1.
“ผมคิดว่ามันไม่ยุติธรรมนะครับ หากเราลืมผู้เสียชีวิตทั้ง 11 รายนี้”
นับเป็นคำพูดที่แสดงความห่วงใยถึงคนตายมาก ผิดเพียงว่า คนที่พูดประโยคนี้คือ อเล็กซานเดอร์ พิกชูสกิ้น (Aleksandr Pichushkin) ซึ่งถูกจับกุมหลังก่อเหตุฆาตกรรมคนไปกว่า 48 ศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบกระดานหมากรุกในห้องพักเขา มีรายชื่อผู้เสียชีวิตถูกจดไว้ในตาราง
ปกติตารางหมากรุกจะมีทั้งหมด 64 ช่อง กระดานของพิกชูสกิ้นมีรายชื่อคน 62 ชื่อ คาดการณ์ว่ามันเป็นรายชื่อเหยื่อของเขา โดยจาก 62 ชื่อ มีผู้รอดชีวิตจากการก่อเหตุฆาตกรรมของเขาเพียง 3 รายเท่านั้น
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่มีหลักฐานยืนยันว่า เขาก่อเหตุสังหารคนตายไป 48 ศพ ขณะขึ้นศาล ฆาตกรรายนี้จึงเปิดปากเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหยื่อของตัวเองอีก 11 รายทันที
นี่คือตำนานฆาตกรที่สื่อตั้งฉายาให้ว่า ‘ฆาตกรกระดานหมากรุก’ ชายผู้สังหารเหยื่อที่สวนสาธารณะในเมืองมอสโก ประเทศรัสเซียอย่างโหดเหี้ยม ในช่วงต้นปี ค.ศ.2000 – 2007
เขาไม่เคยรู้สึกผิด ไม่เคยเสียใจ โดยได้พูดถึงผู้เสียชีวิตที่ตายจากเพราะน้ำมือของเขาว่า
“ผมคือพ่อของเหยื่อเหล่านี้ เพราะผมคือคนที่เปิดประตูสู่โลกอีกใบให้กับพวกเขา”
2.
อเล็กซานเดอร์ พิกชูสกิ้น เกิดมาในครอบครัวปกติธรรมดา แม้พ่อจะทิ้งไปตั้งแต่เยาว์วัย แต่เขาก็มีชีวิตวัยเด็กกับแม่และน้องสาวที่ปกติสุข พิกชูสกิ้นชอบออกไปเล่นกับเพื่อน ฉายแววเฉลียวฉลาดตั้งแต่เด็ก
อย่างไรก็ดีจุดเปลี่ยนในชีวิตเกิดขึ้น เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะขณะไปว่ายน้ำ ตอนอายุได้ 4 ขวบ แม่ไม่ได้พาเขาส่งโรงพยาบาล เพราะคิดว่าแผลที่หน้าผากจะหายไปเอง ปรากฏว่าแผลนี้ทำให้กะโหลกร้าว และส่งผลให้อเล็กซานเดอร์เผชิญกับอาการปวดหัวอย่างรุนแรงไปตลอดชีวิต
อาการปวดนี้ แปรเปลี่ยนเด็กน้อยผู้ร่าเริง ให้กลายเป็นคนเก็บตัว เพราะอาการบาดเจ็บทำให้บุคลิกเขาดูอ่อนแอ และนำไปสู่การถูกรังแกที่โรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง เด็กน้อยถูกทำร้ายร่างกายและโดนเหยียดดูถูกผ่านคำพูด ทำให้แม่ต้องย้ายเขาไปเรียนโรงเรียนเกี่ยวกับเด็กพิการ เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่ดีแก่เขา
อย่างไรก็ดีตาของเด็กน้อย ไม่พอใจการตัดสินใจนี้ เขาเลยรับพิกชูสกิ้นมาดูแลเอง โดยเชื่อว่าโรงเรียนไม่อาจช่วยหลานรักฉลาดเก่งกาจมาได้ การมาอยู่กับตา น่าจะส่งเสริมศักยภาพของหลานได้ดีกว่า
เด็กน้อยอยู่กับตา สิ่งที่เขาได้รับมาคือการเล่นหมากรุก ไม่นานความอัจฉริยะก็ฉายแสง อเล็กซานเดอร์เลยหมากรุกเก่งมาก ปะมือกับผู้ใหญ่ในสวนสาธารณะ เมืองมอสโกได้อย่างไม่ธรรมดา แต่ขณะที่น่าจะพัฒนาได้ไกลกว่านี้ ปรากฏว่าคุณตาก็มาด่วนจากไปเสียก่อน
เด็กหนุ่มวัย 15 ปีกลับไปอยู่กับแม่ ในสภาพเศร้าเสียใจ เขาไม่ไว้ใจใคร เริ่มดื่มแอลกอฮอล์ และทำให้เขารู้แล้วว่า ตัวเองจะเล่นหมากรุกได้เก่ง หากจิบเครื่องดื่มกรึ่มๆ นิด
แม้จะเล่นเก่ง หาตัวจับยาก แต่เขาก็ไม่ได้ไปไกลเกินกว่า ยอดฝีมือในสวนสาธารณะ ที่คนมาเล่นหมากรุกคลายเครียด
การกลับไปโรงเรียนทำให้เขาถูกรังแกอีกครั้ง ผสมโรงกับอาการปวดหัว การสูญเสียคุณตา ความบอบช้ำจากการถูกกลั่นแกล้ง ในที่สุดปีศาจก็ถือกำเนิดขึ้นในตัวของเด็กหนุ่ม
ศพแรกมาถึงในไม่ช้า
3.
อเล็กซานเดอร์ชวนเพื่อนสนิทมาคุยเพื่อร่วมมือกันก่อเหตุฆาตกรรม แน่นอนว่าไม่มีใครสติดีที่ไหนรับคำชวนนี้ ผลก็คือเพื่อนสนิทรายนี้กลายเป็นเหยื่อรายแรกที่พิกชูสกิ้นฆ่า โดยการผลักเพื่อนตกลงจากหน้าต่าง แม้จะถูกจับกุม แต่ไม่มีการตั้งข้อหาแก่เขา
เด็กหนุ่มฆ่าคนเป็นครั้งแรกในชีวิต ณ ปี ค.ศ.1992 สหภาพโซเวียตล่มสลาย ก่อตัวเป็นประเทศรัสเซียความวุ่นวายมากมาย ทำให้เขารอดจากการถูกตั้งข้อหาในคดีฆาตกรรมมาได้
“รู้ไหมว่าการฆ่าคนครั้งแรก
ก็เหมือนรักครั้งแรกนะครับ
ใครเล่าจะลืมมันลงได้”
การฆ่าคนครั้งแรก ตรงกับช่วงเวลาที่ตำรวจนำตัว อังเดร ชิคาทิโล (Andrei Chikatilo) ผู้ได้รับฉายาว่าฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของสหภาพโซเวียต ซึ่งสังหารคนเป็นสถิติทางการ 53 ศพมาขึ้นศาลพิจารณาคดี
ในเวลาต่อมาผู้คนจะจดจำว่ามันเป็นการส่งต่อความโหดร้ายจากชิคาทิโลสู่อเล็กซานเดอร์ได้อย่างลงตัว แม้จะเป็นเพียงความบังเอิญของช่วงเวลาก็ตาม
หลังจากศพแรกผ่านไป ไม่มีบันทึกอย่างเป็นทางการว่าเขาเริ่มฆ่าใครอีกหรือไม่ ชายหนุ่มทำงานเป็นพนักงานร้านขายของชำ บุคลิกดูเงียบๆ แปลกๆ แต่พอได้สัมผัสก็รู้สึกว่าชายคนนี้มีเสน่ห์ ไม่มีใครถามถึงอดีตว่าเขาทำอะไรมา และอเล็กซานเดอร์ก็ไม่เคยบอกว่าเขาเคยฆ่าเพื่อนสนิทตาย
9 ปีหลังก่อเหตุฆ่าคนเป็นครั้งแรก ในที่สุดตำนานนักฆ่ากระดานหมากรุกก็เริ่มขึ้น ชายหนุ่มเล่นหมากรุกอยู่ที่สวนสาธารณะเหมือนที่เคยทำประจำ ก่อนที่จะชวนชายแก่ไปนั่งคุยด้วย โดยบอกให้มานั่งเป็นเพื่อนหน่อย เพราะเขาเสียใจที่หมาที่เลี้ยงไว้ตาย และได้ฝังมันในสวนแห่งนี้
เมื่อชายชรามานั่งด้วย อเล็กซานเดอร์ก็ใช้ค้อนทุบศีรษะชายชราทิ้ง เป็นการเปิดศักราชความโหดเหี้ยมในชีวิต เมื่อฆ่าเสร็จ ก็เอาศพไปทิ้งท่อระบายน้ำในสวน
สำหรับสวนสาธารณะที่อเล็กซานเดอร์ใช้เป็นทุ่งสังหาร มีขนาดกว้างมโหฬารมาก เจ้าหน้าที่รับแจ้งมาดูศพแล้วเก็บไป ตำรวจคิดว่ามันเป็นการทะเลาะเบาะแว้งของคนจรจัด คนเร่ร่อน ไม่มีร่องรอยการข่มขืน ไม่มีร่องรอยการทรมาน มีเพียงการตีที่หัว หลายศพถูกค้อนทุบ หลายศพถูกตีด้วยขวดวอดก้า
อเล็กซานเดอร์ลอยนวลอย่างสบายๆ
เพราะเหยื่อของเขาหลายคน
เป็นเพียงผู้ไร้ปากเสียงในสังคม
กว่าที่ตำรวจจะเริ่มตั้งใจสืบคดีก็เป็นตอนที่พบศพอดีตตำรวจเกษียณถูกตีตายในสวนแห่งนี้ เจ้าหน้าที่ถึงเริ่มตั้งใจทำงาน ถึงตอนนั้นนักฆ่ารายนี้ก็สังหารคนไป 40 ศพแล้ว
ในช่วงเวลานั้น ประชาชนละแวกสวนสาธารณะได้แจ้งตำรวจว่าคนรู้จักหายตัวไป บางคนถูกพบเป็นศพในสวนสาธารณะดังกล่าว บางรายก็เพียงแค่สูญหาย แต่ทุกรายหลังแจ้งไป ตำรวจรัสเซียไม่ได้ทำอะไรเลย
การเพิกเฉยของตำรวจทำให้อเล็กซานเดอร์ย่ามใจฆ่าคนต่อไปเรื่อย ๆ อย่างสบายใจ
ความย่ามใจนี้สังเกตได้จากเหยื่อที่ถูกเขาสังหารช่วงหลังๆ ไม่ได้นำไปทิ้งที่ท่อระบายน้ำอีกแล้ว แต่อเล็กซานเดอร์ปล่อยศพที่ฆ่าไว้ตรงจุดสังหารเลย ไม่สนใจจะอำพรางอีกต่อไป
4.
แม้เจ้าหน้าที่จะลงมาไล่ล่า แต่ดูเหมือนนักฆ่ากระดานหมากรุกยังลอยนวลสังหารคนไปต่อเนื่อง สื่อมวลชนเล่นข่าวนี้ คนในละแวกต่างหวาดกลัว ดูเหมือนปีศาจรายตัวนี้จะไม่จางหายไปไหน ฆาตกรผู้โหดเหี้ยมยังอยู่ข้างนอกนั้น รอคอยเหยื่อให้สังหาร
ช่วงเวลานั้น อเล็กซานเดอร์จะนั่งฟังข่าวตัวเองกับแม่และน้องสาวในอพาร์ตเมนท์ เขาอยู่ในอาการคันปาก อยากจะโอ้อวดว่าผลงานทั้งหมดนี้ คือฝีมือเขาเอง แต่ก็ต้องกลั้นใจไว้ มันเป็นความภาคภูมิใจของฆาตกรต่อเนื่อง สำหรับชายหนุ่ม มันคือผลงานลือลั่นโลก ที่ไม่อาจบอกใครได้ จนกว่าจะถูกจับ
เพราะความย่ามใจ หรือสาเหตุใด ยังไม่มีใครทราบ สุดท้ายอเล็กซานเดอร์ก็ชวนเพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นเสมียนร้านขายของชำไปเดินสวนสาธารณะ ก่อนจะสังหารเธอทิ้งอย่างง่ายดาย
แต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน หญิงสาวแจ้งลูกชายว่าจะออกไปข้างนอกกับอเล็กซานเดอร์ เมื่อแม่ไม่กลับบ้าน ลูกก็ไปถามชายหนุ่ม ซึ่งตอบคำถามได้อย่างน่าแปลกใจว่า “ไม่เจอแม่เธอมา 2-3 เดือนแล้วนะ”
เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ อเล็กซานเดอร์โกหก พวกเขาทำงานเจอหน้ากันที่ร้านขายของชำทุกวัน จะไม่เจอหน้ากันนานขนาดนั้นได้อย่างไร นี่เป็นเบาะแสที่ส่งผ่านไปยังนักสืบ 2 วันหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธครบมือบุกเคาะประตูอพาร์ตเมนท์ที่แม่ น้องสาว และอเล็กซานเดอร์หลับอยู่
เมื่อแม่เปิดประตู ตำรวจกรูกันคุมตัวอเล็กซานเดอร์ทันที ก่อนจะค้นห้อง แล้วก็พบตารางหมากรุกที่เขียนชื่อผู้สูญหาย ผู้เสียชีวิตจำนวน 62 รายด้วยกัน ทีแรกแม่ของอเล็กซานเดอร์คิดว่าเขาไปก่อเหตุปล้นใครมา ท่าทางของลูกชายยังปกติตอนถูกคุมตัวออกไป แต่จากนั้นไม่นาน เธอจะให้สัมภาษณ์ว่า “ดูเหมือนฉันจะรู้จักลูกคนนี้ไม่ดีพอ”
ส่วนน้องสาวก็ยอมรับว่า ที่สุดแล้วเราก็ไม่รู้ว่าพี่ของเธอเป็นใครอีกต่อไป
5.
ทีแรกตำรวจไม่ได้คาดการณ์ว่าชายคนนี้จะเป็นฆาตกรต่อเนื่อง แต่เมื่อนำตัวสอบปากคำ ผู้เชี่ยวชาญเริ่มเห็นอะไรบางอย่างในตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้ จึงนำไปสู่การพูดคุยกันอย่างดีๆ
ฆาตกรต่อเนื่องล้วนอยากเปิดปากพูดถึงผลงานน่าประทับใจของเขา เจ้าหน้าที่เกลี่ยกล่อมคุยอย่างเห็นอกเห็นใจ ทำทีเป็นเพื่อน เบื้องต้นตำรวจคาดว่าพิกชูสกิ้นน่าจะสังหารคนไป 13-14 ศพ แต่เมื่อชายหนุ่มเปิดปากว่าได้ฆ่าคนไป 60 กว่าศพ
ทุกคนจึงอยู่ในความเงียบกริบ ไม่น่าเชื่อว่าตัวเลขจะสูงขนาดนี้
เหยื่อหลายคนเป็นคนรู้จัก พักอาศัยในอพาร์ตเมนท์เดียวกับชายหนุ่ม แต่เขาก็ยังฆ่าได้อย่างสบายใจ อเล็กซานเดอร์บอกว่า “คนที่เรารู้จักดีนั้น ทำให้เราเพลิดเพลินยิ่งนักเวลาได้ฆ่าเขา”
เจ้าหน้าที่ไม่สามารถสืบหาเหยื่อทั้ง 62 รายได้ มีหลักฐานเอาผิดนักฆ่ากระดานหมากรุก ตามที่สื่อตั้งฉายาให้เพียง 48 ศพ มันสร้างความไม่พอใจให้อเล็กซานเดอร์อย่างมาก เพราะเขาควรจะได้รับสถิติการฆ่ามากกว่านี้ แน่นอนว่าอเล็กซานเดอร์พยายามให้ตัวเลขเหยื่อเกิน 53 ศพ เพราะจะทำให้เขาเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนเยอะสุดในประวัติศาสตร์รัสเซีย แซงหน้าอังเดร ชิคาทิโลให้ได้
แต่หลักฐานไม่เพียงพอ
ทำให้เขาเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนสูงสุด
เป็นอันดับ 2 ของรัสเซียเท่านั้น
เมื่อขึ้นศาล ญาติของผู้เสียชีวิตต่างอยากฆ่าเขา บางคนเผยว่าอยากจะเฉือนตัดแขนขาเขาทีละข้าง ต่อหน้าสาธารณะ และคนอย่างเขาไม่ควรถูกปล่อยตัวออกมาเดินข้างนอกได้อีก
รัสเซียไม่มีโทษประหารชีวิต นั่นทำให้อเล็กซานเดอร์ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตแทน โดยถูกขังในเรือนจำความมั่นคงสูงที่ห่างไกลในชนบท ซึ่งแม่จะเดินทางไปเยี่ยมได้แค่เดือนละ 2 ครั้ง เพื่อเอาบุหรี่และอาหารไปให้
ชายหนุ่มคนนี้จะไม่มีวันได้ออกมาข้างนอกอีก ไม่มีการลดโทษ ไม่มีการยื่นอุทธรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
ตลอดการพิจารณาคดี อเล็กซานเดอร์พูดจาเรียบง่าย บางคราวก็หัวเราะ เขาย้ำว่าเวลาชวนเหยื่อไปเดินสวนสาธารณะ เขาพูดความจริง ชวนตรงๆ ไม่เคยโกหก ไม่เคยหลอก แล้วเหยื่อก็ตามมาทุกครั้งไป
อัยการถามว่าทำไมเขาต้องฆ่าคนไปมากมายขนาดนั้น นักฆ่าผู้ยังปวดหัวเป็นครั้งคราวจากบาดแผลในวัยเด็ก เปิดเผยในชั้นศาลอย่างเลือดเย็นว่า
“สำหรับผม ชีวิตที่ไม่ได้ฆ่าใคร ก็เหมือนชีวิตพวกคุณยามไม่มีอาหารให้กินนั่นแหละครับ”
ข้อมูลอ้างอิง