว่าเสียงพ่อแม่ จะสงบไปเอง
แต่ห้องนี้มันปิดง่า แล้วพี่สองคนก็ยืนทะเลาะกั
ฮือออออ หยุดเถอะนะ หยุดเถอะ อย่าทะเลาะกันนะคะ หนูขอโทษ (ขอโทษทำไมก็ไม่รู้
ฉันละล่ำละลักไป น้ำตาอาบหน้าไป พูดอะไรไม่เป็นถ้อยเป็นคำ คิดแค่ว่าทำยังไงก็ได้ให้พี่
เออ ได้ผลว่ะ พี่เขาหยุดแล้ว ยืนจ้องหน้าหอบๆ เหนื่อยๆ กันซั
อ้าว เฮ้ย ไม่โกรธกันแล้วเรอะ!
ฉันที่ยังน้ำตานองหน้าไม่แน่
นั่นไง, ซวยแล้วกู
การเรียกแม่มาพูดกันโดยไม่มี
ชิบหายแล้ว ชิบหายแล้ว, นกในหัวใจฉันร้องเป็
“พี่ทรายโอเคไหม”
……
“เป็นอะไรหรือเปล่า ร้องไห้ทำไม”
“พี่เขาให้คุณแม่เข้าไปข้
พูดได้แค่นั้นฉันก็ร้องไห้อีก รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำอะไรผิ
ฮือออออออออ
ฉันก็ร้องไห้ไประหว่างรอแม่ที่
แล้วแม่ก็ออกมา เรียกฉันกลับบ้าน บอกให้ไปสวัสดีพี่ทั้งสองคนก่อน ฉันเข้าไปสวัสดีพี่เขาก็ยิ้
จนไปขึ้นรถ แม่ถึงเอ่ยประโยคทำลายความเงี
“อาทิตย์หน้าพี่ทรายต้องมาถ่
เดี๋ยวนะ
คืออะไร
นี่คือ–ใช่ใช่มั้ย ได้แล้วเหรอ เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ก็นั่นล่ะ, การแคสต์ครั้งแรกในชีวิตของฉัน การได้อยู่หน้ากล้องครั้
ฉันได้เรียนรู้ว่าการกอดกั
23 ปีผ่านไป
ฉันกำลังจะได้กลายเป็นคนดูบ้ างแล้วววววววว