ก่อนจะกล่าวเนื้อหา ขอสดุดีและให้กำลังใจ ‘เพนกวิน’ และคนอื่นๆ ที่กำลังอดอาหารประท้วง รวมถึงคุณสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ คุณแม่ของ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ ผู้โกนผมเรียกร้องมนุษยธรรมและความยุติธรรม คุณแม่ผู้เสียสละ ทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องรักษาชีวิตลูกจากความอำมหิตของ “ศาลสถิตยุติธรรม”
หลายครั้งที่เราจะสังเกตหญิงแกร่ง หญิงนักต่อสู้ ได้ไม่ยาก แม้จะเห็นจากที่ไกลๆ เพราะทรงผมของพวกเธอถูกโกนจนหมดไม่เหลือ หากเราเห็นภิกษุณี พวกเธอก็ต้องต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติจากหน่วยงานราชการพุทธอำนาจนิยมมายาวนานกว่า พวกเธอเรียกร้องสถานะภิกษุณี แม้แต่แม่ชีพวกเธอก็ต้องดิ้นรนจากการถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบโดยโครงสร้างพุทธแบบอำนาจนิยมเช่นกัน และผู้หญิงบางคนที่ต้องต่อสู้กับความเจ็บป่วย การโกนผมก็เป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งแห่งการต่อสู้อันหนักหน่วงของพวกเธอ
และหลายครั้งที่เราจะเห็นเฟมินิสต์ หญิงหัวก้าวหน้า หัวขบถ ไม่จำนนและท้าทายต่อโครงสร้างสังคมวัฒนธรรมจะมีทรงสกินเฮด (skinhead) แต่ก็ใช่อยู่ที่ผู้หญิงโกนหัวไม่จำเป็นต้องเป็นเฟมินิสต์ หรือเฟมินิสต์ทุกคนต้องโกนผมเสมอไป
เพราะกว่าจะไว้ผมให้ยาวจนประบ่า กว่าจะปล่อยให้ยาวถึงหลัง มันใช้เวลานานขนาดไหนใครๆ ก็รู้ การโกนผมที่เฝ้าสระ หมัก นวด ทะนุถนอมมาเป็นแรมปี มันจึงมีความหมายสำคัญ และเป็นการเปลี่ยนผ่านตัวตนที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะในสังคมที่การกล้อนผมคือการละทิ้งตัวตนและบทลงโทษบางประการ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงที่ยังคงอยู่ในโลกที่มีค่านิยมว่าต้องผมยาว “ความงาม” “ความเป็นหญิง” ยังผูกอยู่กับผมยาว เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกเพศสภาพของพวกเธอในหลายวัฒนธรรม ความยาว-สั้นของพวกเธอไม่เพียงเป็นมาตรวัด “ความเป็นหญิง” ยังสะท้อนถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้เดียงสาของผู้หญิง อันเป็นอุดมคติของปิตาธิปไตย เช่น ราพันเซล (Rapunzel) เจ้าหญิงผมยาวในเทพนิยายเยอรมันพี่น้องตระกูลกริมม์ ผู้หญิงสกินเฮดจึงง่ายต่อการถูกตีตราตัดสินจากสายตาคนภายนอก
เช่นเดียวกับที่คุณแม่ของเพนกวินกล่าวขณะที่ให้ตัดและโกนผมตนเองว่า ผู้หญิงต่างก็รักผมของตัวเอง ผมเป็นส่วนหนึ่งของความสวยงาม ไม่อยากเสียผม ไม่อยากไม่สวย ไม่อยากน่าเกลียด แต่การที่เธอจะเสียผมและความงามไปนั้น มันมีความอัปลักษณ์น่าเกลียดน่าชังที่ยิ่งกว่าคือ ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับศาลที่ควรจะสถิตยุติธรรม
การโกนผมคุณแม่ของเพนกวิน ไม่เพียงทำให้ประจักษ์
ไปเลยว่าสิ่งที่เธอกำลังต่อสู้ประท้วงอยู่มันเลวร้ายอัปลักษณ์ขนาดไหน
ขณะเดียวกันก็ได้สร้างความหมายของความงามขึ้นมาใหม่ เป็นความงามของการเลือกใช้เนื้อตัวร่างกายและสละบางส่วนของร่างกายเป็นพื้นที่เปิดโปงความไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม และการกดขี่ ความงามของผู้ที่ยืนเด่นโดยท้าทาย
การเลือกโกนผมจึงเป็นการประชดแดกดันกับอำนาจบางประการ ซึ่งอำนาจเหล่านี้มักชอบทดลองหรือบริหารอำนาจด้วยการบีบบังคับเนื้อตัวอวัยวะร่างกายผู้อื่น เช่นการโกนผม ซึ่งได้กลายเป็นสัญลักษณ์สะท้อนสภาวะกดขี่ การใช้อำนาจกดทับเนื้อตัวร่างกายผู้อื่น เช่นการใช้อำนาจในโรงเรียนรัฐบาล เรือนจำ ค่ายทหาร ค่ายกักกัน แม้จะดัดจริตอ้างถึงสุขอนามัย (มึงก็จัดการสถานที่ให้มันสะอาดถูกสุขลักษณะสิ) หรือระเบียบวินัยที่ไม่มีตรรกะความสมเหตุสมผลใดๆ ที่มารองรับระเบียบวินัยกับผมเกรียน ๆ ขาวสามด้านนั่น อันที่จริงการบังคับกล้อนผมหรือตัดสั้น มันคือการกดขี่เนื้อตัวร่างกายผู้อื่นโดยผู้กุมอำนาจ ที่ต้องการลดทอนตัวตนของคนนั้น ๆ
มันจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือในการลงโทษ การประจานให้อับอาย เช่นในปี ค.ศ.1944 หญิงฝรั่งเศสที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมมือสมรู้ร่วมคิดกับพวกนาซีหรือหลับนอนกับทหารเยอรมันถูกลงโทษด้วยการโกนผม เปลื้องผ้า เขียนเครื่องหมายสวัสดิกะบนหน้าผากและหน้าอกด้วยลิปสติกของพวกเธอ แล้วจับแห่ตระเวนเดินเท้าเปล่าทั่วกรุงปารีส เพื่อให้เหมือนกับที่พวกนาซีทำกับนักนักโทษในค่ายกักกัน
แต่บางครั้งข้อกล่าวหานั้นก็เป็นเพียงความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นความสนใจ เพราะผู้กล่าวหาและอัยการเองก็เป็นผู้ร่วมมือกับพวกเยอรมันนาซีเองด้วยในช่วงสงครามโลก และผู้หญิงบางคนที่ถูกกล่าวหาว่านอนกับพวกนาซีก็เพราะถูกขู่บีบบังคับและข่มขืน ไม่ได้สมยอมหลับนอนด้วย
ขณะที่ในยุค 60’s การกล้อนผมไว้ทรงสกินเฮด สวมรองเท้าบู๊ตและแจ็คเก็ต กลายเป็นอัตลักษณ์ของกลุ่มชนชั้นแรงงาน ที่ท้าทายและสื่อสารกับชีวิตชนชั้นกลางที่หันมาไว้ผมยาวในฐานะอัตลักษณ์หนึ่งของฮิปปี้ และได้กลายเป็นวัฒนธรรมย่อยใหม่ในลอนดอนตะวันออก กลายเป็นสัญลักษณ์ความกล้าหาญและท้าทาย
ขณะที่ Grace Jones ศิลปินไอคอนแห่งยุค 80’s เขาโกนผมตัวเองเพื่อประกาศถึงการก้าวข้ามทั้งชาติพันธุ์และเพศสภาพไม่ผูกติดหรือเจาะจงกับกลุ่มอัตลักษณ์ใด ก้าวข้ามตัวเองจากรูปธรรมสู่นามธรรม และในช่วงต้น 90’s เฟมินิสต์สายพังค์ Kathleen Hanna ก็ได้ปลุกกระแสโกนหัวเพื่อท้าทายความอนุรักษ์นิยมทางวัฒนธรรมและปลดแอกจากเพศสภาพแบบเหมารวมตายตัว จากนั้นในช่วงกลาง ผู้หญิงในวงการดนตรีก็เริ่มหันมาไว้ทรงสกินเฮดมากขึ้น
ในโลกภาพยนตร์ก็เช่นกัน บทนางแกร่งขาบู๊ มักเป็นตัวละครผมสั้นติดหนังหัว ในเรื่อง Alien 3 (1992) ที่เรื่องราวจำลองสถานการณ์โลกไร้เพศ นักแสดงสาว Sigourney Weaver ก็ต้องโกนหัวของเธอเพื่อปราบเอเลี่ยน และ Demi Moore ใน G.I. Jane (1997) ก็เช่นกัน เธอโกนหัวเพื่อแสดงถึงการต่อสู้ แกร่ง ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมตายง่าย ๆ
แม้ว่าผมสกินเฮดจะกลายเป็นแฟชั่นในวัฒนธรรมป๊อปไปแล้ว
แต่การโกนผมยังคงเป็นวัฒนธรรมสากลในการประท้วง
และสัญลักษณ์ที่ผู้หญิงหลายคนใช้เป็นอีกหนึ่งทางของการเคลื่อนไหวเรียกร้อง
Emma González นักเคลื่อนไหวชาวอเมริกันที่เรียกร้องให้การควบคุมอาวุธปืน เธอเป็นผู้รอดชีวิตจากการกราดยิงในโรงเรียนมัธยมที่เธอเรียนเมื่อปี 2018 ที่รัฐฟลอริดา เธอไว้ทรงสกินเฮด Rose McGowan นักแสดงหญิงก็โกนหัวเพื่อประท้วงและให้โลกหันมามองเธอให้ตระหนักถือการข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศในวงการหนัง Hollywood ที่เธอถูก Harvey Weinstein กระทำ
ในปี ค.ศ.2018 ภรรยาทนายความและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนชาวจีน โกนผมประท้วงที่ปักกิ่ง หลังสามีของพวกเธอถูกจับกุมดำเนินคดีกล่าวหาว่าบ่อนทำลายรัฐบาลในปี ค.ศ.2015 เนื่องจาก ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สั่งกวาดล้างฝ่ายตรงข้าม นักเคลื่อนไหวและทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนนับตั้งแต่ขึ้นสู่อำนาจปี ค.ศ.2012 และพวกเธอก็ได้เดินทางไปยื่นเอกสารที่ศาลให้ปล่อยตัวหลายครั้ง ท่ามกลางความเงียบงันและกลั่นแกล้งเลือกปฏิบัติมาหลายขวบปี ทั้งผู้พิพากษาเลื่อนเวลาพิจารณาคดีไปเรื่อย ๆ ไม่ให้เลือกทนายเอง
และในไทยปี ค.ศ.2021 เมื่อชาวบ้านบางกลอยที่เคลื่อนไหวกลับไปอยู่ที่ใจแผ่นดิน ถูกจับคุมขังไม่พอยังถูกบังคับโกนผมหลายสิบคน นำไปสู่การโกนผมประท้วงหน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งในช่วงเวลาแห่งการเคลื่อนไหว กรกนก คำตา และ ชุมาพร แต่งเกลี้ยง หรือ ‘วาดดาว’ จากกลุ่ม ‘เฟมินิสต์ปลดแอก’ ก็ได้ยอมสละผมยาวของเธอร่วมกล้อนหัวประท้วงด้วย
ไม่มีคำอื่นใดนอกจาก คำสดุดีชื่นชมผู้ที่ยอมสละสัญลักษณ์ความงามและบางส่วนของร่างกายเพื่อเรียกร้องความถูกต้อง ความเป็นธรรม และหวังอย่างยิ่งว่าการสูญเสียผมยาวสลวยของพวกเธอจะปลุกพลังและปลูกความตระหนักได้ของสังคมให้งอกเงยขึ้นมา เหมือนกับเส้นผมของพวกเธอในวันข้างหน้า
เอกสารอ้างอิง