เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทางสำนักงานสอบสวนกลาง หรือ FBI ออกมาให้ข่าวอันน่าตกตะลึงกับทางสื่อมวลชนว่า ซามูเอล ลิตเติ้ล (Samuel Little) อายุ 79 ปี ได้รับสารภาพว่าก่อเหตุฆาตกรรมเหยื่อไป 93 รายด้วยกัน!
คำรับสารภาพนี้ระบุว่าผู้ต้องหารายนี้ได้ฆ่ารัดคอหญิงสาวทั่วประเทศใน 19 รัฐตลอด 50 ปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงผิวสี แต่ก็มีเหยื่อเป็นผู้หญิงผิวขาวและลาตินปะปนมาบ้าง โดยทุกรายมีจุดร่วมเหมือนกันคือ อายุน้อย เป็นโสเภณีหรือไม่ก็พวกติดยา
จากคำรับสารภาพนี้ ทำให้ซามูเอลขึ้นแท่นกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องอันดับ 1 ของสหรัฐอเมริกาแซงหน้า แกรี่ ลีออน ริดจ์เวย์ (Gary Leon Ridgway) นักฆ่ากรีนริเวอร์ซึ่งสังหารเหยื่อผู้หญิงไป 49 รายด้วยกัน
อย่างไรถึงจะเรียกว่าฆาตกรต่อเนื่อง
คำว่าฆาตกรต่อเนื่อง (serial killer) ถูกบัญญัติขึ้นในปี ค.ศ. 1971 แต่เรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องย้อนไปได้เกือบ 500 ปีทีเดียว เพราะมีหลักฐานฆาตกรที่ลักพาตัวเด็กเพื่อไปทรมานข่มขืนและฆ่าทิ้ง โดยฆาตกรต่อเนื่องส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมพื้นฐานในวัยเด็ก 3 อย่าง คือ ชอบทรมานสัตว์เล็ก ชอบวางเพลิง และฉี่รดที่นอน (บางรายโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ยังฉี่รดที่นอนอยู่) โดย 3 พฤติกรรมนี้ถูกพบในตัวฆาตกรต่อเนื่องแทบทุกราย ซึ่งมีส่วนหลอมให้พวกเขาเดินเข้าสู่เส้นทางการฆ่าในเวลาต่อมา
ฆาตกรต่อเนื่องนั้นมีวัยเด็กที่เจ็บปวด หลายคนเป็นเด็กถูกรับมาเลี้ยง เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือถูกทำร้ายร่างกายรวมถึงจิตใจในวัยเด็ก ซึ่งความหลังในวัยนั้นได้ส่งผลต่อสภาพจิตใจของฆาตกรเหล่านี้ พวกเขาไม่เข้าใจหรือไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์เหมือนกับคนทั่วๆ ไปได้ และส่งผลต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ทำให้ฆาตกรเหล่านี้แตกต่างจากมนุษย์คนอื่นๆ แน่นอนว่าฆาตกรต่อเนื่องหลายรายมักจะก่อเหตุทำความผิดซ้ำๆ เดิมๆ และเข้าออกเรือนจำอยู่เสมอ
FBI ให้คำจำกัดความฆาตกรต่อเนื่องว่า จะต้องมีการฆาตกรรมเหยื่อมากกว่า 2 รายขึ้นไป โดยทุกครั้งที่ลงมือฆ่าจะต้องเป็นช่วงเวลาที่แตกต่างกัน โดยการฆาตกรรมแต่ละครั้งจะมีแรงจูงใจในการก่อเหตุแตกต่างกันไป อาจเป็นเรื่องเพศ ความโกรธ ความไม่พอใจหลายอย่าง บางครั้งฆาตกรเหล่านี้มักจะลงมือสังหารเหยื่อเพียงคนเดียว และจากสถิติฆาตกรต่อเนื่องนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนผิวขาวมาจากชนชั้นล่างถึงชนชั้นกลาง อายุประมาณ 20 หรือ 30 ปี
แต่สำหรับฆาตกรต่อเนื่อง 93 ศพรายนี้ไม่ได้เป็นคนผิวขาวแต่อย่างใด
ภูมิหลังฆาตกร
จากข้อมูลที่สื่อมวลชนรวบรวมมาไม่มีหลักฐานชีวิตในวัยเด็กของผู้ต้องหาอย่างแน่ชัด มีเพียงรายละเอียดว่า ซามูเอลน่าจะเกิดในคุก เพราะแม่ถูกจับ และถูกเลี้ยงมาโดยย่าในเมืองโอไฮโอ โดยเขาได้นิยามแม่ว่า ‘เป็นสุภาพสตรีแห่งราตรีกาล’
เมื่อโตขึ้นมาซามูเอลถูกจับกุม 10 กว่าครั้งในหลายความผิด ทั้งปล้นโดยใช้อาวุธ ข่มขืน ลักพาตัว โดยเขาจะเดินทางไปทั่วประเทศ อาศัยอยู่ในย่านเสื่อมโทรมและอยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราว จนในปี ค.ศ. 2014 จึงถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรม
เมื่อเขาออกมารับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบคำให้การของ ซามูเอลแล้วพบว่ามีความน่าเชื่อถือ โดยตอนนี้สามารถยืนยันเหยื่อที่ถูกฆ่าไปได้กว่า 50 กว่าราย และด้วยความที่ผู้ต้องหามีอายุ 79 ปีแล้ว การทำงานของเจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งรีบมากขึ้น เพราะตอนนี้ผู้ต้องหาต้องนั่งรถเข็น มีสุขภาพย่ำแย่ เจ้าหน้าที่กลัวว่าหากทำงานล่าช้า ซามูเอลอาจจะความจำเสื่อมหรือตายเสียก่อน ซึ่งจะทำให้โอกาสระบุตัวเหยื่อผู้เสียชีวิตยากขึ้น
จนถึงขณะนี้ผู้ต้องหาได้วาดภาพเหยื่อจำนวนหลายราย และทางเจ้าหน้าที่ได้ขอความร่วมมือจากสาธารณชนในการช่วยระบุตัวผู้เสียชีวิตอีกด้วย โดยการได้มาซึ่งคำรับสารภาพ จนนำไปสู่การสืบสวนนี้ เป็นความสำเร็จที่เกิดจากการทำงานของเจ้าหน้าที่หน่วยเรนเจอร์ รัฐเท็กซัส นามว่า เจมส์ ฮอลแลนด์ (James Holland)
ความพยายาม
หลังจากซามูเอลต้องโทษในความผิดฐานฆ่ารัดคอหญิงสาว 3 ราย ถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ระหว่างนั้นอัยการได้พิจารณาว่าตัวซามูเอลเองเป็นนักล่าทางเพศ อีกทั้งทาง FBI ยังเชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้น่าจะก่อเหตุสังหารเหยื่ออีกเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีหลักฐานโยงไปถึง และทางซามูเอล เองก็ไม่เคยปริปากรับสารภาพในความผิดอื่นๆ ด้วย
ทาง FBI จึงทำได้เพียงคาดการณ์ว่าเขาน่าจะเป็นคนร้ายในคดีหญิงสาวหายตัวไปอย่างปริศนาในหลายรัฐ รวมถึงรัฐเท็กซัส ซึ่งจุดนี้ทำให้ เจมส์สนใจและขอข้อมูลจาก FBI ในทันที
นักสืบลงมือตรวจคดีคนหายตัวไปในรัฐเท็กซัส มุ่งเน้นคดีผู้เสียชีวิตซึ่งไม่มีหลักฐานทางดีเอ็นเอ หรือหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ใดๆ ทั้งสิ้น โดยในคดีหนึ่ง เขาออกสืบสวนหาโสเภณีรายหนึ่งที่หายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอยในปี ค.ศ. 1994 ลูกชายของเธอขับรถออกตามหาแม่ร่วมกับคุณปู่ โดยขับรถไปแทบทุกที่แต่ก็ไม่พบ จน 1 เดือนผ่านไป มีเจ้าหน้าที่เรียกให้ไปดูศพแม่ซึ่งถูกฆ่ารัดคอแล้วถูกนำไปทิ้งในลานจอดรถแห่งหนึ่ง
เจมส์ลองค้นข้อมูลว่าเหยื่อที่ถูกฆ่ารัดคอนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับซามูเอลหรือไม่ แม้จะไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่เขาก็เริ่มสอบสวนคดีโสเภณีนี้แล้วพบว่าขณะเกิดเหตุตัว ซามูเอลอยู่ในเท็กซัสพอดี ด้วยสัญชาตญาณการสืบสวน เจมส์จึงลงมือทำงานหาหลักฐานไปเรื่อยๆ ในที่สุดเขาขอเข้าเยี่ยม ซามูเอลที่เรือนจำ โดยใช้เวลาสอบปากคำพูดคุยกับซามูเอลหลายครั้ง เป็นเวลากว่า 700 ชั่วโมง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีก่อน กว่าจะได้มาซึ่งรับคำสารภาพในเดือนนี้
วิธีการของเจมส์นั้น เขาเน้นว่าการสอบปากคำฆาตกรประเภทนี้ อย่าใช้รูปแบบทำงานสืบสวนทั่วไป โดยเขาหลีกเลี่ยงการพูดถึงความเห็นอกเห็นใจ การสำนึกผิดในสิ่งที่ผู้ต้องหากระทำลงไป โดยเราจะต้องให้ฆาตกรเปลือยตัวตนถึงสิ่งที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุด (นั่นก็คือการสังหารเหยื่อ) ต้องเปิดใจให้กว้าง ทำให้เขารู้ว่าทำไมจะต้องเล่าให้เราฟัง นั่นแหละคือวิธีการสอบปากคำเรื่องนี้
“วันที่เขารับสารภาพ ตอนคุยกันในช่วง 2-3 นาทีแรกเขาดูเดือดดาลมาก ต้องใช้เวลาอีก 30 นาทีกว่าจะทำให้เขาเย็นลง ตอนนั้นผมคิดว่า เขาไม่ใช่พวกชอบข่มขืนแน่ แต่ถูกวาดภาพให้เข้าใจว่าเป็นพวกชอบข่มขืน จนผมบอกย้ำว่าเขาคือนักฆ่า ตอนพูดว่านักฆ่า เขาอึ้งๆ ไป มองผมไปมา แล้วยอมรับคำนี้ คำว่านักฆ่า”
ในที่สุดซามูเอลจึงเปิดปากรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970-2005 โดยสถานที่ก่อเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นในรัฐฟลอริด้าและรัฐแคลิฟอร์เนีย หากพูดให้เจาะจงเข้าไปอีก ฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ชอบลงมือก่อเหตุในเมืองไมอามี่ และเมืองลอสแอนเจลิส โดยในแอลเอ เขาสังหารเหยื่อไป 20 รายด้วยกัน หลังก่อเหตุเสร็จก็ออกจากเมือง และหากถามว่าทำไมเขาถึงรอดมาได้นานขนาดนี้ เขาตอบว่า
เพราะผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเหยื่อที่ตำรวจไม่ค่อยสนใจจะสืบสวน
“ผมอยู่ในโลกของผม และทำในสิ่งที่ผมอยากจะทำ ผมไม่ไปในโลกของพวกคุณ” ซึ่งจากหลักฐานชี้ว่าฆาตกรรายนี้อาศัยอยู่ตามย่านเสื่อมโทรม หลากไปด้วยคนยากจน มากไปด้วยคนติดยา ซึ่งตำรวจไม่คิดจะเข้าไปยุ่งในสถานที่แบบนี้อยู่แล้ว
สำหรบแรงจูงใจในคดีนี้ ทางตำรวจเชื่อว่าต้องเกี่ยวพันกับเรื่องเพศแน่นอน เพราะที่แอลเอ มีหลักฐานดีเอ็นเอของผู้ต้องหาอยู่ในจุดเกิดเหตุหลายแห่ง และบางที่ก็พบคราบอสุจิของฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ปนอยู่ในตัวศพและเสื้อผ้าของเหยื่อด้วย
“จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ตลอดชีวิตการทำงาน คุณจะได้เห็นปีศาจสัก 2-3 ครั้ง ตอนที่ผมสอบปากคำเขา มองตาเขา ผมเห็นว่ามันเป็นแววตาปีศาจจริงๆ” นักสืบแห่งกรมตำรวจลอสแอนเจลลิสผู้จับกุมซามูเอลเข้าคุกรำลึกความหลัง
ภาพลักษณ์คุณปู่แก่ๆ ท่าทางใจดี อาจทำให้ใครหลายคนแทบไม่เชื่อว่าคนคนนี้จะเป็นฆาตกรต่อเนื่องสังหารโหดได้ แต่อย่าให้ภาพลักษณ์นี้หลอกเรา เพราะความจริงซามูเอลนั้นเป็นคนฉลาดมาก (ไม่อย่างนั้นจะก่อเหตุได้ยาวนานขนาดนี้เหรอ) แถมยังมีความทรงจำแบบภาพถ่าย ซึ่งทำให้เขาจดจำรายละเอียดในสถานที่เกิดเหตุได้เยอะมาก ละเอียดขนาดที่ว่ามีแต่ตำรวจ คนตาย กับฆาตกรเท่านั้นที่รู้เรื่องพวกนี้ หลังจากการให้ปากคำ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ แล้วพบว่าคำให้การมีน้ำหนักจนสามารถระบุคดีที่เขาก่อเหตุได้อย่างชัดเจน
“มีคนถามผมว่า ทำไมเขาถึงเล่าให้ผมฟัง คงเพราะว่าเขาชอบผมละมั้ง และก็มีคนถามอีกว่าทำไมผมถึงต้องทำดีกับเขาด้วย ผมจะพูดว่าไงดีล่ะ เราจะต้องการคำรับสารภาพคดีเดียว หรือคำรับสารภาพทั้ง 93 คดี” เจมส์ให้สัมภาษณ์
ดังที่บอกไปว่าเหยื่อหลายคนคือโสเภณี คนติดยา แต่พวกเขาก็มีญาติมิตรคนรู้จัก ดังเช่นคดีในปี ค.ศ. 1994 จุดเริ่มต้นในการทำคดีของเจมส์ พิธีกรรายการ 60 minutes ได้สอบถามความหลังของลูกชายตอนที่ได้เห็นศพแม่ของตัวเองว่า “ตอนนั้นคุณอายุเท่าไหร่”
“14 ปีครับ”
“มันคงจะติดตาคุณมากเลยสินะ”
“ใช่ครับ”
ต้องใช้เวลาถึง 25 ปีด้วยกัน กว่าที่ลูกชายจะรู้ว่าฆาตกรซึ่งสังหารโหดแม่ของเขานั้นคือใคร
บทสรุป
การที่ตำรวจสามารถระบุตัวฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ได้ แสดงถึงความไม่ย่อท้อของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในการไล่ล่าหาตัวคนร้าย เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตรวมถึงญาติมิตรครอบครัว แม้จะใช้เวลานาน แต่เมื่อความจริงปรากฏ มันก็ได้ทำหน้าที่เยียวยาให้กับผู้เสียชีวิตและญาติมิตรของเหยื่อทุกคน
สื่อมวลชนได้สอบถามซามูเอลถึงความเป็นได้ว่าอาจมีแพะซึ่งถูกจับกุมในคดีที่เขาก่อเหตุหรือไม่ ซามูเอลตอบว่าน่าจะมี โดยเขาย้ำว่า “ถ้าผมช่วยใครบางคนออกจากคุกได้ พระเจ้าอาจจะยิ้มน้อยๆ ให้”
นอกจากนี้ฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ยังได้กล่าวถึงเหยื่อว่า
“พวกเธอเป็นคนไร้บ้าน เป็นคนจิตใจแตกสลายที่เดินเข้ามาในใยแมงมุมของผม เชื่อว่าไม่น่าจะมีใครอื่นทำแบบเดียวกับที่ผมทำ คงมีผมเพียงคนเดียวในโลกที่ทำแบบนี้ มันไม่ใช่เกียรติ แต่คือคำสาป”
ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อระบุตัวผู้เสียชีวิตให้ได้ครบ 93 คน เป็นการสะท้อนความจริงว่าทุกคนตายมีใบหน้า มีชื่อ มีคนรู้จัก มีเพื่อนญาติมิตร ความยุติธรรมที่ดี จึงไม่ใช่เพียงเพื่อเยียวยาผู้มีชีวิตอยู่เท่านั้น
แต่ยังต้องให้ความยุติธรรมกับคนที่เสียชีวิตไปแล้วด้วย
นั่นจึงเป็นภารกิจสำคัญของคนเป็นที่ต้องดำเนินการในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับคนตาย