1.
ตอนที่สตีเฟน สปาฮัสกี้ (Stephen Spahalski) ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวหนังสือพิมพ์ในเรือนจำ เขาถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อทราบเรื่องราวจากนักข่าว “นึกว่าผมจะเป็นฆาตกรเพียงคนเดียวของครอบครัวนี้เสียอีก”
สตีเฟนติดคุกมาหลายครั้งสลับกับออกไปใช้ชีวิตข้างนอกได้ไม่นานก็หวนคืนสู่การเป็นนักโทษอีกครา เป็นวงจรสม่ำเสมอในชีวิต ที่เรือนจำชายหนุ่มดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ใครเห็นแวบแรกก็รู้ว่าเขาเป็นเกย์
ตอนที่นักข่าวขอสัมภาษณ์ เขายินดีเล่าเรื่องราวทุกอย่าง จนกระทั่งผู้สื่อข่าวบอกว่า โรเบิร์ต สปาฮัสกี้ (Robert Spahalski) ฝาแฝดของเขาติดคุกในข้อหาฆ่าคนตายหลายคน หรือที่จริงแฝดเขาไปไกลกว่า คือกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องเลยด้วยซ้ำ ข่าวนี้สร้างความแปลกใจให้กับสตีเฟนอย่างมาก เมื่อผู้คุมนำข่าวของโรเบิร์ตมาให้อ่าน สตีเฟนถึงกับอุทานออกมาว่า “เขาจะไม่มีวันได้ออกมาเดินบนถนนอีกต่อไป” พร้อมหวนรำลึกถึงความหลัง ความผูกพันกันระหว่างเขากับแฝดที่สุดท้ายก็แยกย้ายไปมีชีวิตใหม่ แต่ก็ยังผูกพันกันผ่านการปลิดชีพคนอื่น
ขณะที่อีกคนแค่ฆ่าไปศพเดียวแล้วก่อเหตุอาชญากรรมอีกมากมาย แฝดอีกคนไม่ได้ก่ออาชญากรรมมากมาย แต่กลับฆ่าคนไปถึง 4 ศพด้วยกัน
นี่คือเรื่องราวของฝาแฝดที่มักจะรู้ใจ ผูกพันกัน ต่างรู้ว่าใครคิดอย่างไร ทำอะไร บางทีก็ร่วมแบ่งปันความรู้สึกร่วมกัน สำหรับฝาแฝดสปาฮัสกี้แล้วพวกเขาแบ่งปันบางอย่างระหว่างกัน นั่นก็คือการฆ่าคน
2.
สตีเฟนกับโรเบิร์ตเกิดพร้อมกัน เป็นแฝดรู้ใจกันตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กพ่อเคยพาโรเบิร์ตไปดูวิธีการสังหารหมู โดยใช้ปืนจ่อยิงที่หัว มันสมองหมูจะกระจัดกระจายออกมาอย่างเละเทะ โรเบิร์ตชอบภาพนี้มาก มันให้ความอภิรมย์ต่อตัวเขาเป็นอย่างยิ่ง
ชีวิตวัยเยาว์ของแฝดคู่นี้ดูจะเป็นไปอย่างดี ทั้งสองเล่นกีฬายิมนาสติกและทำผลงานได้เยี่ยมมาก ทั้งคู่ผ่านชีวิตโรงเรียนและน่าจะไปได้ไกลในเส้นทางนักกีฬา แต่อยู่ดีๆ ดูเหมือนแรงผลักดันในชีวิตจะพาพวกเขาก้าวสู่วังวนแห่งความรุนแรง และการก่ออาชญากรรมแบบไม่มีใครทราบสาเหตุได้
เริ่มจากชีวิตของสตีเฟนที่ติดคุกฐานฆาตกรรม เขาให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าไม่ก่อเหตุครั้งนั้น เขาน่าจะได้ทุนนักกีฬายิมนาสติกไปไกลกว่านี้ แต่ในปี ค.ศ.1971 ขณะอายุได้ 17 ปี เขาก็ฆ่าเจ้าของร้านขายของชำชายวัยกลางคนตาย โดยการใช้ค้อนทุบที่หลังศีรษะ ก่อนจะใช้ของมีคมกระหน่ำแทงจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายตายแล้วนับสิบแผล ตำรวจจับเขา และสตีเฟนก็รับสารภาพว่าก่อเหตุเพราะคนตายพยายามจะจีบพาเขาไปมีอะไรด้วย
ในช่วงเวลานั้นตำรวจไม่ได้สงสัยสตีเฟน แต่กลับไปสงสัยแฝดอีกคนอย่างโรเบิร์ตมากกว่า คำสารภาพของสตีเฟนจึงสร้างความแปลกใจให้เจ้าหน้าที่เป็นอย่างยิ่ง แต่สตีเฟนไม่ได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่มากไปว่ากว่านี้ เขาย้ำว่า
“ถ้าผมฆ่าใคร ผมมีเหตุผลที่จะทำมัน
ดังนั้นผมไม่อยากพูดอะไรต่อ เท่านี้พอ”
คำสารภาพทำให้เขาถูกตัดสินจำคุกทันที ในช่วงเวลานั้น โรเบิร์ต คู่แฝดได้มาเยี่ยมสตีเฟนไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกันเสมอเหมือนเป็นความผูกพันที่เพื่อนสนิทจากหายไป ในช่วงที่สตีเฟนติดคุกนี้เอง โรเบิร์ตก็ได้เจริญรอยตามแฝด เขาเรียนไม่จบชั้นมัธยมปลาย ทั้งที่เป็นนักกีฬาของโรงเรียน แต่เมื่อแฝดหายไป ก็เหมือนชีวิตเสียศูนย์ โรเบิร์ตเริ่มมีพฤติกรรมต่อต้านสังคม เขาพยายามจะวางเพลิงโรงเรียน และก็ก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อยจนถูกจับติดคุกเข้าออกอยู่เป็นประจำ
เช่นเดียวกับสตีเฟนหลังถูกปล่อยตัวออกมา เขาก็ก่อเหตุอาชญากรรมเรื่อยมา ทั้งลักขโมย ย่องเบา ลักพาตัวจนถูกจับขังคุกอยู่บ่อยๆ เจ้าหน้าที่พิเคราะห์ว่าสตีเฟนเห็นเรือนจำเป็นเหมือนบ้านมีความรู้สึกผูกพัน และพยายามจะกลับไปติดคุกทุกครั้งที่ถูกปล่อยตัวออกมาสู่โลกภายนอก
แฝดทั้งสองเข้าคุกกันเป็นว่าเล่น ในช่วงเวลาหนึ่ง ทั้งคู่เลยได้มาเจออยู่พร้อมหน้ากันในเรือนจำ ซึ่งสร้างความสับสนให้เจ้าหน้าที่อย่างมาก เพราะแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครกันแน่
ครั้งหนึ่งกลุ่มนักโทษพยายามแหกคุกโดยการทำที่ซ่อนใต้รถบรรทุกกองทัพบกที่มาซ่อมในคุก โรเบิร์ตซ่อนตัวอยู่ใต้รถ ขณะที่รถกำลังจะออกจากเรือนจำ ดันมีนักโทษคนหนึ่งรีบวิ่งออกมาจากใต้รถเพื่อหลบหนี แต่ไปไม่พ้นเพราะรถยังไม่ออกจากประตูเรือนจำ นั่นจึงทำให้แผนแตก นักโทษโดนจับกันหมด
คราวนี้ผู้คุมแยกไม่ออกว่านักโทษที่เขาเห็นคือโรเบิร์ตหรือสตีเฟน นั่นจึงมีคำสั่งให้ขังเดี่ยวพวกเขาทั้งคู่และสั่งแยกพวกเขาอยู่คนละแดน ไม่ให้มาเจอปนกันเพื่อไม่ให้ผู้คุมสับสนอีก และจากนี้เมื่อต้องติดคุกสตีเฟนกับโรเบิร์ตจะถูกขังแยกไม่ได้อยู่ในคุกเดียวกันอีกต่อไป
นี่จึงเป็นครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองจะได้อยู่ในสถานที่ร่วมกัน หลังจากนั้น เส้นทางชีวิตของทั้งคู่ก็แยกจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนดูเหมือนไม่รู้จักกันอีกต่อไป
3.
ประสบการณ์การฆ่าคนของโรเบิร์ตไม่เหมือนกับแฝดสตีเฟน เขาไม่เคยฆ่าใครจนถึงอายุ 35 ปี ช่วงเวลานั้นโรเบิร์ตเป็นโสเภณีชายขายตัวริมถนน เขาติดโคเคนอย่างหนัก โรเบิร์ตยอมรับกับเจ้าหน้าที่ว่า เขามีลูกค้ามาติดพันมากมาย ในช่วงที่ขายตัวนั้น โรเบิร์ตเริ่มสังหารเหยื่อเป็นรายแรก เธอเป็นโสเภณีที่ขายตัวเหมือนเขาเพียงแต่เป็นผู้หญิง โรเบิร์ตฆ่าเพื่อนร่วมงานด้วยการใช้สายไฟรัดคอจนตาย ศพถูกทิ้งไม่ห่างจากจุดที่โรเบิร์ตขายตัว เจ้าหน้าที่สงสัยชายหนุ่มอย่างมาก แต่ไม่ได้คุมตัวมาสอบตั้งข้อหาแต่อย่างใด
ไม่ถึงครึ่งปีโรเบิร์ตก็สังหารเหยื่อรายที่สอง คนตายเป็นแฟนสาวของเขาเอง ศพถูกพบในห้องของเขา แม้จะมีหลักฐานชัดคาตาขนาดนี้ แต่เขากลับรอดพ้นการตั้งข้อหาอย่างหวุดหวิด เนื่องจากว่าสาเหตุการเสียชีวิตไม่ชัดเจนว่าเกิดจากการฆาตกรรมหรือสาเหตุใด โรเบิร์ตจึงหนีรอดไปได้อีกครั้ง
นั่นจึงตามมาด้วยศพที่ 3 ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังศพที่ 2 โรเบิร์ตใช้ค้อนกระหน่ำตีชายคนหนึ่งเพราะอีกฝ่ายจะเบี้ยวค่าตัวหลังทั้งสองตกลงมีเซ็กส์กัน พออีกฝ่ายเจตนาบิดเงิน โรเบิร์ตจึงอาศัยจังหวะชายคนดังกล่าวเผลอหันหลังฉวยค้อนกระหน่ำตี 3-4 ครั้งจนอีกฝ่ายแน่นิ่งเลือดอาบ
โดยลักษณะการก่อเหตุและอาวุธในการฆ่าครั้งนี้
ช่างเหมือนกับที่สตีเฟนเคยทำ
ตอนฆ่าคนเป็นครั้งแรกอย่างมาก
โรเบิร์ตกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องตามคำนิยามของเจ้าหน้าที่ในทันที แต่อยู่ดีๆ เขาก็หยุดฆ่าคนไปกว่า 15 ปีโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ ช่วงนั้นสตีเฟนเข้าออกคุกเป็นว่าเล่น แต่ทั้งสองไม่ได้พบหน้ากัน จนวันหนึ่งโรเบิร์ตก็ตัดสินใจฆ่าคนอีกสาเหตุจากการที่เขาติดยาอย่างหนัก จนเมาแล้วเพี้ยนประสาทกลับ ทำให้เข้าใจว่าเพื่อนหญิงคนสนิทถูกผีสิง จึงต้องฆ่าเพื่อจัดการวิญญาณร้ายให้หลุดออกจากการครอบงำร่าง
โรเบิร์ตบีบคอหญิงสาวจนตายแล้วเอาศพไปแช่ดองไว้ เมื่อได้สติ เขาตกใจและสำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองกระทำอย่างมาก จึงเดินไปโรงพักและสารภาพว่าก่อเหตุฆาตกรรมกับตำรวจอย่างง่ายดาย เจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นบ้านก่อนพบศพ จึงจับกุมแจ้งข้อหาทันที
ระหว่างการสอบปากคำนั้น โรเบิร์ตตัดสินใจสารภาพความจริงว่าเมื่อ 15 ปีก่อนได้ฆ่าคนไป 3 ศพ ทำเอาเจ้าหน้าที่ต้องกลับไปดูคดีค้างเก่า เมื่อฟังคำให้การรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่จะมีเพียงฆาตกรและชุดสืบสวนเท่านั้นที่ทราบ จึงตัดสินใจแจ้งข้อหาเพิ่ม ศาลตัดสินให้เขาติดคุก 100 ปี หรือพูดภาษาชาวบ้านก็คือจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งทำให้โรเบิร์ตหมดโอกาสที่จะมีชีวิตในโลกภายนอกอย่างแน่นอน ยกเว้นจะอายุยืนยาวเสียหน่อยก็คงได้ออกมาสัมผัสเสรีภาพอีกครั้งยามแก่หากยื่นขออุทธรณ์ลดหย่อนผ่อนโทษได้
คดีของโรเบิร์ตเรียกความสนใจจากสื่อมวลชนมาก ยิ่งพบว่าคู่แฝดเขาอีกคนก็ติดคุกเช่นกัน สื่อจึงพยายามขุดคุ้ยหาว่าอะไรที่ทำให้แฝดทั้งสองกลายเป็นแบบนี้ แต่ยิ่งขุดคุ้ยลึกมากแค่ไหนก็พบแต่ความว่างเปล่ากลายเป็นปริศนาที่ไม่มีคำตอบ
ลุงของโรเบิร์ตและสตีเฟนบอกกับนักข่าวว่า เขาถึงกับแปลกใจเช่นกันที่โรเบิร์ตโดนจับ เพราะคิดว่าตายไปนานแล้ว ส่วนสตีเฟนนั้นก็เข้าออกคุกอยู่เป็นปกติ พ่อของทั้งสองเสียชีวิตไปก่อนโรเบิร์ตจะโดนจับเมื่อ 4 ปีก่อน และถึงทุกวันนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าแม่ของแฝดทั้งคู่อยู่ที่ไหนเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ศพต่างโล่งอกเมื่อฟังคำตัดสิน ในที่สุดก็ยุติคำถามที่พร่ำพูดในใจเสมอมาว่า ใครฆ่า ใครทำแบบนี้ ญาติคนตายบอกกับนักข่าวว่า
“หวังว่าเขาจะตายในคุก”
4.
เมื่อถึงปี ค.ศ.2009 สตีเฟ่นถูกปล่อยตัวออกมาจากคุก แต่ 6 เดือนต่อมา สตีเฟนบุกเข้าไปในธนาคารพยายามจะก่อเหตุปล้น เขาไม่ได้ปิดบังใบหน้า ไม่ได้ก่อเหตุทำให้ใครเจ็บหรือเสียชีวิต ไม่ทันได้เงินไป เจ้าหน้าที่ธนาคารก็แจ้งตำรวจมาจับตัว การก่อเหตุของเขาชัดเจนว่าเจตนาจะให้ถูกตำรวจจับอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวและเพราะความผิดที่เขาก่อเหตุมาหลายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ศาลลงโทษเขาหนักมากคือจำคุกถึงปี ค.ศ.2016 จึงได้รับการปล่อยตัวออกมา
วันเวลาแห่งชีวิตล่วงเข้าสู่วัยชรา สตีเฟนจึงหมดสภาพที่จะก่อเหตุอะไรได้อีกต่อไป ส่วนคู่แฝดฆาตกรต่อเนื่องยังคงใช้ชีวิตอยู่เงียบๆ ในเรือนจำ
โรเบิร์ตไม่ค่อยพูดถึงสตีเฟนมากนัก แต่สำหรับสตีเฟนแล้วเขายังคงให้กำลังใจคู่แฝดอยู่เสมอ “เขาอาจแบกรับอะไรบางอย่างอยู่ ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่ใช่จิตแพทย์ หรือบางทีเขาอาจจะอยากยกมันออกจากอก หรือบางทีเขาอาจจะเสียใจกับการฆ่าคน แต่เขาไปแล้ว จากไปตลอดกาล และจะไม่มีวันได้เห็นบ้านอีกต่อไป”
ไม่รู้ว่าสำหรับแฝดทั้งสองแล้ว บ้านที่พวกเขาหมายถึง มันคือหลังเดียวกันหรือไม่ เพราะสุดท้ายแฝดคู่นี้ก็จะไม่มีวันได้อยู่ร่วมกันแบบตอนเป็นเด็กสมัยเล่นยิมนาสติกอีกต่อไป เหลือเพียงความผูกพันผ่านการปลิดชีพที่ถูกทิ้งไว้ในความทรงจำเท่านั้น โดยสตีเฟนพูดกับผู้สื่อข่าวถึงแฝดของเขาได้อย่างน่าสนใจว่า
“เราสองก็ยังสนิทกันนะ แค่ไม่ได้เขียนอะไรถึงกันอีกแล้ว เหมือนมันมีเรื่องอื่นที่น่าสนใจมากกว่าเรื่องพวกนี้”
ข้อมูลอ้างอิง