สำหรับคนที่ไม่รู้จัก หากบังเอิญเดินสวนกับชายชาวญี่ปุ่น ที่ชื่อว่า ซากาวะ อิซเซ ก็คงไม่คิดอะไรเกี่ยวกับเขามากไปกว่า ชายร่างเล็กที่ดูเหมือนจะสุขภาพไม่ดีนัก หรือบางทีอาจจะไม่ทันสังเกตเห็นเขาเสียด้วยซ้ำ เพราะจากภายนอก เขาแทบดูไม่ต่างอะไรจากลุงญี่ปุ่นหลายๆ คนที่เดินผ่านไปผ่านมา แต่ความจริงแล้ว เขาก็จัดว่าเป็นเซเล็บในแวดวงคนที่สนใจเรื่องของเขา เพราะซากาวะ อิซเซ คือชายที่ ฆ่าและกินเนื้อคน แล้วยังลอยหน้าลอยตาในสังคมอยู่ได้
ซากาวะ เกิดในปี 1949 ในจังหวัดเฮียวโกะ ในครอบครัวของผู้มีอันจะกิน แต่เพราะความที่เขาเกิดก่อนกำหนด บวกด้วยโรคลำไส้ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทำให้เขาเติบโตมาโดยต้องรับการรักษาพยาบาลตลอด แพทย์บอกว่าเขาอาจจะอยู่ได้ไม่นานนัก แต่สุดท้ายเขาก็โตขึ้นมาได้ โดยเมื่อเขาโตเป็นหนุ่ม เขาก็สูงเพียง 152 เซนติเมตรและหนักเพียง 35 กิโลกรัม
ด้วยสภาพร่างกายที่เจ็บกระเสาะกระแสะ ทำให้เขากลายเป็นคนเงียบๆ เก็บตัว สนใจในวรรณกรรมและดนตรีคลาสสิก แต่ที่ฝังลึกในใจของเขาคือเรื่องเล่านิทานต่างๆ ที่พ่อของเขาเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับแม่มดที่ล่อลวงเด็กๆ ไปและจับมาทำกินเป็นอาหาร ซึ่งก็คงทำให้เกิดแฟนตาซีขึ้นมาในใจของเขา และเขาก็บอกในภายหลังว่าเขาเริ่มสนใจเรื่องการกินเนื้อคน หลังจากเห็นขาอ่อนของผู้ชายเมื่อตอนเรียนประถม และในวัยเด็ก เขายังเคยประกอบกามกิจกับสุนัขอีกด้วย ซึ่งตั้งแต่เรียนมัธยม เขาก็ต้องเข้าพบจิตแพทย์เป็นระยะๆ แต่เขาก็สามารถศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาชื่อดังได้
เมื่ออายุ 23 ปี เขาก็ได้ก่อคดีขึ้นเป็นครั้งแรก ด้วยการแอบตามหญิงสาวชาวเยอรมันผมทองในโตเกียวไปที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ
และพอเธอหลับ เขาก็แอบเข้าไปในห้องของเธอ โดยมีเป้าหมายที่จะเฉือนเอาเนื้อของเธอกลับไปกินที่บ้าน
แต่พลาดเธอรู้สึกตัวก่อนและขัดขืน ทำให้เขาถูกตำรวจจับในข้อหาพยายามข่มขืน โดยเขาก็ไม่ได้บอกตำรวจว่าจริงๆ แล้ว เขาต้องการที่จะกินเนื้อของเธอมากกว่า ถึงจะถูกจับกุม แต่ด้วยเส้นสายและเงินของพ่อเขา ทำให้ไม่ได้รับโทษอะไร
ในที่สุดเขาก็ต้องออกจากบ้านเกิดเพื่อไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอกที่ฝรั่งเศส ซึ่งก็คงไม่มีใครคิดว่า จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเขาไป
ในวันที่ 11 มิถุนายน 1981 เมื่อเขาอายุได้ 32 ปี และกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ เขาก็ได้ชวนเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่เป็นหญิงสาวชาวดัตช์ วัย 25 ปี ชื่อ Renée Hartevelt มาที่บ้านโดยอ้างว่ามาช่วยกันทำการบ้าน เรเน่เป็นผู้หญิงที่สวย สูงสง่า ซึ่งทำให้เธอตกเป็นเป้าหมายของเขา
เพราะด้วยความที่ตัวเองเป็นชายแค่แคระแกรนอัปลักษณ์ ในใจเขาจึงแอบอิจฉาหญิงสาวที่มีความงดงาม เพราะคิดว่าตัวเองต้องการ ‘พลัง’ จากหญิงสาวที่สมบูรณ์
ขณะที่เธอกำลังอ่านงานประพันธ์อยู่นั้น เขาก็เอาปืนที่ซ่อนไว้ออกมา และยิงเธอจากด้านหลังเข้าไปที่ต้นคอ ทำให้เธอเสียชีวิตทันที ส่วนเขาเองก็ตกใจจนสลบไป แล้วค่อยตื่นมาข่มขืนศพของเธอ เขาพยายามจะกัดเนื้อสะโพกของเธอ แต่เนื้อคนก็แข็งกว่าที่คิด และแม้จะใช้มีดปอกผลไม้ก็ไม่เป็นผลอะไร เขาเลยออกไปซื้อมืดแล่เนื้อโดยเฉพาะมา แล้วค่อยๆ แล่เนื้อเธอมากินดิบๆ และหลังจากนั้นก็ใช้เวลาสองวัน ค่อยๆ ปรุงอาหารจากเนื้อของเธอ และส่วนที่เหลือเขาก็หั่นออกเป็นชิ้นๆ เก็บเฉพาะส่วนที่เขาชอบแช่ตู้เย็นไว้ และถ่ายรูปเก็บไว้ระหว่างขั้นตอนต่างๆ
แต่ด้วยอากาศเดือนมิถุนายนในปารีสนั้นร้อนเกินไป ทำให้ศพส่วนที่เหลือเริ่มส่งกลิ่น เขาจึงเอาร่างของเธอใส่ลงในกระเป๋าเดินทางสองใบ พยายามเอาศพของเธอไปทิ้งที่ทะเลสาบในสวนสาธารณะ แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนตัวเล็ก การลากกระเป๋าสองใบที่มีศพอยู่ ก็เป็นเรื่องยากลำบาก และทำให้ดูมีพิรุธ จนถูกตำรวจจับกุมได้ขณะก่อเหตุ
เขาติดคุกโดยไม่ถูกฟ้องอยู่สองปีแล้วจึงค่อยถูกไต่สวน แต่ครอบครัวของเขาก็เตรียมทนายความขั้นดีไว้ และศาลฝรั่งเศสก็พิจารณาว่าเขาวิกลจริต ไม่สามารถสู้คดีได้ จึงส่งให้ไปรักษาตัวในโรงพยาบาลจิตเวชสำหรับอาชญากรแทน ซึ่งก็สร้างความเดือดดาลให้กับชาวฝรั่งเศสที่ต้องเสียภาษีเพื่อเลี้ยงดูคนแบบเขา ทำให้เขาถูกส่งตัวกลับประเทศเพื่อไปรักษาตัวในปี 1984
แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อเขากลับมารักษาตัวต่อที่ประเทศญี่ปุ่น จิตแพทย์ญี่ปุ่นตัดสินใจว่าเขาไม่ได้วิกลจริต และแรงบันดาลใจในการกระทำความผิดของเขาคือ ‘ความต้องการทางเพศที่ผิดปกติ’ แต่เนื่องจากทางการฝรั่งเศสไม่ได้สั่งฟ้องเขาทำให้ไม่สามารถส่งเอกสารต่อมาที่ประเทศญี่ปุ่นได้ เขาจึงกลายเป็นอิสระ ไม่ต้องรับโทษใดๆ ทั้งสิ้น
แค่การที่เขาไม่ต้องรับโทษทัณฑ์อะไรก็เป็นเรื่องน่าเศร้า โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่มันก็ยิ่งชวนสลดหนักขึ้นไปอีก เมื่อเขากลายมาเป็นคนดังในวงจำกัด มีคนติดตาม
ถึงจะก่ออาชญากรรมมา แต่เมื่อไม่มีความผิดอะไรแล้ว ก็ทำให้สังคมสนใจในตัวเขามากขึ้น
แน่นอนว่าแม้จะมีเสียงประณาม แต่ด้วยความขี้สงสัยของคน ก็ทำให้เขาถูกสัมภาษณ์เพื่อทำสารคดี ถูกโปรดิวเซอร์ชื่อดังในเรื่องอื้อฉาวอย่าง เทอรี่ อิโต้ ชวนไปเล่นหนังเอวี โดยไม่ได้บอกนักแสดงหญิงก่อนว่าเขาเป็นใคร และยังออกไปเสวนาตามงานต่างๆ รวมถึงเขียนหนังสือออกมาหลายเล่ม และเคยมีคอลัมน์ประจำอีกด้วย แต่ต่อมาเขาก็ค่อยๆ สูญเสียงานที่มีไป เพราะเรื่องเดิมๆ ก็ใช่ว่าจะขายได้ตลอดไป (ฟังแล้วก็น่าสมเพชกับวงการสื่อไม่น้อย) พอเข้าช่วงปี 2000 ก็ไม่มีงานเป็นหลักแหล่งและผลาญเงินที่มีมาจนเป็นหนี้เป็นสิน
ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ที่พ่อของเขาเสียชีวิตในปี 2005 และแม่ของเขาก็ฆ่าตัวตายตามในวันถัดมา ทำให้แม้เขาจะถูกห้ามไม่ให้ไปร่วมงานศพ แต่ก็ได้เงินมรดกมาล้างหนี้ที่มีได้
หลังจากนั้นเขาก็พยายามเขียนหนังสือหลายเล่ม แต่ก็ไม่มีใครตีพิมพ์ พยายามหางานแต่ก็ไม่มีใครรับเข้าทำงานเลย บางช่วงเขาก็ต้องอาศัยเงินเลี้ยงดูของรัฐ แต่ก็ยังคงถูกสัมภาษณ์เป็นระยะ ผมเองก็รู้จักเขาช่วงประมาณก่อนปี 2010 เพราะเห็นเขาเขียนรูปของดาราสาวหลายราย กลายเป็นว่าเขาเลิกสนใจสาวตะวันตกผมบลอนด์แล้วหันมาหลงใหลสาวญี่ปุ่นแทน โดยเฉพาะสาวโอกินาว่า และชื่นชอบดาราหลายรายเช่น Yada Akiko หรือ Ueto Aya ซึ่งเขาก็เขียนรูปเหมือนพวกเธอ พร้อมทั้งบรรยายว่าคนไหนตรงไหนน่าอร่อยไปด้วย ดูไปก็รู้สึกสะอิดสะเอียนไปครับ แถมเขายังบอกว่าที่ผ่านมาเขาสามารถสะกดความต้องการในการฆ่าคนได้ด้วยการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง แต่พอเขาแก่ตัวลงแล้วเกิดอาการไม่สู้ขึ้นมา เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะทนได้แค่ไหนกัน
แม้เขาจะบอกว่า การที่เขาต้องหากินด้วยอาศัยชื่อเสียจากการเป็นมนุษย์กินคนก็เป็นการลงทัณฑ์ให้เขาได้รับความทรมานแล้ว แต่ไม่ว่าจะคิดกี่ครั้ง การที่เขาเอาตัวรอดมาได้ด้วยอำนาจเงินของครอบครัว กลายมาเป็นคนมีชื่อเสียงและหากินจากอาชญากรรมที่เขาก่อ โดยที่เหยื่อมิได้รับความยุติธรรม ก็ได้แต่สงสัยว่า เขาได้รับผลของการกระทำของตัวเองแล้วจริงหรือ
อ้างอิงข้อมูลจาก